14 มิ.ย. 2020 เวลา 14:54
เรื่องสั้นจันทร์เจ้าขา
(บทที่ 2, ตอนที่ 2)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
วันนี้ขอส่งความสุข ในวันอาทิตย์ด้วยโพสต์เรื่องสั้นย้อนยุค และคลิปเพลงพิเศษ นะครับ
สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ :)
หมายเหตุ: ขอขอบคุณสำหรับ ภาษาฝรั่งเศสเสริม อรรถรส ตรวจทานโดยน้องเปรม นะครับ.. แต่ถ้าภาษาที่สละสลวยกว่า รอน้องสาวที่รักส่งมาแปะเพิ่มในสัปดาห์หน้า นะครับ ..
1
ความเดิมตอนที่แล้ว: ขณะที่หนูพาเอ่ยร้องประโยค ”จันทร์เจ้าขา” จิตและกายทิพย์ของหนูพา ก็ได้มาพบหม่อมทินกรอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะไปปรากฏ ณ.พระธาตุดำในเวียงจันทร์, แลใช้ทิพยจักษุ เพ่งเห็นถึงเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบันและอนาคตในลักษณะกรรมปรากฏ..โยงร้อย เชื่อมโยงกัน.. เป็นผลร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับสยาม..
หม่อมทินกร ได้สอนวิชากำบังกายให้คุณหนูพา และสัญญาว่าจะยังคงอยู่ข้างหนูพาเสมอไป..ตราบที่วาระกรรมนั้นยังไม่หมดต่อกัน.. และให้หนูพาเตรียมตัว เฝ้าสังเกตในหมายสำคัญที่ กรรมปรากฏนั้นจะค่อยเปิดเผยขึ้น..
บทที่ 2 รุ้งวาริท
ตอนที่ 2 ช่างหัว..ฝรั่งเศส
13 ปีก่อนหน้า..วันคัดสรรข้าหลวงเข้าถวายตัวรับใช้ในตำหนักต่างๆนั้น..
ในคืนนั้น..ที่มุมเล็กๆ ในเมือง เซอด็อง (Sedan) ประเทศฝรั่งเศส ช่วงปลายของ สงคราม ฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (Franco-Prussian War)
จ่าสิบเอกพิเศษปาวี จุดบุหรี่ของแคว้นเบรอตาญ (Brittany) ขึ้นสูบ...
แล้วค่อยๆหลับตาลง..
ปล่อยควัน ..ให้ระบายออกมาอย่างช้าๆ..ล่องลอย..
เหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เมื่อครั้งที่เค้า นั่งรอปลางับเหยื่อ จากเบ็ดที่วางไว้ริมแม่น้ำ 
คร๊องซ์ (Rance) ที่บ้านเกิด..
ปาวีค่อยๆเหยียดขา แล้วนั่งเอนหลังพิงกำแพง อย่างสบายอารมณ์.. ก่อนจะยื่นบุหรี่นั้นให้กับ เจ้าหนูปิแอร์ ..พลกลอง
ปิแอร์ พลกลอง..
ปิแอร์รับบุหรี่นั้นขึ้นสูบอย่างเท่.. ก่อนจะสำลักควันบุหรี่.. ไอ “แค่กๆ แค่กๆ”
..ติดๆ กัน จนเพื่อนทหารยุวชนคนอื่น เริ่มล้อ ทำเสียงไอ ตลกๆตามกัน จนสร้างเสียงหัวเราะเบาๆให้กับ กองทหารเล็กๆ ที่กำลังหวั่นเกรงกับการ เผชิญหน้ากับกองทหารอันเกรียงไกรของปรัสเซีย ที่เพิ่งจะถล่มพวกออสเตรีย ให้แพ้ราบคาบ..
กองทหารฝรั่งเศสที่อ่อนล้า..
ปิแอร์ ค่อยๆยื่นส่งบุหรี่คืน ให้ จ่าปาวี ก่อนจะเอ่ยถามว่า..
..”ลุงปาวี ..ลุงว่าสงครามนี้จะเป็นไงบ้างนะครับ”
“เราจะชนะ สงครามนี้ ใช่มั้ยครับ..”
“..Ton ton Pavie..Que pensez-vous de cette guerre?..” “On va gagner, non?”
ปาวี รับบุหรี่นั้นมา ก่อนจะสูดอัดเข้าปอดอย่างเต็มที่ และระบายควันบุหรี่ยาวออกมาอีกครั้ง..แล้วตอบว่า “..ใครมันจะไปรู้กันวะ ไอ้หนู..”..
”ที่ข้ารู้แน่ๆ ตอนนี้ คือ สงครามนี้ มันใกล้จะจบเร็วๆนี้แล้วล่ะ.. เชื่อข้าสิ ไอ้หนู”
“Who damn knows, kid?
“Ce que je savais, cette guerre se terminera bientôt .. Fais-moi confiance gamin”
“แต่ไม่ว่า ฝรั่งเศส หรือ ปรัสเชีย ชนะ.. ข้าจะพาเอ็งไปอยู่กันอีกฟากโลกนั้น แน่ๆ..ข้ากับเอ็ง เราสองคนจะไปที่ สยามประเทศ กัน..”
“La France ou la Prusse gagne, Je vais certainement vous rassembler et aller dans une autre partie du monde.., Nous irons tous les deux au Siam.”
ปิแอร์ ทำสีหน้าฉงน แล้วถามจ่าปาวี “สยาม มันคือ ที่ไหน เหรอครับ ลุงปาวี?”
“..ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยครับ..”
“Où est Siam, oncle Pavie?” “Je n'avais jamais entendu parler de ce pays auparavant.”
จ่าปาวี มองขึ้นไปบนฟ้า ด้วย ดวงตาที่เจิดจ้าเป็นประกายขึ้น .. พร้อมรำพึงว่า “..มันถูกขนานนามว่า เป็นเวนิส แห่งตะวันออก เลยล่ะ เจ้าหนู,..กษัตริย์แห่งสยามเคยส่งเครื่องมงคลราชบรรณาการ มาให้องค์
นโปเลียนที่ สามของเราด้วยนะ.. พระมหามงกุฎจำลองและเครื่องเพชรนิลจินดา ที่ราชทูตสยามนำมาถวายนั้น.. ช่างพร่างพรายระยิบตา เหลือเกิน..”
“on l'appelle la Venise de l'Est, Le roi du Siam avait également envoyé les hommages à notre Napoléon III...ces répliques d'or avec beaucoup de bijoux que les ambassadeurs siamois apportent en France... ils sont tellement éblouissants.”
ปิแอร์เงยหน้ามองจ่าปาวีอมยิ้ม แล้วพูดว่า
“..อุแม่เจ้า.. ลุงปาวี..นี่มีคลาสสุดๆเลยนะ ครับ..”
“ มันเจิดจรัส พราวตาขนาดไหน เหรอครับ ลุงปาวี?”
“Wow..vous êtes vraiment bien classe, oncle Pavie” “Combien sont-ils éblouissants, Ton ton Pavie?”
จ่าปาวี ระเบิดหัวเราะ แล้วหันหน้า กลับมามอง ปิแอร์ อย่างเอ็นดู แล้วพูดว่า..
“ ประกายเงาวับ สุดๆเลยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า “..
” โอย ข้าขัดรองเท้า ไอ้คาร์โน อย่างประกายเงาวับสุดๆ เลยล่ะ ตอนที่มันเล่าให้ข้าฟังเรื่อง เครื่องมงคลราชบรรณาการ..ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
“Hahaha.. tellement d'éblouissement...hahaha” “J'ai tellement brillé la chaussure d'Carnot quand il m'a raconté l'histoire des hommages siamois..hahaha”
ปาวี เอามือมาโอบไหล่ เจ้าหนูปิแอร์ อีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “ ข้า กับเอ็ง.. เมื่อสงครามนี้จบลง เราสองคนจะไปสยามด้วยกัน..ตกลงมั้ย ไอ้หนู?..”
