12 มิ.ย. 2020 เวลา 15:19 • ธุรกิจ
ถ้าล้มแล้ว ทำอย่างไร จึงจะลุกให้เร็ว ทองกวาว มีเคล็ดลับมาบอก
ทุกคนมีโอกาสล้มได้เหมือนกันหมดเลย ไม่ว่าคนนั้นจะมีความสามารถมากน้อยเพียงใหน บางคนล้มลงเพราะว่าถูกผลัก บางคนก็ล้มเองเพราะความประมาท หรือไม่ระมัดระวังในเส้นทางที่ตัวเองเดินอยู่ แต่ข่าวดีก็คือการล้มเหลวหรือการล้มลงไม่ใช่จุดจบของชีวิต ทุกคนมีโอกาสลุกขึ้นมาได้เสมอ ถ้าล้มแล้วทำอย่างไรจึงจะลุกให้เร็ว แน่นอนทุกคนก็เจ็บเหมือนกันหมด แล้วทำอย่างไรให้เจ็บน้อย ก่อนอื่นเราต้องปรับมุมมองเกี่ยวกับความล้มเหลวก่อน ว่าการล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องปกติซึ่งใครๆก็ล้มเหลวได้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็เคยล้มเหลวมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราปรับมุมมองได้แล้ว เราก็จะเห็นว่าความล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ก็จะมีพลังใจที่จะกลับมาก้าวสู่การปรับปรุงตัวเองเพื่อสู่ความสำเร็จต่อไป ใช้ความล้มเหลวให้เป็นบทเรียน แต่อย่าใช้เป็นประสบการณ์มาซ้ำเติมตัวเอง ถ้าสมมุติว่าเราล้มลงแล้ ทำอย่างไรถึงจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาได้
1. ลุกขึ้นให้ไว หลังจากที่เราอาจจะเผชิญความล้มเหลว เราจะมีความเศร้า มีความผิดหวัง เกิดขึ้น ก็อย่าให้ความรู้สึกนี้อยู่กับเรานาน เอาความรู้สึกด้านบวกนั้นกลับมาให้ไวที่สุด พยายามนึกถึงเป้าหมายของเราว่า เราอยากทำตามความฝันเดิมไหม เรายังคงเป้าหมายเดิมไหม ถ้าเรายังอยากคงเป้าหมายเดิม เราก็เอาพลังเราเหลืออยู่ทั้งหมดนี้มาปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อมุ่งไปสู่เดิม วิธีการมันเปลี่ยนแปลงได้ แล้ววิธีการที่มันทำให้เราล้มลง มันอาจจะเป็นแค่การทดลองของเราว่าวิธีการนี้ไม่ใช่ ยังมีวิธีการที่มันใช่รอเราอยู่ เพราะฉะนั้นรีบลุกขึ้นมาแล้วไปหาวิธีการใหม่เลย
2. โฟกัสที่วิธีการแก้ปัญหา อย่าไปโฟกัสที่ตัวปัญหา ในบางครั้งอาจจะมีปัญหาเรื่องของการเงิน บางคนก็ไปโฟกัสเรื่องเงิน บางคนก็ไปโฟกัสเรื่องของหนี้ วิตกกังวลว่าเออเรามีหนี้อยู่ก้อนโตจะทำยังไงดี วิธีการที่ดีที่สุดก็คือว่า จะต้องหาวิธีการหาเงินเพื่อมาชำระหนี้นั้น อย่าไปวิตกกังวลมากกับตัวก้อนหนี้ ให้เน้นที่วิธีการที่จะเพิ่มรายได้ เพื่อมาสะสางปัญหาและก็ฝ่าวิกฤตของเราต่อไป ตามปกติแล้ว ถ้าเรามองอะไรโฟกัสไปที่อะไร เราจะเห็นแต่สิ่งนั้น ถ้าเรามองแต่ปัญหา เราก็จะเห็นแต่ปัญหา ไม่เห็นทางออก ดังนั้นเปลี่ยนโฟกัส
3. ให้คิดบวก เพราะฉะนั้นเราเราควรจะขอบคุณกับทุกกรณี ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ดี หรือเหตุการณ์ที่เลวร้าย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ให้กับชีวิตของเรา เราจะควรขอบคุณกับทุกคนที่เราเผชิญหน้า ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีบุญคุณกับเรา หรือคนที่โกงเราไปก็ตาม เพราะว่าเขาเป็นครูที่สำคัญของเราทีเดียว สร้างเสริมประสบการณ์ของเรา เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของเรา ที่ให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่อไป ให้คิดเสมอว่าบทเรียนและอุปสรรคนี้จะส่งเราไปยังจุดที่ดีกว่า และเราจะต้องไปถึงจุดที่ดีที่สุดเสมอ
4. ช่างสังเกต แล้วก็รู้จักการตั้งคำถาม และก็พยายามหาคำตอบให้กับตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะควรจะสังเกตความคิดของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ควรจะสังเกตเทคโนโลยี หรือความเป็นไปในบ้านเมืองที่จะเจริญก้าวหน้า พยามหาคำตอบว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นเขาคิดอย่างไร เขามีมุมมองอย่างไรนะครับ ที่จะแก้ปัญหาต่างๆ แล้วเราก็พยายามจะแก้ปัญหาของเราได้ แนวคิดนั้นๆ ทุกความสำเร็จทิ้งร่องรอยไว้เสมอ แกะรอยให้ถูก แล้วเราก็จะสำเร็จเหมือนเขา
