15 มิ.ย. 2020 เวลา 04:06 • การศึกษา
มหาบาปทั้ง 7 ของมนุษย์
สำหรับเรื่องของมหาบาปทั้ง 7 เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาคริสต์ที่เขาบอกว่า ถ้าเกิดว่าเราทำดีเราก็จะได้ขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าเกิดว่าทำชั่ว เบียดเบียนผู้อื่นและสร้างความเดือดร้อน คนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นวิญญาณ ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ และกลายเป็นวิญญาณที่จะต้องชดใช้กรรมอยู่ในอีกดินแดนที่อยู่ตรงข้ามสวรรค์ ซึ่งตรงนี้เท่าที่พูดมา หลายๆคนก็คงคิดแล้วว่าก็คงจะคล้ายๆกับความเชื่อของศาสนาพุทธที่เกี่ยวข้องกับนรกและสวรรค์
3
เวลาเราพูดถึงเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับการทำดีจะได้ดี ทำชั่วจะได้ชั่ว หรือการทำดีจะได้ไปสวรรค์ หรือการทำชั่วจะตกนรก เป็นความเชื่อที่มีอยู่ทั่วโลก และทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธที่มีความเชื่อเรื่องนรกหรือสวรรค์ และศาสนาคริสต์ที่มีความเชื่อเรื่องวิญญาณหลังความตายว่าถ้าเราเสียชีวิตไปแล้ว เราก็จะไปอยู่ในสถานที่เดียวกับพระเจ้าถ้าหากทำดี แต่ถ้าหากเราทำชั่วก็จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์และกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน
ซึ่งความเชื่อแนวนี้ก็มีอยู่ทุกศาสนา แต่มีอยู่หนึ่งความเชื่อที่โด่งดังที่สุดอันดับต้นๆของโลก และโด่งดังถึงขนาดที่ว่าถูกหยิบไปดัดแปลงทำเป็นการ์ตูน ทำเป็นอนิเมะ อยู่เยอะแยะมากมาย
และความเชื่อนี้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยความเชื่อนั้นนั่นก็คือ The Seven Deadly Sins หรือมหาบาปทั้ง 7 ของมนุษย์ คือตรงนี้ตามข้อมูลที่หามาได้เขาได้บอกไว้ว่า The Seven Deadly Sins หรือมหาบาปทั้ง 7 ของมนุษย์ คือหลักคำสอนของทางศาสนาคริสต์ในอดีตกาล ที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อไม่ให้มนุษย์ใช้สัญชาตญาณดิบของตัวเองจนมากเกินไป เพราะศาสนาคริสต์เขาเชื่อว่าถ้าหากมนุษย์เราใช้สัญชาตญาณดิบของตัวเองมากเกินไป มนุษย์เหล่านั้นอาจจะไปเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่น หรือเบียดเบียนมนุษย์กันเอง จนทำให้เสียสมดุลทางธรรมชาติ
ซึ่งจากการที่ได้รวบรวมข้อมูลมา ทางศาสนาคริสต์จะแบ่งบาปออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ บาปหนัก และ บาปเบา ซึ่งบาปเบาที่พูดถึงตรงนี้เป็นบาปที่เกิดจากการกระทำความชั่ว ที่มีเหตุและผล ยกตัวอย่างเช่น บาปที่เกิดจากการขโมยของไปให้กับผู้ที่ยากไร้ หรือครอบครัวตัวเองที่อดอยากอยู่ ซึ่งบาปเหล่านี้เป็นบาปที่มีเหตุและผล แต่ก็ยังคือบาปอยู่ดี แต่ก็อย่างที่บอกไปคือ เป็นบาปสถานเบา เพียงแค่คนเหล่านั้นไปสารภาพบาปกับพระผู้เป็นเจ้า หรือบาทหลวงที่อยู่ในโบสถ์ต่างๆ บาปเหล่านั้นก็จะบรรเทาลงจนหายไปในที่สุด
แต่ในอีกกรณีหนึ่งที่เป็นบาปหนัก คือบาปที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้ และในตำนานยังว่ากันว่า บาปเหล่านั้นจะเปรียบเสมือนรอยสักที่ถูกสลักลงไปในวิญญาณของคนคนนั้น และเมื่อคนคนนั้นเสียชีวิตก็จะทำให้วิญญาณไม่สามารถไปสู่สรวงสวรรค์ได้ บาปหนักที่พูดถึงตรงนี้จะมีอยู่ 7 ประการด้วยกัน และจะเรียงระดับตามบทลงโทษและความโหดตั้งแต่ 1-7
โดยบาปแรกจากมหาบาปทั้ง 7 ของมนุษย์ก็คือ Pride หรือความเย่อหยิ่ง ตามข้อมูลได้บอกไว้ว่า บาปที่เกิดจากความเย่อหยิ่ง คือความเย่อหยิ่งในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งความเย่อหยิ่งที่คิดว่าตัวเองนั้นสูงกว่าใคร ความเย่อหยิ่งทางความคิด ทางคำพูด หรือแม้แต่การกระทำที่คิดว่าตัวเองนั้นสามารถกดคนอื่นได้ และความเย่อหยิ่งตรงนี้คือรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด ซึ่งตามตำนานของความเชื่อนี้ยังบอกไว้อีกว่า ขนาด lucifer เป็นเทพที่พระเจ้าเอ็นดูและรักมากที่สุดยังต้องตกลงมาจากสวรรค์ ลงไปสู่ดินแดนใต้พิภพ และไม่ได้กลับขึ้นมาอีกเลยเพียงเพราะความเย่อหยิ่ง
1
ซึ่งตรงนี้หลังจากที่หาข้อมูลนี้มาก็อยากจะรู้ว่าทำไม lucifer จึงต้องตกจากสวรรค์ ถ้าเอาตามข้อมูลที่หามา เชื่อกันว่า lucifer คืออัครเทวทูตที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง และให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก ถือได้ว่า lucifer เป็นใหญ่รองลงมาจากพระเจ้าเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความเย่อหยิ่งของเขานั้น เลยทำให้เขาคิดว่าตนเองเทียบเท่ากับพระเจ้าและสูงส่งยิ่งกว่าคนอื่น เลยทำให้ lucifer ถูกพระเจ้าลงโทษให้ตกจากสวรรค์ไปอยู่ในดินแดนใต้พิภพ และไม่สามารถกลับขึ้นมาได้อีก บาปจากความเย่อหยิ่งตรงนี้เขามีความเชื่อกันว่าถ้าหากใครมีบาปนี้หนาและติดตัวเยอะ เมื่อเสียชีวิตไปวิญญาณเหล่านั้นจะต้องถูกลงโทษด้วยการมัดแขนและขาไว้กับกรงล้อ และถูกทรมานอย่างไม่จบไม่สิ้น
2
ส่วนบาปต่อมาบาปที่2 นั่นก็คือ Avarice หรือบาปแห่งความโลภ โดยบาปนี้จะเป็นบาปที่เกี่ยวข้องกับความโลภที่ถูกสร้างขึ้นมาจากมนุษย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความโลภในการอยากได้ อยากครอบครองทั้งทางด้านเงินตรา สิ่งของ หรือแม้แต่อำนาจ ตามความเชื่อว่ากันว่าความโลภในจิตใจของมนุษย์ถูกปิดผนึกไว้อย่างดี แต่จะถูกเปิดเผยออกมาทีละนิด หากเรามีความคิดอยากจะได้ของของคนอื่นโดยที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ และถ้าเรามีความโลภมากๆ จะถูกปีศาจแห่งความโลภ Mammon เข้ามาสิงในร่างกาย และเปิดผนึกความโลภนั้นออกมา และถ้าเปิดประตูแห่งความโลภนั้นได้ คนคนนั้นก็จะไม่สามารถหยุดยั้งและยับยั้งความโลภของตัวเองได้
1
และบาปที่เกิดจากความโลภตรงนี้ ชีวิตหลังความตาย หรือเมื่อเรากลายเป็นวิญญาณไปแล้ว วิญญาณของคนเหล่านั้นจะถูกนำไปแช่ในบ่อน้ำมันเดือดๆนั่นเอง
ส่วนบาปที่3 นั่นก็คือ Lechery หรือความมักมากในกามตัณหา ในความเชื่อเขาได้บอกไว้ว่า มนุษย์เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง เมื่อถึงจุดนึงจะมีช่วงอายุหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนจะพบเจอกับช่วงของตัณหาทางราคะ คนเหล่านั้นมีโอกาสที่จะถูกปีศาจแห่งราคะเข้ามาครอบงำในจิตใจ และมักมากในตัณหาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งปีศาจตัวนั้นก็คือ Asmodeus นั่นเอง ว่ากันว่าถ้าหากใครควบคุมตัณหาหรือราคะของตนเองไม่ได้ ก็จะถูก Asmodeus ควบคุมจิตใจและชักจูงจิตใจของตนเองไปทางราคะจนไม่สามารถควบคุมได้
1
ส่วนบาปที่4 นั่นก็คือ Envy หรือความอิจฉาริษยา ในตำนานว่ากันว่าเป็นบาปที่ไม่ได้มีปีศาจหรือเทพเจ้ามาควบคุมจิตใจ แต่เป็นบาปที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดนั่นเอง มนุษย์เราทุกคนตั้งแต่เราเกิดมา ทุกๆคนจะมีความอิจฉาริษยาในใจตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะเป็นทั้งตอนเด็กหรือตอนโต เราจะมีความริษยาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความอิจฉาในด้านที่เราไม่มีเหมือนคนอื่น ด้านฐานะ ด้านเงินทอง ด้านชื่อเสียง หรือแม้แต่บางคนที่มีชื่อเสียงมีเงินทอง แต่ไม่มีความสุขในชีวิต คนเหล่านั้นก็ยังมีความอิจฉาริษยาคนทั่วไปที่เขามีความสุขในชีวิต ส่วนตัวแทนของบาปนี้ตามความเชื่อนั่นก็คือมังกรน้ำแห่งท้องทะเล ที่มีตำนานว่า มังกรน้ำแห่งท้องทะเลคือสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้ปกปักรักษาดูแลพื้นที่ท้องทะเลตั้งแต่มนุษย์ยังไม่เกิดมา แต่อยู่ดีๆวันหนึ่งพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา และให้ทุกอย่างกับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งพื้นดิน ต้นไม้ หรือสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ แต่ไม่ให้สิ่งเหล่านั้นกับมังกรแห่งท้องทะเลเลย จึงมีความอิจฉาริษยาที่สูงมากจนกลายเป็นตัวแทนของ Envyหรือตัวแทนของความอิจฉาริษยา
1
ส่วนบาปที่5 คือ Gluttony หรือความตะกละ บาปนี้ได้อธิบายไว้ว่า ความตะกละตรงนี้คือความตะกละที่อยากกินและดื่มมากจนเกินไป จนทำให้เกิดเป็นความตะกละไม่รู้อิ่ม ซึ่งความตะกละไม่รู้อิ่มตรงนี้ไม่ได้หมายถึงความจะกละจากการกินอาหารหรือเครื่องดื่มอย่างเดียว แต่ความตะกละตรงนี้หมายถึงความตะกละในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร เงินทอง สิ่งของต่างๆ หรือแม้แต่ทางการงานผลประโยชน์ต่างๆ สิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในความตะกละของ Gluttony เช่นกัน ถ้าคนเหล่านั้นเกิดความตะกละในจิตใจและต้องการที่จะกินทุกอย่าง หรือครอบครองทุกอย่างไป คนเหล่านั้นหลังจากเสียชีวิตก็จะมีบทลงโทษนั่นก็คือ วิญญาณของคนเหล่านั้นจะถูกกลืนกินโดยสิ่งที่เขาเคยกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือแม้แต่บุคคลที่เขาเคยโกง บุคคลเหล่านั้นก็จะกลับมาโกงและกลืนกินวิญญาณคนคนนั้นแบบไม่จบไม่สิ้น