“Je .. et vous irez au Siam ensemble après la fin de cette guerre, ok? Kid”
ปิแอร์ ยิ้มอย่างปลื้มใจ แต่ ตอบกลับ เพียง เบาๆว่า
“ผม คงต้องพาคุณแม่ท่านไปด้วยละครับ.. ผมทิ้งท่านให้อยู่คนเดียว ไม่ได้จริงๆครับ ..”
ปิแอร์พูดพลาง ก็ค่อยๆหยิบ จี้ล็อกเกอร์เปิดออกดูรูป ปิแอร์กับแม่ แล้วยิ้มบางๆ แล้วหันมองไปทางแม่น้ำเมิซ ..ราวกับเป็ดคิดถึงแม่น้ำ..
“Je dois rassembler maman, je ne peux pas la laisser vivre seule ici.”
ปาวี ยิ้มอย่างเอ็นดู ให้ ปิแอร์ อีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า.. ตกลงๆ พวกเราจะไปพบแม่เจ้ากัน แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าเรื่องนึงนะ ไอ้หนู..”
“nous allons vous réunir maman .. mais vous devez me promettre une chose, Pierre.
ปิแอร์ ทำหน้าสงสัย แล้วถามปาวีว่า “จะให้สัญญา อะไร หรือ ครับ ลุงปาวี”
“Promesse, quoi? , Ton ton Pavie”
ปาวี พยายามกลั้นหัวเราะ แล้วตอบว่า
“เอ็ง ต้องเรียกข้าว่า ปาป้า หลังจากนั้น น่ะสิ ฮ่ะฮ่ะฮ่า..”
“Tu dois m'appeler papa alors.. hahaha”
ปิแอร์ ยิ้มอย่างตกใจ แล้วตอบ จ่าปาวี พร้อมเสียงหัวเราะว่า
“ มุขตลกลุงปาวี..เฉียบ.. เงียบกริบ เลยนะครับ..”
“อย่างน้อย ลุงน่าจะเห็นหน้าแม่ผม ก่อนที่ลุงจะให้ผมเรียกลุงว่า .. ปาป้านะครับ..”
“quelle plaisanterie maladroite, ton ton Pavie”..”Au moins, tu devrais voir ma maman avant de me demander de t'appeler papa”
จ่าปาวี หัวเราะอย่างถูกใจ พลางขยี้ผม ปิแอร์ พร้อมกับพูดว่า “เจ้าหนูแสบ.. ปิแอร์ ฮ่าฮ่าฮ่า..”
“Quel vilain toi, Pierre..hahaha”
ทันใดนั้นเอง จ่าปาวี เหลือบเห็น แสงไฟในอากาศที่ทอดเป็นสาย กำลังมุ่งตรงมาตรงนี้..
จ่าปาวี จึงตะโกนสุดเสียง ว่า “ รีบหาที่กำบัง!!!!”
“กระสุนปืนใหญ่กำลังมา”
“Sauter dans le bunker”
“le boulet de canon arrive”
ดูเหมือนมัน..จะช้าเกินไปสำหรับทุกคน เสียงดังสนั่นของระเบิด กัมปนาทตามไล่หลัง จ่าปาวี ที่กระโดดลงไปในหลุมข้างๆ ทันอย่างฉิวเฉียด..ขณะที่คนอื่นยังคงมองมรณะวัตถุ ที่พุ่งใส่ตกลงตรงกลางพื้นที่นั้น พร้อมระเบิดแสงสว่างจ้า..
“..ตู้มมมมม!!!!!!..” เสียงดังสนั่นนั้น ..ดังยิ่งกว่าฟ้าผ่า .. ดังยิ่งกว่าสัตว์ร้ายในโลกตัวใด จะคำรามได้..
เศษอิฐ หิน และดินต่างกระจาย ออกไปไกล พร้อม ฝุ่นขาว คละคลุ้ง กลิ่นไอของเลือด และความตาย กระจายฟุ้ง ปะปนกัน พร้อมกับเสียงร้อง ครวญโอดโอย ดังระงมขึ้นมาแทนที่..
หูของจ่าปาวี ตอนนี้ มีแต่ความอื้ออึงและมีเพียงเสียงแหลมดัง “วิ้งๆ..”
วนเวียนอยู่ในหัว..
ปาวีตะเกียกตะกาย ขึ้นมาจากหลุม อย่างยากลำบาก และตะโกนด้วย เสียงพร่าแหบแห้ง ร้องเรียกว่า..
“ปิ..แอร์...”, “ผู้..กอง...” “ปิ..แอร์...” “มีใครได้ยินข้าบ้างมั้ย..”
จ่าปาวี ยืดตัวยืนตรงมองซากปรักหักพังของพื้นที่นั้น คล้ายดัง..ถูกทาด้วยเลือด และอวัยวะมนุษย์ที่กระจัดกระจาย .. ฝุ่นและควันไฟ ที่คละคลุ้งนั้น..
ทำให้ริมฝีปากแห้งของ จ่าปาวี เต็มไปด้วยเศษดินและฝุ่นนั้น..ยิ่งแห้งผาก จนแทบปิดสนิท..
ทันใดนั้น จ่าปาวี ได้ยินเสียง..เบาๆมาจากกองอิฐริมกำแพง เรียกชื่อ เค้าด้วยเสียงที่คุ้นเคย ว่า ..
“ลุง..ปา..วี..”
“ผม.. อยู่.. ตรงนี้ครับ”
จ่าปาวี ดีใจ และรีบวิ่งพุ่งไปหา ต้นเสียงนั้น ในทันที..
มือของเค้าหยิบ อิฐและหินออกทีละก้อน.. ทีละก้อน.. จนเห็นหน้าของปิแอร์ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น และเลือด..
“เฮ้.. ไอ้หนู.. ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว.. ไม่ต้องห่วงนะ ..ไอ้ลูกชาย..” จ่าปาวี เอ่ยเรียก ปิแอร์ พลางเช็ดหน้าปิแอร์ ด้วยผืนผ้าธงชาติ ฝรั่งเศส ..
“ลุงปาวี.. ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยครับลุง..”
“ลุงปาวี.. ปลอดภัยนะครับ..” ปิแอร์ พูดอย่างตะกุกตะกัก..
”ไอ้หนูเอ๊ย.. ยังจะมาห่วงไอ้จ่ากระดูกเหล็กคนนี้..อีก”
ปาวีพูด พลางค่อยๆดึงปิแอร์ เข้ามากอดให้
“ผมไม่รู้สึกอะไรเลยตั้งแต่สะโพก ลงไปเลยครับ..ลุงปาวี.. และ ผมก็ไม่เห็นลุงเลยครับ..”
“ลุงครับ.. ผมกลัว..ครับ..”
ปิแอร์พูดช้าๆ อย่างแผ่วเบา..
“ทุกอย่าง.. มันค่อยๆมืดลง.. ครับลุงปาวี”
“ผม..กำลังจะ..ตาย..ใช่มั้ยครับลุง.. ผมกลัวครับ..”
“ลุง...อย่าทิ้ง....ผมนะครับ”
จ่าปาวี พยายาม ซับเลือดที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด และหันมองหา แพทย์ทหารและเปลสนาม .. ก่อนจะหันมาปลอบ ปิแอร์ว่า..
“ชู่ชช์!! ข้าไม่มีวันทิ้งเอ็งหรอก ไอ้หนู..เราจะไปประเทศสยาม ด้วยกัน.. จำสัญญาของเรา ได้มั้ย.. ไอ้หนู..” จ่าปาวี ปาดน้ำตาลูกผู้ชาย และพยายามควบคุมเสียงพูดให้เป็นปกติ อย่างที่สุด..
ประกายตาของปิแอร์ วูบสว่างขึ้นมา ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะพูด อย่างกระท่อน กระแท่นว่า “.. ใช่ครับ ..
ผมจำได้ครับ ลุง..”
“ ตอนนี้.. ผมรู้สึกหนาวมากๆ... รอบๆ ตัวผม.. ค่อยๆมืดลงกว่าเดิม.. แล้วครับลุง...เสียงของลุง.. ดังแว่วๆ อยู่ไกลจากผม..เหลือเกินครับ”
“ลุง... ยังอยู่...กับผม ใช่มั้ยครับ..”
จ่าปาวี เห็นกลุ่มทหารสนับสนุน และแพทย์สนามกลุ่มหนึ่ง..กำลังวิ่ง มุ่งหน้ามาทางนี้.. จึงชวน ปิแอร์คุย ด้วยสายตาที่เปี่ยมความหวัง.. “ ใช่แล้ว ไอ้หนู.. ข้าอยู่กับเอ็ง เสมอ.. “
“..แสงแดดที่สยามประเทศนั้น ร้อนแรง แต่อบอุ่น เป็นสีทอง ตลอดเกือบทั้งปี.. เอ็งต้องชอบ แน่ๆ.. ไอ้หนู..”
“.. อดทนไว้นะ ไอ้ลูกชาย”
ปาวีพูดด้วยเสียงสั่นเครือ และพยายาม พูดเรียกสติ ปิแอร์ต่อว่า ..
“..เค้าว่ากันว่า ดนตรีของราชสำนักสยาม นั้น ส่งสำเนียงไพเราะ ทั้งวันทั้งคืน..และทองคำที่นั่น มากมายเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการนึกได้เลยนะ.. ไอ้หนู..
ปิแอร์ พยักหน้า และสายตาคล้ายจับจ้องมองไปที่ดวงจันทร์ แล้ว พูดช้าๆ ทีละห้วง ลมหายใจ ว่า ..
“ ลุงครับ.. ผมได้ยินเสียงดนตรี ..ของชาวสยาม ..เล่นกันอยู่...ไม่ไกลจากที่นี่ ...เลยครับลุง”
“ชาวสยาม ..กำลังร้องเพลง..เกี่ยวกับ..”
“..พระจันทร์..อยู่ครับ ลุง..”
“ .. ทุกอย่าง ..กำลังเข้ามาใกล้.. มันช่าง.. “..สว่าง.. “.. “อบ...อุ่น จังเลยครับ”..
“ แล้ว.. เจอ.. กัน.. อีก..ที่ ..”
“..สยาม...ประเทศ.. “
“ครับ...ลุงปาวี”
ปิแอร์ พูดด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย..และรอยยิ้มบางๆ ที่ค้างนิ่งไว้..
อย่างนั้น....
“แล้วเจอกันอีก..ไอ้ลูกชาย”
จ่าปาวี พูดจบ ก็ก้มจูบที่ศีรษะ ปิแอร์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆวางร่างปิแอร์ลงนอน และเอาผืนธงชาติ ฝรั่งเศส ที่เปื้อนเลือดผืนนั้น คลุมร่าง ..ปิแอร์ พลกลอง
เสียงตะโกนของผู้บังคับกองร้อย ผู้ควบคุมกลุ่มกองกำลังสนับสนุน และแพทย์ ร้องเรียก จ่าปาวีว่า ..
“ จ่าสิบเอกพิเศษ .. ขอให้ละจากร่างพลทหารที่เสียชีวิต.. และรีบมาเข้าขบวน กองทหารของเรา โดยเร็ว..”
..“ขณะนี้ กองทัพฝรั่งเศสที่เซอด็อง ถูกปรัสเซีย เข้ายึดฐานที่มั่นแล้ว.. และ องค์
นโปเลียนก็ได้ถูกจับกุมไว้ ได้..”
“พวกเรากำลัง จะเร่งเดินทางไปที่ ปารีส.. สมทบ กับคณะของ เดอ วีลลีอะ (De Villers).. ก่อนที่ปรัสเซีย จะตามมาบดขยี้พวกเรา..อีกครั้ง..” ผู้บังคับกองร้อยพูดเสร็จ ก็ควบม้า มุ่งนำไปข้างหน้า..
จ่าปาวี หยิบล็อกเกตของเจ้าหนูปิแอร์ ลุกขึ้นช้าๆ และเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะถ่มน้ำลาย ลงบนพื้น..แล้วสบถ ว่า...
“...ถุด..ช่างหัว ปรัสเซีย..”
“ช่างหัว..ฝรั่งเศส”
พร้อมกับ ถอดชุดทหารฝรั่งเศส .. แล้วออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกมุ่งหน้าไปยัง..บ้านของเจ้าหนูปิแอร์ ในแคว้นเบรอตาญ..
.......,,
.......,,
ในอีก 13 ปีต่อมานับจาก คืนแห่งการสูญเสีย ในสงคราม Franco-Prussia..
รัฐมนตรีหนุ่ม กระทรวงแรงงาน ได้จูงมือพา เด็กผู้หญิงแฝดชาวสยาม เข้ามาพบ “ฮิปโปไลท์ คาร์โน” ผู้เป็นบิดา ที่บ้าน..
“เข้ามาข้างในก่อน.. ท่านประธานาธิบดี ฝรั่งเศส” ฮิปโปไลท์ เปิดประตู ออกมาต้อนรับ ลูกชายคนโปรด และจุบแก้มทั้งสอง พร้อมกับก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก ของแฝดหญิงชาวสยาม แล้ว เอ่ยชวนว่า “แม่พิศ พาคุณหนูแพร .. คุณหนูพักต์ เข้าไปทานขนม.. ก่อนเถิด”
“ ข้ามีเรื่องจะสนทนาหารือ กับ ท่านประธานาธิบดี สักครู่หนึ่ง..” ชายชรากล่าว พร้อมเสียงหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี..
“ พ่อครับ.. ลูกยัง เป็นแค่รัฐมนตรี ของกระทรวงเล็กๆ.. ใครได้ยิน มันจะไม่ดีนะครับ พ่อ..” คาร์โน จูเนียร์ กล่าวเบาๆ อย่างสุภาพ..
คาร์โน จูเนียร์
“ฮ่าฮ่าฮ่า.. พ่อรู้ดี .. แต่อีกหน่อย เจ้าก็จะได้เป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส แน่ๆ.. พ่อจะยังไม่ตาย จนกว่า จะได้เห็น เจ้าเป็นประธานาธิบดี.. ฮะฮะฮะ” “มาเถอะลูกชายของพ่อ.. มาเล่าให้พ่อฟังเรื่องสนุกๆของคณะละครสัตว์..ชุดนี้..ให้ พ่อฟังสักหน่อยเถิด..” ฮิปโปไลท์ ตบไหล่ลูกชายที่รัก และโอบพา คาร์โนจูเนียร์ เข้าไปนั่งคุยกันในห้องหนังสือ..
ฮิปโปไลท์ คาร์โน
.....,,
.....,,
ในคืนเดียวกันกับที่ครอบครัวคาร์โนอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมตาในกรุงปารีส นั้น ..
ที่ท่าเรือ..ของสยาม ได้มีเรือ เก่าๆลำหนึ่ง เข้ามาเทียบที่ท่านั้นอย่างเงียบๆ..
เรือนี้มีลักษณะของเรือที่ประกอบด้วยฝีมือชาวดัตช์..
แต่เอกสารบนโต๊ะของกัปตันเรือ ล้วนเป็นภาษาฝรั่งเศส..
ขณะที่กัปตันยืนมอง..วัดที่สว่างไสวของสยามจากดาดฟ้าเรือ..อย่างกับรูปปั้น
รูปร่างของกัปตัน มีลักษณะคล้ายชาวอังกฤษ.. แต่ในมือข้างซ้ายของเขาถือ บุหรี่ครึ่งมวน ..ที่ส่งกลิ่นหอม
ของแคว้นเบรอตาญอย่างน่าประหลาด..
และที่ข้างๆเรือลำนี้.. มีลายมือเขียนชื่อเรือนี้ อย่างกับเด็กหัดเขียน..
เรือลำนี้ ชื่อว่า ..”ปิแอร์”
(Pierre)..
..
..
จบบทที่ 2 ตอนที่ 2 ...
โปรดติดตามตอนต่อไป,
#เกร็ดเพิ่มเติม,
-ดีน็อง (Dinan)เป็นเมืองบ้านเกิดของ ออกุสต์ ปาวี ที่อยู่บนผาริมแม่น้ำ Rance 
โดยแม่น้ำจะอยู่ต่ำลงมา และ อยู่ในแคว้นเบรอตาญ
สวัสดีและขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงเรื่องสั้น เขียนโดย (T.Mon)
14/6/2020
-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา