15 มิ.ย. 2020 เวลา 14:14 • ธุรกิจ
ส่องอาณาจักร MINT
วันนี้เราจะมาส่องอาณาจักร ของ หุ้น MINT กันครับ จากบทความก่อนที่เคยทิ้งท้ายไว้ว่าเราจะทำบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวหุ้นของ MINT และ CENTEL วันนี้เรามาเริ่มจาก MINT ก่อนเลยครับ
MINT หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นก่อตั้ง จาก คุณวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ในวัย 17 ปี เมื่อปี 2510 โดยได้ก่อตั้ง บริษัท อินเตอร์-เอเชียนพับลิซิตี้ จำกัด เป็นบริษัท โฆษณาและบริษัท อินเตอร์-เอเชียนเอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัดเป็นบริษัททำความสะอาดสำนักงาน ต่อมา บริษัท ไมเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัดได้เข้าถือหุ้นทั้งสองในปี 2513 โดยชื่อ ไมเนอร์ มีความหมายว่า “ผู้เยาว์” โดยต่อมาในปี 2521 ได้เปิดตัวโรงแรมรอยัล การ์เด้น รีสอร์ท พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของบริษัทภายใต้ชื่อบริษัท รอยัล การ์เด้น รีสอร์ท จำกัด ต่อมาในปี 2523 ได้เปิดตัว ร้านพิซซ่า สาขาแรกในประเทศไทยที่พัทยา ในปี 2525 ได้ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย ภายหลังได้นำธุรกิจทั้ง 3 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท รอยัล การ์เด้น รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) RGR , บริษัท เดอะ พิซซ่า จำกัด (มหาชน) PIZZA , และบริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) MINOR ภายหลัง RGR ได้เข้าถือหุ้นและรวมกิจการของ PIZZA และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT นั้นเอง
เราจะมาดูอาณาจักรของ MINT เมื่อสิ้นปี 2562 มีอะไรกันบ้าง
MINT ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ
1.ธุรกิจโรงแรม โดยมีทั้งลงทุนเป็นเจ้าของเอง เช่าบริหาร บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดย MINT มีโรงแรมแบรนด์หลักๆ ได้แก่ อนันตรา,
อวานี,โอ๊คส์,ทิโวลี,เอ็นเอช คอลเลชั่น,เอ็นเอช โฮเทลส์ และนาว โดยมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 535 แห่งและมีห้องพักกว่า 77,761 ห้อง โดยมีการกระจายตัวทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย เกาหลีใต้,กัมพูชา,เยอรมนี,สเปน,ออสเตรเลีย เป็นต้น
2.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
มีจำนวนร้านอาหารกว่า 2,377 สาขา
มีแบรนด์หลักๆ ได้แก่
1.The Pizza Company เป็นร้านค้าที่บริษัทลงทุนเองมีสาขาในประเทศทั้งสิ้น 258 สาขา ต่างประเทศ 2 สาขา ส่วนสาขาที่อยู่ในระบบแฟรนไชส์ในประเทศจำนวน 172 สาขา และสาขาต่างประเทศจำนวน 138 สาขา
2.Burger King เป็นร้านค้าที่บริษัทลงทุนเองมีสาขาในประเทศทั้งสิ้น 115 สาขาและสาขาต่างประเทศจำนวน 6 สาขา
3.Swenes เป็นธุรกิจไอศกรีม โดยเป็นร้านค้าที่บริษัทลงทุนเองมีสาขาในประเทศทั้งสิ้น 116 สาขา และต่างประเทศ 1 สาขา ส่วนที่เป็นแฟรนไชส์ในประเทศไทย 178 สาขา และต่างประเทศ 27 สาขา
4.Dairy Queen เป็นธุรกิจไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ โดยเป็นร้านค้าที่บริษัทลงทุนเองมีสาขาในประเทศทั้งสิ้น 257 สาขา และต่างประเทศ 2 สาขา ส่วนที่เป็นแฟรนไชส์ในประเทศ 263 สาขา
5.Sizzler เป็นธุรกิจร้านอาหาร สเต็ก ซีฟู้ดและสลัด โดยเป็นร้านค้าที่บริษัทลงทุนเองมีสาขาในประเทศทั้งสิ้น 57 สาขา และต่างประเทศจำนวน 8 สาขา
อีกทั้งยังมีธุรกิจที่ไปลงทุนเพิ่มอย่างร้านอาหารและกาแฟในต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ The Coffee Club และได้เข้าลงทุนในหุ้นทั้งหมดใน Thai Express Concepts Pte Ltd ที่เป็นร้านอาหารไทยและนานาชาติรวมถึงการเข้าลงทุนในอาหารประเภทปลาใน BEIJING RIVERSIDE & COURTYARD Invesment Management Co., Ltd. (“RIVERSIDE”)
1
3.ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้า มีจำนวนกว่า 485 สาขา โดนแบ่งเป็น
1.สินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า และรองเท้า ภายใต้แบรนด์ดังนี้ แบรนด์เอสปรี,แบรนด์บอสสินี่,แบรนด์ชาร์ล แอนด์ คีธ เป็นต้น
2.สินค้าเครื่องใช้ในบ้านและเครื่องครัว ภายใต้แบรนด์ดังนี้ แบรนด์สวิลลิ่ง,แบรนด์โจเซฟ โจเซฟ,แบรนด์โบเดิ้ม
3.สินค้าและอุปกรณ์ทางการศึกษา ภายใต้แบรนด์ดังนี้ อีทีแอล,ไมเนอร์ สมาร์ท คิดส์,หงเอิ้น เป็นต้น
และยังผลิตสินค้าอุปโภคและสินค้าในครัวเรือน ได้แก่ น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์,ผลิตภัณฑ์น้ำยาขัดรถยนต์,ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด,น้ำยาปรับผ้านุ่มและน้ำยาล้างจาน อีกด้วย
1
ราคาปัจจุบัน ณ วันที่ 15/6/2563
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่เพื่อนๆและหากชอบบทความฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
บทความหน้าเราจะมาทำความรู้จักหุ้นสองตัวนี้ให้มากขึ้นฝากติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณภาพเเละข้อมูลจาก www.set.or.th
โฆษณา