ลูกศิษย์ของพระองค์สองคนคือ Joseph of Arimathea และ Nicodemus คือผู้ปลดร่างของพระเยซูลงจากไม้กางเขน ทั้งสองห่อพระศพไว้ด้วยผ้าลินินเนื้อดีสองผืน ซึ่งต่อมาผ้าผืนหนึ่งกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม The Shroud of Turin หรือ ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน
สิ่งแรกที่ Mary คิดก็คือ คงมีผู้ประสงค์ร้ายขโมยพระศพไปเป็นแน่ เธอจึงรีบวิ่งไปหาศิษย์ของพระเยซูอีกสองคนนาม Simon Peter กับศิษย์อีกคนหนึ่งที่ในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวว่าชื่ออะไร พอทั้งสองได้ฟังความจาก Mary พวกเขาทั้งหมดก็รีบรุดไปที่ถ้ำทันที
ศิษย์ไร้นามวิ่งเร็วที่สุดจึงไปถึงถ้ำก่อนเป็นคนแรก เขาชะโงกหน้าเข้าไปดูภายในถ้ำแต่ไม่เข้าไป ไม่นาน Simon Peter ก็มาถึงและก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ภายในถ้ำบัดนี้มีเพียงความว่างเปล่า แต่มีสองสิ่งที่ Simon Peter สังเกตเห็นคือ ผ้าห่อพระศพผืนใหญ่ที่ถูกใช้พันร่างของพระเยซู และผ้าผืนเล็กที่ถูกม้วนจนสามารถตั้งได้ วางแยกไว้ต่างหาก ไม่ได้อยู่รวมกับผ้าผืนใหญ่
ผ้าทั้งสองผืนต่อมารู้จักกันในนาม The Shroud of Turin และ The Sudarium of Oviedo ตามลำดับ
และนั่น คือครั้งแรกที่ The Sudarium of Oviedo ปรากฏในบันทึกประวัติศาสตร์
.
ตามตำราโบราณกล่าวว่า ผู้ที่ซื้อผ้าลินินเนื้อดีทั้งสองผืนมาจากตลาดเพื่อห่อหุ้มร่างของพระเยซูเมื่อท่านสิ้นพระชนม์ก็คือ Joseph of Arimathea (โยเซฟ แห่งอริมาเธีย) หลังเหตุการณ์ที่อุโมงค์ฝังศพ Joseph จึงได้มอบทั้งผ้าคลุมพระศพ The Shroud of Turin และผ้าคลุมหน้าพระศพให้ Simon Peter ซึ่งต่อมาได่รับการยกย่องให้เป็นนักบุญ St. Peter เก็บรักษาไว้
St. Peter มักใช้ผ้าคลุมหน้าพระศพเพื่อประกอบพิธีกรรมในการรักษาชาวบ้านทั่วไปเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย โดยนำผ้าออกมาวางแผ่พร้อมสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนอย่างรวดเร็ว
กาลต่อมากษัตริย์แห่งสเปน Alfonso ที่ 2 ได้สร้างมหาวิหาร San Salvador ขึ้น เพื่อเก็บรักษาผ้าคลุมหน้าพระศพอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ในปี 814 และประดิษฐานมาจนถึงทุกวันนี้ภายใต้ชื่อ The Sudarium of Oviedo
เริ่มมีการตรวจพิสูจน์ผ้าคลุมหน้าพระศพอย่างเป็นทางการในปี 1980 โดยใช้เทคโนโลยีพิสูจน์หลักฐานที่ดีที่สุดขณะนั้นของสเปน และในทศวรรษต่อมา มีผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษนาม Mark Guscin เดินทางมาร่วมกับคณะทำงานของรัฐบาลสเปนชื่อ The Investigation Team of the Centro Español de
Sindonología and the British Society for the Turin Shroud ในปี 1989
คราวนี้เขาสามารถพันผ้ารอบศีรษะพระองค์ได้โดยสมบูรณ์ และผูกเป็นปมไว้ด้านบนของศีรษะเพื่อให้สามารถดึงออกได้โดยง่าย พวกเขาห่อร่างของพระองค์ด้วยผ้า The Shroud of Turin หลังจากนั้นจึงดำเนินการเคลื่อนย้ายพระศพ
ท่านผู้อ่านยังจำตอนที่ Joseph ปีนขึ้นไปพันผ้าบนไม้กางเขนโดยเริ่มจากท้ายทอยได้ไหมครับ ณ จุดนั้นเองเกิดเป็นรอยหยดเลือดเล็กๆ 3-4 หยด ซึ่งรอยนี้ เมื่อนำไปทาบกับรอยตรงกลางผ้าคลุมพระศพ The Shroud of Turin มีรูปร่างสอดคล้องกันถึง 99%
และการเดินทางอันน่าเหลือเชื่อของผ้าคลุมหน้าพระศพ The Sudarium of Oviedo ผ่านร้อนผ่านหนาวจากวันนั้น วันที่มันถูกใช้เป็นครั้งแรก มาจนวันนี้ ที่นอนสงบนิ่งอยู่ในมหาวิหาร San Salvador