15 มิ.ย. 2020 เวลา 06:20 • ข่าว
หนี้สาธารณะประเทศไทย 7.1 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
มีการเปิดเผยจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ พบว่าในเดือนเมษายน ในปี 2563 ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะอยู่
ทั้งสิ้น 7,186,608 ล้านบาท ประกอบไปด้วยอะไรบ้างไปดูกัน
หนี้รัฐบาลทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 5.9 ล้านล้านบาท
หนี้รัฐวิสาหกิจ ทั้งที่รัฐบาลค้ำประกัน และไม่ค้ำประกัน รวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท
หนี้หน่วยงานของรัฐ ประมาณ 8,000 ล้านบาท
*ประเทศไทยเคยผ่านบทเรียนช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่ไปกู้เงินจากต่างประเทศ ในปัจจุบันประเทศไทยกู้เงินภายในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 98% ของหนี้ที่กู้โดยตรง
ซึ่งพบว่าเงินส่วนใหญ่ที่รัฐบาลกู้มา จะนำมาแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณในแต่ละปี
มาพูดถึง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันให้ที่น่าสนใจ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 260,000 ล้านบาท
การรถไฟแห่งประเทศไทย 170,000 ล้านบาท
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประมาณ 110,000 ล้านบาท
จะสังเกตได้ว่า 3 หน่วยงานนี้มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องจะเข้าไปช่วยและแบกรับหนี้ไว้
ส่วนหนี้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน ก็ได้แก่..
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 98,000 ล้านบาท
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 80,000 ล้านบาท
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 75,000 ล้านบาท
ข้อมูลที่น่าสนใจ หนี้ชดเชยความเสียหายแก่กองทัพ 7.5 แสนล้านบาท
ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ประมาณ 16.7 ล้านล้านบาท ทำให้ตัวเลขของหนี้สาธารณะล่าสุดเป็นสัดส่วนประมาณ 42.8% ของ GDP
สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศไทย เคยขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 59.9% ของ GDP ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง
หลังจากนั้นไทยจึงดำเนินนโยบายให้เพดานหนี้สาธารณะอยู่ไม่เกิน 60% มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งในอดีตนับสิบปีที่ผ่านมา (ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด) จะพยายามรักษาระดับของหนี้สาธารณะให้อยู่ประมาณ 40-45% ของ GDP มาโดยตลอด
ในปัจจุบันหนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับทรงตัว ถ้าคิดเฉลี่ยหนี้สาธารณะจากทั่วโลกอยู่ที่ 80% ซึ่งในปัจจุบันไทยอยู่ในระดับ 42% ถือว่าดีพอสมควร
ยิ่งเมื่อมีโควิด-19 ยิ่งทำให้หนี้สาธารณะของแต่ละประเทศ
ทั่วโลกรวมกันพุ่งไปแตะจุดสูงสุดของโลกเท่าที่เคยมีมา
หากรัฐบาลการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทของรัฐบาล จะทำให้หนี้สาธารณะของรัฐบาล ในปี 2564 ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 57 % จากปัจจุบันอยู่ที่ 42 % ของ จีดีพี โดยประมาณการการขยายตัวของจีดีพีปีนี้ตามที่ธปท.ประเมินจะอยู่ที่ ลบ 5.3 %
และ บวก 3 % ในปีหน้า
References

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา