13 มิ.ย. 2020 เวลา 16:11 • การศึกษา
อุเพงคาปีติ
อุเพงคาปีตินี้ในคัมภีร์กรรมฐานล้านนา หรือแม้แต่กรรมฐานหลาย ๆ ที่ กล่าวว่าเป็นปีติอันแก่กล้ามาก ดังมีในบันทึกตอนหนึ่ง ในคัมภีร์กรรมฐานล้านนาว่า “ เมื่ออุพเพคาปีติเกิดนั้น มีพลกำลังแรงนัก กะทําพอหื้อคัดอกคัดใจ ปากบ่ได้ก็มี พอหื้อตัวหวั่นไหว หื้อง้มไปแงกไป หื้อซะทกตีนมือ หื้อวาดมือตบมือ ตบตีน ตบอก ตบแขนแลแฅ่งขา สั่นแฅ่งสั่นขาตีนมือ ไกวหัว ผูดลุกผูดนั่ง ร้องไห้ใคร่หัว หกแอย่ง เต้นฟ้อน กวัดแกว่งตีนมือ ดั่งฦาค็มี อาการต่างๆ ยิ่งกว่าอันกล่าวมานี้ก็ดี ได้ชื่อว่าอุพเพคาปีติ”
ปีติไม่ว่าจะชนิดใดเมื่อถึงขั้นหนึ่งต้องละต้องวาง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นวิปัสนูปกิเลส เป็นกิเลสอย่างละเอียดซึ่งจะหลอกให้โยคาวจรผู้ปฏิบัติคิดไปเสียว่า “เรานั้นได้ธรรมอันยิ่งแล้ว” อันนี้จักเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติธรรม
ปีติอันกล่าวในวิปัสนูก็ดี ปีติอันกล่าวในโพชฌงค์ก็ดี ปีติอันกล่าวในฌานก็มี ล้วนมีอาการคล้ายกันแต่ต่างกัน
หากเกิดในฌานล้วนมีอาการเอิบอิ่ม ติดเป็นอย่างมาก ละยาก ปลงยาก ปีติอันกล่าวในโพชฌงค์เป็นปีติอันแก่กล้ามาก ให้เห็นหลายอย่าง แต่จะติด ยึดหมั้นเหมือนในฌานนั้นก็มีน้อย ผู้ได้สภาวะโพชฌงค์แต่หนแรกย่อมระงับซึ่งความดีใจในปีติได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงกับเหนียวแน่นด้วยอำนาจแห่งสติแต่หนแรกในโพชฌงค์ทั้ง ๗ เป็นกำลัง
เหล่านี้คืออาการปีติอันบังเกิดได้ในนักปฏิบัติทุกสาย หากไม่วางความเบื่อหน่ายในปิตินั้น ย่อมไม่ขึ้นสู่สุขได้ ไม่ถึงความเพ่งอันละเอียดชั้นต่อไปได้ดังนี้
ร.เรผะ
โฆษณา