1
ต่อมาบาปที่6 ก็คือ Sloth หรือความเกียจคร้าน ซึ่งบาปตรงนี้มีตัวแทนของบาปนั่นก็คือ Belphegor เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะเคยได้ยินชื่อเสียงมาจากในเกม ในนิยาย หรือในการ์ตูนกันมาบ้าง แต่ Belphegor เหล่านั้นคือ Belphegor ที่ถูกดัดแปลงประวัติมาแล้ว และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะยังไม่เคยได้ยินประวัติจริงๆของ Belphegor มาก่อน โดยประวัติของ Belphegor ที่พูดถึงตรงนี้ตามประวัติคือ เขาคืออดีตเทวทูตที่อยู่ในนรก และมีหน้าที่ในการจัดตำแหน่งงานต่างๆในนรก ว่ากันว่า Belphegor เป็นคนที่ฉลาดมาก สามารถคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆแปลกๆออกมาได้มากมาย แต่เขาเป็นคนที่คดโกง และเป็นคนที่ชั่วมาก และเป็นคนขี้เกียจมากเช่นกัน Belphegor เลยได้ทำการนำสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นไปแจกจ่ายให้คนชั่ว หรือมนุษย์ที่ชั่วร้าย และให้คนเหล่านั้นนำสิ่งประดิษฐ์ไปสร้างปัญหา หรือไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท จากตรงนั้นเลยทำให้เขากลายเป็นตัวแทนแห่งความเกียจคร้านหรือ Sloth นั่นเอง
1
ส่วนบาปสุดท้ายว่ากันว่าเป็นบาปที่ทรงพลังมากที่สุด และเป็นบาปที่รุนแรงมากที่สุดนั่นก็คือ Anger หรือบาปแห่งความโกรธ ซึ่งบาปนี้ว่ากันว่ามันคือบาปของซาตานที่มีพลังทัดเทียมกับพระเจ้า แต่ใช้พลังอำนาจในอีกด้านหนึ่งที่ตรงข้ามกับพระเจ้า และตรงนี้ตำนานยังบอกอีกว่า ซาตานจะอยู่ในจิตใจมนุษย์ทุกคนตั้งแต่ยังไม่เกิด และซาตานจะคอยปลูกฝังความโกรธ ความเกลียดชังในจิตใจเรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่งที่ระเบิดออกมา และกลายเป็นพลังด้านมืดของมนุษย์ ว่ากันว่าถ้าความโกรธเหล่านั้นระเบิดออกมา ความโกรธเหล่านั้นอาจจะทำให้มนุษย์รบราฆ่าฟันโดยไร้เหตุผลกันเองได้
1
ซึ่งตรงนี้หลายๆคนก็คงจะตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาคริสต์ว่า พระเจ้าคือทุกอย่างสามารถทำอะไรก็ได้ ทำไมพระเจ้าถึงไม่ตัดบาปทั้ง 7 ออกไปจากมวลมนุษย์ ตรงนี้ก็มีความเชื่อเหมือนกัน ตามตำนานได้บอกไว้ว่า พระเจ้าไม่เลือกที่จะกำจัดบาปทั้ง 7 นี้ออกไป และไม่เลือกที่จะกำจัดซาตาน เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้มนุษย์เราเกิดการพัฒนาตนเอง และต้องการที่จะให้มนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองนั่นเอง
และนี่ก็คือข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมาเกี่ยวกับเรื่องของ The Seven Deadly Sins หรือบาปทั้ง 7 ของมนุษย์
โฆษณา