12 มิ.ย. 2020 เวลา 12:10 • บันเทิง
[ เรื่องสั้น : อาการของความรัก ]
“เรามาเจอกันสักครั้งดูไหม”
ข้อความทางไลน์ที่ตั้งใจปล่อยทิ้งไว้ทั้งวันโดยไม่ได้มีการตอบรับใด ๆ คงทำให้คนส่งว้าวุ่นใจไม่น้อย
ส่วนคนรับอย่างฉัน...ก็วุ่นวายใจไม่แพ้กัน
หากมนุษย์เราสามารถปล่อยพลังออกมาได้ผ่านการเพ่งมอง ข้อความนั้นคงจะแหลกสลายเป็นผุยผงไปนานแล้ว
โชคร้ายว่าฉันไม่อาจทำแบบนั้นได้
ตัวอักษรบวกสระทั้ง 25 ตัวนี้ จึงตามมาหลอกหลอน แม้หลับตาลงก็ไม่ช่วยอะไร
ซ้ำร้าย บางครั้งในความมืด
อะไร ๆ กลับแจ่มชัดกว่าเดิมเสียอีก…
‘นักอนุรักษ์ความโสด’
คือฉายาที่เพื่อน ๆ มอบให้กับฉันมาตลอด 30 ปี
โสดแล้วทำไม…
ถึงอยู่คนเดียว ฉันก็มีความสุขของฉัน กินอิ่ม นอนหลับ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ จะดูหนังคนเดียว ช้อปปิ้งให้หมดโลกเลยก็ทำได้…ถ้าเงินในบัญชีไม่หมดซะก่อนนะ
ฉันคิดแบบนั้นมาตลอด จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้คืบคลานเข้ามาเงียบ ๆ ราวกับหัวขโมยที่แฝงกายมาในยามราตรี...
ผลกระทบของมันทำให้ร่างกายที่เคยทำงานได้ดีของฉัน เริ่มออกอาการรวนเร
บ่อยครั้งที่ผิวหนังบนใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบ ฝ่ามือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อ แถมหัวใจยังเต้นเป็นจังหวะแปลก ๆ
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้น…ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเขา
เรารู้จักกันผ่านกล่องคอมเมนต์ ในแพลตฟอร์มออนไลน์แห่งหนึ่ง
ตัวหนังสือของเราได้มาเจอกันโดยบังเอิญหลายครั้งหลายครา จากพรหมลิขิตในยุคไซเบอร์ที่เรียกว่า ‘อัลกอริทึ่ม’
อัลกอริทึ่มทำให้ฉันรู้ว่ารสนิยมการเสพข้อมูลต่าง ๆ ของเราเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพลง หนัง หรือแม้แต่บทประพันธ์ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อหนังสือขายดีติดอันดับใด ๆ
รู้ตัวอีกที...สิ่งที่ฉันเฝ้าติดตาม กลับไม่ใช่คอนเทนท์ต่าง ๆ เหล่านั้น แต่คือการที่ได้คุยกับเขาผ่านกล่องคอมเมนต์ต่างหาก
จากบทสนทนาในคอมเมนต์ที่แลกเปลี่ยนกัน กลายมาเป็นการแชทผ่านไลน์
ยิ่งเราคุยกันมากขึ้นเท่าไร…
อาการของฉันก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น
ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้นี้ทำเอาฉันแทบเป็นบ้า จนบางครั้งก็อยากจะลบบัญชีออกไปให้หมด เพื่อกลับมาเป็นตัวฉันคนเดิมที่เคยเป็นอิสระ
ตัวอักษรบวกสระทั้ง 25 ตัว ยังคงค้างอยู่บนหน้าจอ ฉันรวบรวมความคิดครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความกลับไป
“พรุ่งนี้ฉันว่างตอนบ่ายสอง ว่าจะไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟหัวมุมถนน S ถ้าคุณสะดวกก็เจอกันที่นั่นแล้วกันค่ะ”
ชั่วอึดใจเดียว ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมา
“ได้เลย ว่าแต่ผมจะหาคุณเจอไหมนะ 5555”
จริงสินะ ตลอดเวลาที่คุยกันฉันไม่เคยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นรูปตัวเองเลยสักครั้ง ต่างจากเขาที่เปิดเผยหน้ามาตลอด ฉันเองแม้จะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่ลึก ๆ แล้วก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่ว ๆ ไปที่มักจะเจอข้อเสียบนใบหน้าและรูปร่างของตัวเองอยู่เสมอ
“ฉันจะพกหนังสือเล่มล่าสุดที่เราคุยกันไปด้วย...ที่เหลือฝากให้เป็นหน้าที่ของคุณนะคะ”
“หวังว่าผมคงไม่ต้องใช้เวลาถึง 53 ปี 7 เดือน กับอีก 11 วันในการตามหาคุณนะครับ” *
ข้อความหยอกล้อของเขา ทำให้ร่างกายของฉันเริ่มกลับเข้าสู่ความปั่นป่วนอีกครั้ง...
เดทแรกของเราในร้านกาแฟบ่ายนั้น
กลายเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายกาจ
บรรยากาศมันช่างว่างเปล่า...
ฉันพยายามจับอารมณ์จากสีหน้าของเขาว่ารู้สึกเหมือนกันบ้างไหม แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะอ่าน มีเพียงช่องว่างระหว่างเราที่รู้สึกได้ ชนิดที่ว่าการคุยผ่านหน้าจอยังใกล้ชิดมากกว่า
แม้แต่เสียงของเขาที่ส่งออกมาก็ยังฟังดูห่างไกล
และสุดท้าย เราก็ลาจากกัน...
โดยไม่มีแม้แต่สัมผัสที่เบาบางที่สุด
“ผมขอโทษนะ”
ข้อความของเขาเด้งขึ้นมาในไลน์
หลังจากที่เราแยกย้ายกัน
ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันเร็วเกินไป...
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาไว้เรามานัดเจอกันใหม่หลังช่วงโควิดระบาดดีกว่า จะได้คุยกันสะดวก ๆ ไม่ต้องนั่งแยกโต๊ะกัน วันนี้เลยคุยไม่ค่อยรู้เรื่องเลย”
“ดีแล้วที่เรารีบกลับนะครับ ผมว่าร่างกายของผมชักจะมีอะไรแปลก ๆ แล้วล่ะ”
“คุณไม่สบายหรอคะ”
“นั่นน่ะสิครับ แต่ไข้ก็ไม่มี
แล้วก็ไม่ได้ปวดอะไรตรงไหนด้วย” **
มุมปากของฉันยกขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม แม้จะไม่เห็นหน้า แต่ฉันก็รู้ว่าอีกด้านหนึ่งของหน้าจอก็มีรอยยิ้มปรากฎอยู่เช่นกัน
#Love in the time of COVID-19
เรื่องสั้นวันนี้ได้แรงบันดาลใจจากการเว้นระยะห่างในช่วงโควิด-19 พอพูดถึงโรคระบาด ทำให้ผมนึกถึงนวนิยายเรื่องหนึ่งของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ นักเขียนแนวสัจนิยมที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังด้วยเช่นกัน
ชื่อเรื่องนั้นคือ ‘Love in the Time of Cholera’
หรือชื่อภาษาไทยว่า ‘รักเมื่อคราวห่าลง’
กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ เปรียบเทียบอาการของคนกำลังตกหลุมรักที่ดูราวกับเป็นไข้ และเพ้อไม่ได้สติ เข้ากับอาการของโรคอหิวาห์ หรือโรคห่า ได้โรแมนติกอย่างน่าเหลือเชื่อ
ดังใน quote ที่ว่า...
** “His examination revealed that he had no fever, no pain anywhere, and that his only concrete feeling was an urgent desire to die. All that was needed was shrewd questioning...to conclude once again that the symptoms of love were the same as those of cholera.”
[ การตรวจโรคนั้นเผยว่าเขาไม่มีไข้ หรือการเจ็บป่วยทางกายใด ๆ มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้าถึงการมาเยือนของความตาย......ทั้งหมดนี้สามารถสรุปได้เพียงสิ่งเดียว นั่นก็คืออาการของความรักนั้น สามารถแสดงออกมาได้ เฉกเช่นเดียวกับอาการของโรคอหิวาห์ ]
ส่วนการอ้างอิงถึงเวลา 53 ปี 7 เดือน กับอีก 11 วัน ในเรื่องสั้นนี้ ก็มาจากอีกตอนหนึ่งที่พูดถึงความรักของพระเอก ที่รอคอยนางเอกมานานนับ 5 ทศวรรษ
* “Florentina Ariza had kept his answer ready for fifty-three years, seven months and eleven days and nights. 'Forever,' he said.”
#ขออภัยหากน้ำตาลขึ้นเกินพิกัด
ขอปิดท้ายด้วยเพลงที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่อยากขอบคุณอัลกอริทึ่ม ที่ทำให้ได้พบกับเพลงนี้ ฟังแล้วฟังอีก...ชวนให้ตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
เลยนำมาฝากให้ฟังในคืนนี้ครับ :)
🎵 ฟังเพลง ‘Plastic Love’ (2018)
โดย Friday Night Plans
(Original Song by Mariya Takeuchi) ได้ที่นี่ 👇
แล้วพบกันใหม่เพลงหน้าครับ :)
โฆษณา