15 มิ.ย. 2020 เวลา 12:33 • ท่องเที่ยว
เมื่อทริปเกือบล่ม ที่เขาหลังมังกร (Dragon's back, HK)
เมื่อสองปีก่อน ดิฉันจัดทริปปิดเทอมให้ลูกสาวเพื่อไปเที่ยวฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ แต่ไหน ๆ ก็ไปแล้ว ทริปทัวร์พิพิธภัณฑ์และเดินเขามักจะถูกบรรจุเข้าไปในตารางด้วยเสมอ เขาหลังมังกร (Dragon's back) เป็นสถานที่ TIME Asia ขนานนามว่าเป็น The best urban hiking trail พวกเราเลยไม่พลาดที่จะไปพิชิตสันเขานี้ดู
เราวางแผนกันว่าจะไปเดินเขาตั้งแต่ 8 โมงเช้า แต่เจ้ากรรมวันก่อนหน้านี้คงเที่ยวเหนื่อยไปหน่อย นอนหลับเพลินมาก จนสะดุ้งตื่นเพราะแม่บ้านเคาะเรียก เอาไดร์เป่าผมที่เสียมาเปลี่ยนให้ ซึ่งเป็นเวลา 11 โมงแล้ว แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เราลองไปเดินเขาตอนเที่ยงกัน คิดว่าเที่ยงแล้วคนต้องน้อยแน่ ๆ เลย
แต่คุณพระคุณเจ้า เมื่อไปถึงสถานีรถบัส เราเห็นคนเข้าแถวยาวทบไปทบมานับได้เป็นร้อยคนซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่เดียวกัน ดิฉันงงมาก คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติมีประปราย ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น อายุราว ๆ 40 ปีขึ้นไป พอเราได้ขึ้นรถบัส ซึ่งเป็นรถ 2 ชั้น ก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้น 2 ตามชาวต่างชาติไป ปรากฏว่าด้านบนเต็มแล้ว เราจึงยืนห้อยโหนกันสามพ่อแม่ลูกไปจนถึงที่หมาย (จริง ๆ เค้าห้ามยืนนะคะ ไม่มีใครบอก หรืออาจบอกแล้วเป็นภาษาจีน แต่พวกเราที่ยืนด้วยกันทั้งหมดไม่มีใครเข้าใจ จนกระทั่งขากลับค่ะ พลขับวิ่งขึ้นมาบอกว่าห้ามยืน มันอันตราย)
ตอนยืนไปก็หวาดเสียวจริง ๆ ค่ะ ถ้าใครเคยไปจะทราบดีว่าทางขึ้นเขาแคบและชัน คนขับขับเร็วแต่มีความชำนาญสูงค่ะ เวลารถบัสสวนกันทีลุ้นมาก ๆ ว่าจะเฉี่ยวกันไหม เราก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ใครจะมานี่ต้องเตรียมพร้อมก่อนเดินขึ้นเขาเป็นอย่างดี เพราะระหว่างทางไม่มีห้องน้ำเลยนะคะ
การเดินขึ้นเขาครั้งนี้มีเพื่อนเยอะมากค่ะ เรียกว่า เดินตามกันก้าวต่อก้าว แต่ที่บันเทิงมาก คือ ถ้าเราไปเดินเขา เราจะชื่นชมกับเสียงธรรมชาติ แต่ไม่ใช่เลยค่ะ คนท้องถิ่นมาเดินที่นี่เหมือนมาออกกำลังกาย พกลำโพงเคลื่อนที่เปิดเพลงไปด้วยสนั่นหวั่นไหว ดูครื้นเครงมากค่ะ บางคนเดินไปดูมือถือไป ไถลตกร่องข้างทางก็มีค่ะ สำหรับทางขึ้นเขาเป็นดินลูกรัง เดินไปเจ็บเท้าน่าดูเลย กว่าจะไปถึงสันหลังมังกร ทั้งผมและเสื้อของทุกคนเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ เรียกว่าดูไม่จืดเลยทีเดียว
จุดที่สวยที่สุดบนสันเขา คือ Shek O Peak เป็นจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางบริเวณนี้ทำให้เราเห็นวิวสวย ๆ คนที่บ้านบอกเหมือนแหลมพรหมเทพเลย บนนี้ลมแรง อากาศเย็นสบาย ๆ ค่ะ วิวทะเลสวย ๆ มองเห็นคฤหาสน์ริมทะเลสุดหรู ก็ทำให้รู้สึกว่าที่นี่มีความสวยงามขึ้นมาถนัดตา ผิดจากตอนเริ่มเดินที่เห็นแต่หิน ดิน และพุ่มไม้เตี้ย ๆ
แถมไม่พอมีเหยี่ยวบินถลาเล่นลม บริเวณ Shek O Peak ให้เราดูเพลิน ๆ ด้วย เราเดินกันประมาณ 8 กิโลได้ค่ะ ใช้เวลา เกือบ 3 ชั่วโมง ดิฉันทึ่งที่ลูกสาวเดิน และพูดตลอดทางย่างสนุกสนาน และไม่บ่นว่าเหนื่อย มีแต่ตัวเองนี่แหละที่บ่นว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่ เลยเกิดบทสนทนาขึ้นว่า
ดิฉัน: ตอนเดินลูกคิดถึงอะไร ทำไมถึงเดินเอา ๆ ไม่เหนื่อยเลย
ลูกสาว: อ้อ หนูคิดถึงโดนัทค่ะ คิดว่ามันอยู่ข้างหน้าหนู แล้วก็วิ่งตามไปเรื่อย ๆ เพราะอยากจะกินมันให้ได้
เออ..เด็กนี่ดีจังไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดถึงสิ่งที่ชอบก็เร้าให้มีความสุขได้ จนลืมความเหนื่อยยาก กลายเป็นสนุกแทน และสุดท้ายเราก็ออกปลายทาง แต่ไม่ได้ไปแวะหมู่บ้าน Shek O และทะเลด้านล่างนะคะ คิดว่า 3 ชม. นี่ก็เพียงพอแล้ว เพราะเราต้องพาปะป๊าไปเก็บวิวเมืองยามเย็นที่ Peak Tram กันต่ออีก
ถามว่าจะไปอีกไหม ดิฉันตอบเลยว่าไม่ ครั้งเดียวก็เกินพอ ถือว่าเปิดประสบการณ์การเดินเขาอีกแบบค่ะ ในใจยังคิดว่าเดินกิ่วแม่ปานที่ดอยอินทนนท์ยังสวยกว่าเยอะ ไทยมีดีจริง ๆ นะคะ
ปล. ถ้าแม่บ้านไม่มาเคาะประตูห้อง พวกเราคงไม่ได้ไปตะลุยแดดที่สันหลังมังกรสินะ ขอบคุณจริง ๆ
โฆษณา