5. พยายามพูดคุยกับคนรอบข้าง อาจจะเป็นญาติสนิทของเราเป็นพี่น้อง หรือเป็นเพื่อนสนิท เพราะว่าการพูดคุยกับคนอื่น จะช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ จะเป็นการสร้างเสริมกำลังใจของเรา เพื่อปลุกพลังทางใจ ปลุกพลังที่เรามีอยู่ให้ขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาของเราได้ ต้องกล้าปล่อยวาง ปล่อยวาง กลัวตัวเองดูไม่ดีในสายตาคนอื่น ไม่กล้าไปปรึกษาเขา เพราะว่าความกลัวนั้นมันไม่ช่วยอะไรเลย แต่คำแนะนำจากคนอื่นอาจจะช่วยให้เราดีขึ้น อย่างน้อยๆช่วยให้เราระบายความเครียดออกไป แล้วก็มีความรู้สึกที่ดีขึ้นที่จะไปต่อสู้ปัญหาได้
6. เลือกคิดถึงความทรงจำที่ดีๆ เลือกคิดถึงความสำเร็จที่เราได้สร้างมาในอดีต เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างเสริมกำลังใจของเราในยามที่เรานึกถึงทุกครั้งก็ทำให้เราภาคภูมิใจ เราได้ก้าวมาไกลแล้ว ก้าวพ้นอุปสรรคต่างๆมามากมาย และทำให้เรามีพลังในด้านบวกที่จะเดินต่อไปอีก บางคนล้มเหลวแค่ครั้งสองครั้งเอง แต่สิ่งที่เขาทำมาดีๆทั้งชีวิตเขา เขาไม่จำแล้วก็ไปเก็บแต่ความล้มเหลว เอาเป็นพลังลบให้ตัวเอง เปลี่ยนใหม่ อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมดเลย แล้วสิ่งที่ดีๆ ทบทวนไปเรื่อยๆ จะทำให้เรามีขึ้นมา
7. หยุดคิดในด้านลบ เพราะว่าการที่เราคิดในด้านลบแล้วว่าตัวเองนี้แย่จังเลย ตัวเองนี้ไม่มีความสามารถจะไปบั่นทอนความคิดด้านบวกของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องหยุดความคิดเหล่านี้ให้หมด เช่นถ้าเรามีปัญหาว่าโปรเจกต์นี้เนี่ยไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เราก็เปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่า เออเราได้ทำไปแล้วนะ เต็มที่แล้วนะ อย่างน้อยก็มีคนสนใจระดับหนึ่ง ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าที่ต้องการก็ตาม ดีกว่านั่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไรอย่างน้อยได้ประสบการณ์ แต่อาจารย์คะคนที่ล้มลงทุกคน แน่นอนเจ็บ ทีนี้มันต้องคิดมากเป็นธรรมดา เราจะทำยังไงล่ะคะถึงไม่คิดมาก
 
มีคำแนะนำจากนักสร้างแรงบันดาลใจ ชื่อ joyce meyer บอกว่า “worrying is like a locking chair it keeps you busy but take you nowhere.” ความหมายก็คือว่า การคิดมากวิตกกังวลไม่ได้ทำให้คุณก้าวไปไหนเลย สิ่งที่มันทำก็คือมันทำให้คุณยุ่งไปวันๆเท่านั้นเอง จริงๆแล้ว เราไม่สามารถคนให้คิดวนไปวนมาได้ แต่ว่าพยายามละความคิดของเรา
พยามทำกิจกรรมอื่นที่เบี่ยงเบนความสนใจของเรา เช่นไปพูดคุยกับเพื่อน ไปท่องเที่ยว ไปทำอะไรก็ตามที่สบายใจ หรือว่า เราอาจจะไปอ่านหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ หรือว่าดูวีดีโอเทป ที่มีการพูดเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองด้วย เรียกว่าหากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ขัดจังหวะความคิดลบๆ แล้วจะทำให้เรามีความคิดบวก ถ้าเกิดว่าเราคิดลบแล้วเราก็ยังจมอยู่กับมัน มันก็ขยายใหญ่ขึ้นๆ จนเรามองไม่เห็นทางออก
ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบของชีวิต แล้วผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคน พ้นผ่านความล้มเหลวมาทั้งสิ้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ เขาไม่ล้มเลิก แน่นอนว่าวันนี้เราอาจจะเจ็บ แต่ว่าถ้าเราไม่ลุกขึ้นจะเป็นการเจ็บถาวร แต่ถ้าลุกให้ไวความเจ็บก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นลุกขึ้นเถอะอย่าท้อ คนที่ท้อเป็นได้แค่ถ่าน แต่คนที่ผ่านจึงจะเป็นเพชร และทั้งหมดเป็นส่วนของทันโลก
โฆษณา