🌿 ว่ากันด้วยเรื่องปลาดุก 🐟
ทราบกันมั๊ยคะว่าปลาดุกที่เรากินกันเนี่ยสายพันธุ์อะไร และปลาดุกมีกี่สายพันธุ์ แตกต่างกันอย่างไร ?
ในประเทศไทยมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมเลี้ยงกันเป็นปลาเศรษฐกิจมีอยู่ 3 สายพันธุ์
1. ปลาดุกอุย หรือที่เรียกกันว่า ดุกบ้าน ดุกนา ดุกเนื้ออ่อน 🌿🌿
ลูกพันธุ์ปลาดุกอุยอายุ 30-40 วัน
ลักษณะสีของลำตัวค่อนข้างเหลือง มีจุดประตามด้านข้างของลำตัว 9-10 แถบ เมื่อโตขึ้นจะเลือนหายไป ผนังท้องมีสีขาวถึงเหลือง หัวค่อนข้างทู่ ที่สังเกตได้ชัด คือ ส่วนปลายกระดูกท้ายทอยป้านและโค้งมนมาก เนื้อมีสีเหลือง นุ่มและมันมาก นิยมขายในร้านอาหาร
ระยะเวลาเลี้ยง ประมาณ 4-5 เดือน
🌸🌸 ทางภาคใต้ส่วนมากนิยมเลี้ยงร่วมกับปลาหมอ ด้วยเหตุผลที่ว่า
ปลาดุกอุย อายุ 4-5 เดือน
🐟 เป็นกลไกทางการตลาดเพราะมีตลาดน้อย จะขายพ่วงไปกับแม่ค้าที่มาจับปลาหมอ เนื่องจากปลาดุกอุยมีราคาแพงกว่าสายพันธุ์อื่นมาก ส่วนใหญ่จะขายเป็นปลาสด ไม่ได้นำไปแปรรูปเหมือนปลาดุกบิ๊กอุย
🐟 เลี้ยงร่วมกับปลาหมอแล้วได้ผลดี ระยะเวลาการเลี้ยงก็ใกล้เคียงกัน เนื่องจากปลาดุกเป็นปลาผิวหนังแต่ปลาหมอเป็นปลาเกล็ด ทำให้โรคของปลาไม่ค่อยแพร่ข้ามกัน จากการสันนิษฐานเป็นไปได้ว่าเมื่อปลาดุกอ่อนแอ มีโรค จะถูกปลาหมอกินไป ซึ่งเป็นการช่วยกำจัดตัวที่เป็นโรคไม่ให้แพร่เชื้อไปยังตัวอื่น ๆ แต่ถ้าไม่มีปลาหมอ ตัวอ่อนแอที่เป็นโรคจะตาย แล้วตัวอื่น ๆ จะมากินซากทำให้ติดโรคไปด้วย
ราคาในท้องตลาด 160-180 บาท/ก.ก.
ปลาดุกอุย อายุ 1 ปี
2. ปลาดุกบิ๊กอุย 🌿🌿
ลูกพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย อายุ 30-40 วัน
เป็นลูกผสมเกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างพ่อพันธุ์ปลาดุกรัสเซียกับแม่พันธุ์ปลาดุกอุย มีลักษณะภายนอกคล้ายปลาดุกอุย แต่จุดสังเกต คือ กะโหลกท้ายทอยจะแหลมเป็นหยักเช่นเดียวกับปลาดุกรัสเซีย เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนทานต่อโรคเช่นเดียวกับปลาดุกรัสเซีย แต่มีเนื้อคล้ายปลาดุกอุย คือ เนื้อออกสีเหลือง นุ่ม รสชาติอร่อย เป็นปลาที่รู้จักกันโดยทั่วไป เช่น ทำปลาดุกย่าง ปลาดุกร้า
ปลาดุกบิ๊กอุย อายุ 3-4 เดือน
ระยะเวลาเลี้ยง ประมาณ 3-4 เดือน
🌸🌸 ขนาดที่แม่ค้ารับซื้อทำปลาดุกร้า คือ 4-5 ตัวต่อกิโลกรัม ถ้าใหญ่กว่านี้ต้องขายตลาดปลาสดซึ่งสีภายนอกของปลามีผลต่อการขาย เพราะสภาพดินในบ่อบางพื้นที่ทำให้ปลามีสีดำคล้ายปลาดุกรัสเซีย ตลาดปลาสดจะไม่นิยม ต้องสีเหลือง ๆ คล้ายปลาดุกอุยจะขายง่าย
ราคาในท้องตลาด 60-90 บาท/ก.ก.
3. ปลาดุกรัสเซียหรือปลาดุกยักษ์ 🌿🌿
ปลาดุกรัสเซีย อายุ 30-40 วัน
เป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ อาจจะใหญ่ถึง 9-10 กิโลกรัม จึงถูกเรียกว่า ปลาดุกยักษ์ ลักษณะลำตัวเรียวยาว หัวใหญ่และแบน กะโหลกเป็นตุ่ม ๆ ไม่เรียบ กระดูกท้ายทอยมีลักษณะเป็นหยัก 3 หยัก ตัวมีสีเทา ไม่มีจุดประตามลำตัว เมื่อโตขึ้นจะปรากฏลายคล้ายหินอ่อน มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วมาก ต้านทานโรคและสภาพแวดล้อมสูง
ระยะเวลาเลี้ยง ประมาณ 3-4 เดือน
🌸🌸 ส่วนใหญ่จะจับขายที่ตัวละ 1 กิโลกรัม นิยมในบางตลาด เช่น ตลาดสามจังหวัดชายแดนใต้ หรือนำไปใช้ในตลาดขายเนื้อปลาทดแทนปลาดุกบิ๊กอุย เช่น ทำเนื้อปลาสับ ปลาดุกฟู น้ำพริกที่ใช้เนื้อปลา หรือบางที่จะเลี้ยงให้ตัวใหญ่ไปเลยขายบ่อตกปลา ผู้เลี้ยงต้องศึกษาตลาดก่อนเลี้ยง
ปลาดุกรัสเซียอายุ 3.5 เดือน
ราคาในท้องตลาด 50-70 บาท/ก.ก.
ขอสรุปเป็นข้อดีข้อเสียให้เข้าใจง่าย ๆ ขึ้นดังนี้ค่ะ
ปลาดุกอุย ☘️
ข้อดี
-ราคาสูงกว่าสายพันธุ์อื่น
-รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มและมันมาก
ข้อเสีย
-ทนทานต่อโรคต่ำกว่าสายพันธุ์อื่น
-เหมาะจะเลี้ยงแค่บ่อดิน ไม่เหมาะกับบ่อปูนหรือบ่อพลาสติก
-ลูกพันธ์หายาก มีฟาร์มเพาะพันธุ์น้อย
ปลาดุกบิ๊กอุย ☘️
ข้อดี
-เลี้ยงง่าย
-ทนทานต่อโรค
-มีตลาดรองรับสูงทั้งปลาสดและแปรรูป หาคนรับซื้อง่าย
ข้อเสีย
-โตช้ากว่าดุกรัสเซีย
ปลาดุกรัสเซีย ☘️
ข้อดี
-เลี้ยงง่าย โตเร็วมาก กินอาหารได้ทุกชนิด เศษอาหารเหลือ ๆ ก็ให้ได้
-ทนทานต่อโรคสูง เลี้ยงในท่อซีเมนต์ก็ได้
ข้อเสีย
-ถ้าเลี้ยงในบ่อดินมักกัดเซาะขอบบ่อ ทำให้บ่อเสียหายได้ เลยนิยมเลี้ยงในกระชัง
-มีตลาดรองรับน้อยกว่าบิ๊กอุย ส่วนใหญ่นำไปขายเนื้อทดแทนปลาดุกบิ๊กอุยเพราะราคาถูกกว่า
-เมื่อนำไปทำปลาดุกร้า เนื้อจะไม่พองเหมือนปลาดุกบิ๊กอุย เลยขายตลาดปลาดุกร้าไม่ได้
-ตลาดปลาสดไม่นิยมเพราะลำตัวมีสีเทาดำ เนื้อกระด้างกว่าบิ๊กอุย
-กินจุ ถ้าผอมจะหัวโต ดูไม่น่ากิน
-ราคาขายถูกกว่าปลาดุกบิ๊กอุย
🌸🌸🌸 ปลาดุกร้าในที่นี้ คือ ปลาดุกร้าของภาคใต้ จะไม่เหมือนกับปลาร้าทางอีสานนะคะ อันนี้คือจะใช้การนำปลาสดมาตัดหัว ทำความสะอาด เอาเกลือและน้ำตาลคลุกตัวปลาและยัดในท้อง นำไปหมักไว้ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้งเหมือนการทำปลาแห้งค่ะ ทอดด้วยไฟอ่อน ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ บอกเลยว่า หรอยจังฮู้ !!!
ขอบคุณรูปภาพจาก https://mgronline.com/travel/detail/9590000087121
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
