13 มิ.ย. 2020 เวลา 13:57 • การศึกษา
ตัวนิ่ม กำลังจะเหลือแต่เพียงถ่ายภาพ ถ้าหากเรายังไม่ทำอะไร
สัตว์ตัวเล็ก ๆ ก้อนกลม มีเปลือกเเข็งห่อหุ้มร่างกาย กินมด กินปลวกเป็นอาหาร หรือที่เรารู้จักกันในนาม ตัวนิ่ม หรือ ลิ่น (Pangolin)
ตัวนิ่มหรือลิ่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวบนโลกใบนี้ที่มีเกล็ดปกคลุมอย่าง ตัวนิ่มหนึ่งตัวอาจมีเกล็ดได้มากถึง 1,000 เกล็ด ซึ่งเกล็ดเหล่านี้จะทำหน้าที่ปกป้องมันจากผู้ล่า เมื่อมันต้องเผชิญหน้ากับผู้ล่ามันจะขดตัวเป็นลูกบอลก้อนกลม ซึ่งเป็นภาพที่เราคุ้นตากันดีเวลาพูดถึงสัตว์นี้
1
แต่ถึงแม้มันจะมีเกล็ดที่แข็งแรงเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานนักล่าที่มีชื่อว่า "มนุษย์" ได้เลย
ตัวนิ่มต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง หลบซ่อนจากมนุษย์อยู่ในโพรงได้ มนุษย์ได้บุกป่าเข้าไปควานหาหางและลากออกมา บางก็ใช้ขวานตัดต้นไม้เพื่อให้จับตัวได้ง่ายขึ้น แต่ในปัจจุบันมนุษย์ได้คิดค้นวิธีที่ได้ผลดีขึ้นและไวขึ้นอย่างการ "จุดไฟเผา" เพื่อให้มันสำลักควัน จนหนีออกมาเอง และถูกทุบตีให้สลบ เพื่อที่จะไม่สามารถหนีได้ นี้คือชะตากรรมที่สัตว์ชนิดนี้กำลังเผชิญ
ภายในช่วงเวลาเพียง 10 กว่าปีที่ผ่านมาข้อมูลจากองค์กรสัตว์ป่าชี้ว่าตั้งแต่ปี 2006 – 2015 มีตัวนิ่มถูกลักลอบล่าและค้าขายอย่างผิดกฎหมายไปแล้วมากถึง 1,122,756 ตัว โดยในจำนวนนี้ตัวนิ่มทั้งแบบที่ยังมีชีวิต ไม่มีชีวิต และเกล็ดของมันก็ได้ถูกชำแหละและนำไปขายทั่วโลกผ่านตลาดมืด ซึ่งตลาดค้าสัตว์ป่าที่ใหญ่ที่สุดที่มีการค้าขายตัวนิ่มนี้ก็คือ จีน และเวียดนาม ตัวนิ่มจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีการค้าขายอย่างผิดกฎหมายมากที่สุดในโลก
สายพันธุ์ของตัวนิ่มทั้งหมดมี 8 สายพันธุ์บนโลกไปนี้ 4 สายพันธุ์อยู่ในเอเชีย และอีก 4 สายพันธุ์อยู่ในแอฟริกา ซึ่งทั้ง 8 สายพันธุ์อยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ทั้งสิ้น
ภาพจาก FB : iucn pangolin specialist group
ในธรรมชาติตัวนิ่มเป็นสัตว์ออกหากินเวลากลางคืน มักออกหากินบริเวณต้นไม้ที่มีโพรง หรือมีจอมปลวก ด้วยความที่เป็นสัตว์ขี้อายหากินตอนกลางคืน อาศัยอยู่โพรงทำให้หาตัวได้ยากมากและในปัจจุบันยังไม่มีการนำตัวนิ่มมาเพาะเลี้ยงในสวนสัตว์ได้ อีกทั้งข้อมูลที่เรามีเกี่ยวกับตัวนิ่มก็น้อยมาก หรือก็คือ ตัวนิ่มกำลังสูญพันธุ์ไปอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
เหตุผลที่ทำให้ตัวนิ่มถูกล่าและเสี่ยงต่อภาวะสูญพันธุ์นั้นก็เพราะว่า
เกล็ดตัวนิ่มนั้นเชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยาโบราณแม้ว่าจะมีงานวิจัยบ่งชี้แล้วว่าตัวนิ่มไม่มีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรค แต่ความเชื่อที่ฝังรากลึกไปแล้วก็ยากที่จะแก้ไข
( เกล็ดตัวนิ่มนั้นมีโครงสร้างที่ทำมาจากเคราตินซึ่งเป็นส่วนประกอบเดียวใน
โครงสร้างเล็บของมนุษย์ หรือก็คือกินเกล็ดตัวนิ่มก็ไม่ต่างจากการกินเล็บตัวเอง )
และการบริโภคเนื้อตัวนิ่มของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะในคนรวยและคนเอเชีย หรือคนจีน ที่นิยมนำเนื้อตัวนิ่มมาประกอบอาหาร และด้วยเหตุผลสองประการนี้ทำให้ตัวนิ่มถูกล่าเป็นจำนวนมาก
บวกกับตัวนิ่มเป็นสัตว์ที่มีอัตราการให้กำเนิดลูกที่ช้ามาก ซึ่งออกลูกเพียง 1 ตัวต่อปีเท่านั้น และลูกอ่อนจะยังไม่มีเกล็ดที่แข็งแรงทำให้พวกมันต้องเกาะตัวแม่จนกว่าจะสามารถอยู่รอดเองได้ เมื่อแม่ตายลูกน้อยมักจะตายตามไปด้วย
ภาพจาก https://www.voathai.com/a/pangolins-pt/2870016.html
หากนับระยะเวลา 10 ปีที่ตัวนิ่มถูกล่ากว่าล้านตัว ต้องใช้เวลากว่าหลาย 100 ปีถึงที่ตัวนิ่มจะออกลูกคืนได้เท่ากับจำนวนตัวนิ่มที่เสียไปโดยที่ตัวนิ่มต้องไม่ถูกล่าเลย
ไม่ใช่เพียงการล่าเท่านั้นที่ทำให้จำนวนตัวนิ่มน้อยลง การสูญเสียพื้นที่ป่าหรือพื้นที่อยู่อาศัยจากการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ และพื้นที่อยู่อาศัย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนตัวนิ่มน้อยลงเช่นกัน
การหายไปของตัวนิ่มนั้นจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากไม่ใครค่อยกำจัดปลวก มดที่เข้าทำลายพืชผล ตัวนิ่มหนึ่งตัวนั้นสามารถกำจัดมดและแมลงได้มากถึงปีละ 7 ล้านตัวเป็นอย่างน้อย หรือตกวันละ 23,000 ตัว
และหากทุกอย่างยังดำเนินไปแบบนี้โดยที่เรายังไม่ทำอะไรท้ายที่สุดแล้วตัวนิ่มก็จะเหลือแต่เพียงภาพถ่ายไม่ต่างจากสมันและสัตว์อื่นที่สูญพันธุ์เพราะฝีมือเรา
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้บริโภคตัวนิ่มหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่าตัวนิ่ม แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกการกระทำของเราตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน นั้นส่งผลต่อส่ิงแวดล้อมในทางใดทางหนึ่งและก็จะส่งผลไปถึงตัวนิ่มได้เช่นกัน
ดังเช่นคำว่า "เด็ดดวงไม้สะเทือนถึงดวงดาว"
เรียบเรียงโดย : เรื่องเล่าคนเข้าป่า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา