12 มิ.ย. 2020 เวลา 16:35 • ไลฟ์สไตล์
ห่างหายจาก BD ไปนานมาก ด้วยภารกิจการงานที่ทำในแต่ละวัน
วันนี้ดาวจะมาเล่าเรื่องต่อ...จากบทความที่โพสต์ไว้ล่าสุด นั่นก็คือ
:: การเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ(น้ำท่วม) ในต่างแดน ::
ภาพบรรยากาศที่พบเจอก่อนเหตุการณ์น้ำท่วม (ขอบคุณ gettyimage)
ย้อนเวลากลับไปปลายปี 2010 - ต้นปี 2011
มันคือ ฝันร้ายของชาวบริสเบนและชาวรัฐควีนส์แลนด์ กับเหตุการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติ น้ำท่วมครั้งใหญ่ ในรอบ 120 ปี!!!
ภาพน้ำท่วมจาก Courier Mail
ฟังจบประโยคนี้ ดาวก็ไม่รู้ว่า ควรดีใจ หรือ เสียใจ
กับการเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้?
แต่ที่แน่ๆ วันแรกที่ต้องติดอยู่แต่ในห้องไปไหนไม่ได้ ในใจนึกแต่เพียงว่า
กลับไทยซะแต่ทีแรกก็จบละ ไม่น่าขยันเรียนลงซัมเมอร์เล้ยยยยย
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ เริ่มจากฝนตกหนักทุกวันและเกือบทั้งวัน
ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2010 - ช่วงน้ำท่วมในเดือน ม.ค. 2011 สิริรวมเวลาก็ร่วมๆ 2 เดือนกว่า
ซึ่งดาวคิดว่า ก็ฝนตกหนัก ⛈️🌊☔ตามประสา Climate Change จากปรากฎการณ์ ลานีญา
---
อยากรู้ว่า "ปรากฎการณ์ ลานีญา" คืออะไร
อ่านรายละเอียดได้ที่ 👉 https://bit.ly/3cWCOfm
---
ด้วยวิถีเด็กไทยที่เรียนซัมเมอร์(อยู่คนเดียว)
ที่ปั่นรายงานและนั่งอ่าน Academic Journals เป็นตั้งๆ พูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่เคยเปิด TV และไม่สนใจสื่อออสเตรเลียใดๆ นอกเหนือจากละครไทยใน Youtube 😂
และแล้วความไม่รู้ตัว ของหายนะมหาตภัยน้ำท่วมที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 120 ปี ก็มาเยือน!!!
เช้าวันสำคัญ...
ดาวผู้น่ารักตื่นนอนแต่เช้า เดินอย่างสบายใจไปส่งรายงานที่มหาลัย ปากก็บอกทุกคนว่า ดีจัง ฝนไม่ตก!!! ฤกษ์ดีมากๆ
ใช่ค่ะ...ฤกษ์ดีมากๆ
ระหว่างทางกลับห้อง...
คนเริ่มดูแตกตื่น วิ่งกันทั้งเมือง
คุณพ่อกับคุณแม่สอนให้ดาวมีสติ!!! เค้าคงรีบไปทำธุระล่ะมั้ง แต่ในใจเริ่มอยากจะอ้างปากถาม แต่ก็กลัวว่า จะโดนบ่นว่า ยุ่งไรด้วย ก็เลยเดินหอบหนังสือกลับห้องต่อมาอย่างงงๆ
ทันใดนั้น...สายโทรศัพท์ก็เข้ามารัวๆ
(จริงๆ รัวมาสักพักแล้ว)
ดาวก็เลยตัดสินใจเอากองหนังสือที่หอบมาอย่างหนักวางลงกับพื้น แล้วรับสายนั้น
ปลายสายพูดด้วยประโยคที่ว่า...
"อยู่ไหนหว่ะ โทรไปเป็นสิบๆ สายแล้วเนี่ย กลับห้องด่วน น้ำท่วม เค้าประกาศปิดเมือง หยุดเดินรถหมดแล้ว ต้องรีบไปซื้อของกินเด๋วนี้"
<ภาพตัดไปที่การเดินซื้อของกิน เพื่อตุนเสบียง>
คุณพระ!!! ไม่มีอะไรให้ซื้อเลย
เดินทั่วทั้งเมือง แทบทุกร้านเอาไม้มากั้นปิดประตู ปิดกระจกร้านหมดแล้ว
และร้านสุดท้ายก็คือ Woolworths Supermarkets กลางเมืองบริสเบน
ไม่เหลืออะไรเลย!!!
นอกจาก Chocolate และนมพลาสเจอร์ไรส์
ระหว่างทางกลับห้องได้แต่พูดติดตลกกับเพื่อนว่า
วิชาเนตรนารีกับลูกเสือจะทำให้เราอยู่รอดใช่มั้ย?
มีแค่ Chocolate นมพลาสเจอร์ไรส์ มาม่ากับไข่สดอันน้อยนิด เราจะอยู่กันได้กี่วัน?? 😰😰😰
<กลับมาถึงห้องเรียบร้อยกัน 2 คน
อีกคนยังไม่ถึงห้อง>
ปฏิบัติการแรก: เร่งความเย็นให้เย็นที่สุด
เพื่อให้เก็บของกินอันน้อยนิดให้ได้นานที่สุด
ปฏิบัติการที่ 2: แปลงร่างไข่สดเป็นไข่ต้ม
ปฏิบัติการที่ 3: กรอกน้ำดื่มใส่ภาชนะทุกอย่างที่มีฝาปิด
คนเรา 1 คน ดื่มน้ำ 2 ลิตรต่อวัน
เราอยู่กัน 3 คน เราก็ต้องดื่มน้ำ 6 ลิตรต่อวัน
แล้วถ้าเราติดอยู่ในห้อง 7 วัน เราก็ต้องเตรียมน้ำ 42 ลิตร
ดาวก็ยืนกรอกน้ำไปจนเพื่อนเริ่มงง ว่า เราจำเป็นต้องทำด้วยหรอ
คำตอบคือ จำเป็นมาก!!! เพราะถ้าท่อประปารั่วซึม น้ำประปามันดื่มไม่ได้
ปฏิบัติการสุดท้าย: จัดการเติมน้ำลงเครื่องซักผ้า อ่างซักผ้า อ่างล้างจาน กะละมังให้เต็ม เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับเข้าห้องน้ำ
<ผ่านไป 3 ชม. ได้รับข่าวว่า ให้รีบอพยพไปศูนย์อพยพ>
ดาวและผองเพื่อนทั้ง 2 ก็เตรียมตัวจะไปศูนย์อพยพ
แต่สวรรค์แกล้งดาว...
เพื่อนที่ถึงที่ศูนย์ก่อนหน้าโทรมาบอกว่า ไม่ต้องมาแล้ว เต็ม!!! และเต็มทุกที่!!! ที่จะนั่งยังไม่มีเลย นั่งกองกันอยู่ที่พื้นตามมุมๆ ที่หาได้
โอเคค่ะ...นอนกลิ้งต่อที่ห้อง เปิดทีวีฟังข่าว นอนฟังเสียงฮอกันต่อไป และก็จบวันแรกแบบยังมีไฟฟ้าใช้
<เริ่มต้นความครื้นเครงวันที่ 2>
มีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีก 3 คน เพราะน้ำได้ท่วมมิดห้องไปแล้ว เราทั้ง 6 ก็เลยมีเสบียงเพิ่มขึ้นอีกนิด
โซนที่เพื่อนทั้ง 3 คนอยู่มีสภาพแบบนี้
ระหว่างนี้เราก็ได้เปิด TV ฟังข่าว พร้อมกับการวิ่งไปฟังประกาศว่า จะให้เด็กไทยทั้ง 6 ที่ติดอยู่ในห้องนี้ทำอะไร
ซึ่งประกาศที่สะเทือนใจที่สุดก็มา การไฟฟ้าจะตัดไฟฟ้าในอีก 10 นาที แต่คุณก็หลอกดาว คุณพูดจบปุ๊บไฟดับเลยอ่ะ 😭😭😭
เอาล่ะ...มาถึงตรงนี้
คงสงสัยว่า ทำไมไม่ติดต่อสถานทูตไทย
ก็อยากจะติดต่อไปค่ะ แต่พี่ๆ เค้าคงเข้ามาช่วยไม่ได้ ถนนก็ตัดขาด สนามบินก็ปิด
ที่เพิ่งสุดท้ายของเด็กไทยตาดำๆ ทั้ง 6 ก็คือ
การฟังเสียงตามสายจากตำรวจที่ประกาศอยู่แค่ว่า "Emergency!!! Evacuate now!!!" ซึ่งก็แปลว่า "ฉุกเฉิน อพยพด่วน" (แต่จะให้ไปไหนอ่ะ 😭😭😭)
ดาวและเพื่อนๆ ฟังประโยคนี้ตลอดทั้งวัน ทั้งคืนเป็นเวลา 7 วันต่อจากนี้ ฟังจนหลอนเลย 😂😂😂
<เข้าวันที่ 3 น้ำมาละจ้า...
และก็มาพร้อมกับจระเข้ 🐊และฉลาม🦈>
น้ำท่วมที่ไทย เราก็เดินลุยน้ำท่วมออกไปรับของแจก หรือจะถ่ายรูปเก๋ๆ โพสต์ลงโซเซียล นั่งอยู่บนห่วงยางชิวๆ ลอยน้ำหน้าบ้าน
แต่ไม่ใช่ที่บริสเบน เพราะน้ำท่วมมาจากแม่น้ำบริสเบน ที่ซึ่งมีแหล่งจระเข้และฉลามอาศัยอยู่ และครั้งนี้ เค้าๆทั้งหลายก็ถูกพลัดมา จากแหล่งที่เค้าหลบซ่อนตัวจากมนุษย์
ฝั่งตรงข้ามกับของมหาลัยและที่พักของดาว
ดาวและผองเพื่อนจึงได้ยินประกาศเพิ่มขึ้น ใจความติดตลกที่ว่า ห้ามเดินลุยน้ำท่วม เพราะจระเข้และฉลามบุก มาแล้วววว
และนี่คือโซนที่ดาวอาศัยอยู่
ติดเกาะอย่างถาวร!!!
ร้อนก็ร้อน ของกินก็ไม่ค่อยจะมี น้ำดื่มก็ไม่ค่อยจะมี เปิดตู้เย็นได้วันละครั้ง ไฟฉายก็ไม่มี เทียนก็ไม่มี
มือถือก็ต้องเก็บแบตไว้ เอาไว้โทรยามจำเป็น
สรุปคือ หลังจากนี้อีกไม่รู้กี่วัน เราจะต้องใช้ชีวิตแบบสลอต
- ขยับตัวให้น้อยลง จะได้ไม่หิว
- ตื่นในตอนที่มีแสงอาทิตย์ และนอนกลิ้งเผลอหลับไปตอนฟ้ามืด
- เช็ดตัวแทนอาบน้ำ
**ประเทศไทยเราโชคดีนะคะ มีเหตุการณ์แบบนี้ เรายังมีถุงยังชีพมาแจก ที่นู่นไม่มีอะไรมาแจกเลยนะคะ ไม่มีคนเข้ามาช่วย ถ้าไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน
มีแต่เสียงประกาศมาเสิร์ฟฝึกภาษาให้ประสานหลอนเล่น 24 ชม./วัน**
<โชคดีที่ฝนหยุดตก น้ำลดเร็ว เราเลยใช้ชีวิตแบบจิตตกไปแค่ 7 วัน>
พวกเราถูกเกณฑ์ไปทำความสะอาดเมือง
ล้างโคลนตามพื้นถนน และถูกส่งไปพบจิตแพทย์ เพื่อประเมินอาการทางจิต
ผลประเมินคือ พวกเราทั้ง 6 จิตปกติดี
และเรียนเชิญไปลงทะเบียนรับเงินค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม
ดาวได้มา 20 เหรียญ เพราะของในตู้เย็นเสีย 😂😂😂
เหตุการณ์น้ำท่วมบริสเบนที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 120 ปี ที่มีคนเสียชีวิต 33 คน และสูญหายอีก 3 คน
ทำให้ดาวเรียนรู้ว่า...
1. เราควรต้องเปิดทีวีฟังข่าวสารบ้านเมืองเค้าบ้าง ว่า มีอะไรเกิดขึ้น
2. ทักษะการฟังในยามฉุกเฉินจำเป็นมาก
3. สติต้องอยู่กับตัวตลอดเวลา ต้องตัดสินใจให้เร็ว และปล่อยวาง
4. ทักษะการอยู่รอดที่มันดูเป็นวิชาที่น่าเบื่อตอนเรียนที่ไทยนั้นจำเป็นสุดๆ
5. เบอร์โทรฉุกเฉินที่เราต้องรู้ เช่น สถานทูตไทย สถานีตำรวจ ดับเพลิง
เรียบเรียงเหตุการณ์จริง โดย #StellarDao
โฆษณา