15 มิ.ย. 2020 เวลา 23:54 • ความคิดเห็น
ประโยคแปลกๆ ที่ความหมายไม่ตรงกับที่พูด แล้วจะบอกกันทำไม?
มันก็จะงงๆ หน่อย เวลาที่เขาพูดและบอกประโยคเหล่านี้กับเรา อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่บอกกันเสมอไปหรอกนะ
คำพูดที่คนเราพูดนั้นมีทั้งคำพูดที่เชื่อถือได้และเชื่อถือไม่ได้ บางคำก็เหมือนเป็นคำที่พูดเอาไว้เป็นมารยาทเฉยๆ เพียงเท่านั้น แต่ด้วยบริบทของสังคมไทยนี้ ทำให้คำพูดที่เข้าใจง่ายๆ หลายๆ ประโยคนี้ กลับไม่มีความหมายอย่างที่ควรจะเป็นนี่น่ะสิ จนทำให้อดงงและสงสัยกับประโยคเหล่านี้ไม่ได้เลยเหมือนกัน ลองมาดูดีกว่าว่ามีประโยคแบบไหนบ้าง ที่ชวนงงชวนสงสัยไม่เข้าใจอยู่บ้างนะ
1. สงสัยอะไรก็ถามนะ
โดยเฉพาะในสังคมที่ทำงาน เป็นคำถามที่ดูใจดี พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ แต่พอถึงเวลาถามขึ้นมาจริงๆ ก็หาว่าเราไม่ตั้งใจฟัง หรือทำท่ารำคาญใส่เราว่าทำไมเรื่องแค่นี้ต้องถามด้วย หรือรวมไปถึงว่าเราไม่ฉลาดเพราะเรื่องแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ เลยทำให้สงสัยจริงๆ ว่าถ้าไม่พร้อมไม่เต็มใจจะให้ถามแล้ว ไม่พูดเลยยังจะดีเสียกว่านะ เพราะถามไปอย่างเด็กใหม่ไฟแรงเจอสวนกลับแบบนี้ ไฟก็จะมอดเอาได้เหมือนกันล่ะนะ
2. มีอะไรก็บอกกันตรงๆ
ประโยคนี้ให้ความรู้สึกว่าคนพูดเป็นคนใจกว้างดี ยอมรับเหตุผล ยอมรับความเห็นที่แตกต่างได้ แต่พอพูดตรงๆ ก็โกรธเราไปซะงั้น เหมือนว่าเราไปต่อว่าอะไรเขา ทั้งๆ ที่เราก็แสดงความเห็นตามตรงแบบที่ใจคิดเท่านั้นเอง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าความจริงมันจะเสียดแทงใจรับไม่ได้แบบนี้ ก็อย่าทำเป็นรับฟังความเห็นของคนอื่นเลย แต่อยากให้รู้เอาไว้นะว่าความเห็นด้านลบเนี่ย จริงๆ แล้วมันก็มีประโยชน์มาก และก็อาจจะมากกว่าความเห็นในด้านบวกด้วยซ้ำไปนะ
3. บอกมาเถอะไม่ว่าอะไรหรอก
อาจจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายไม่สมควรได้ยิน หรือเป็นเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ อุตส่าห์ไว้ใจ แต่พอบอกไปก็เหมือนถูกหักหลัง ไหนบอกจะไม่ว่าอะไร แต่ใบหน้าบูดบึ้ง ทำตึงๆ ใส่นี่ก็รู้แล้วล่ะว่าโกรธอยู่แค่ไหน ก็อ่ะน้า...คนเราน่ะบางทีการไม่รู้อะไรโดยเฉพาะเรื่องแย่ๆ มันก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่เพราะสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละ พอรู้ขึ้นมาบางทีก็หัวเสียไม่สบายใจเอาได้แบบนี้นี่แหละ
4. เราอยู่กันแบบครอบครัว
โดยเฉพาะช่วงสมัครงาน หรือว่าช่วงที่มาเริ่มทำงานในที่ใหม่ๆ นี่ ประโยคนี้จะได้ยินอยู่บ่อยๆ เป็นประโยคที่ให้ความเป็นกันเอง รู้สึกอบอุ่น แต่พออยู่ไปนานๆ ชักรู้สึกว่าโดนล้ำเส้น ขนาดกับคนที่บ้านยังไม่มายุ่งวุ่นวายด้วยขนาดนี้ แถมยังเป็นพี่น้องกันแบบเรื่องซินเดอเรล่าอีก สนใจเรื่องส่วนตัวของเรายิ่งกว่าเรื่องงาน มีอะไรใช้งานหนูตลอด แต่งานของหนูยามมีปัญหาขอความช่วยเหลือบ้างก็บอก "เอาไว้ก่อน" แล้วก็ไม่เคยช่วยเลยสักครั้ง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ขอเป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่แสนห่างเหินกันเฉยๆ ไปเถอะ อย่าเป็นครอบครัวเดียวกันเลยจะดีกว่านะ
5. ไม่มีอะไร ไม่เป็นไร
ประโยคนี้ใครชอบใช้บ่อยๆ สารภาพมาซะดีๆ เป็นประโยคที่ปากไม่ตรงกับใจที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเวลางอน หรือยามที่ไม่ได้ดั่งใจ เวลาถูกถามกลับมาว่า "มีอะไรหรือเปล่า" หรือ "เป็นอะไร" ก็จะปฏิเสธเอาไว้ก่อนแหละ แต่ดูสีหน้าและอารมณ์ก็รู้แล้ว ว่าขี้จุ๊เบเบ่ มันต้องมีอะไรอยู่แล้วแหละ แต่ไม่พอใจและจะไม่บอกด้วยว่าทำไม วางฟอร์มเข้าไว้จนกว่าจะมาง้อได้ถูกจุดล่ะนะ
6. ไม่บอกใครหรอก
ประโยคแห่งการหลอกลวงที่แสนจะคลาสสิคมาทุกยุคทุกสมัย ถ้าหากว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเรากำลังมีความลับสำคัญอะไรบางอย่างอยู่เนี่ย พวกเขาก็มักที่จะขอร้อง อ้อนวอน ตื้อหนักมาก เพื่อที่จะทำให้เราบอกความลับนั้นให้เรารู้ ยอมที่จะให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นว่า จะไม่เอาไปพูดหรือบอกต่อกับใคร แต่พอเรายอมบอกแล้วจะกลายเป็นทุกคนรู้กันหมดไปซะงั้น รู้สึกคิดผิดเลยใช่ไหมละที่บอกไปเนี่ย
7. กำลังลดความอ้วนอยู่
ต่อให้อยากจะหุ่นดีสักแค่ไหน ต่อให้จะบอกกับใครสักเท่าไหร่ว่ากำลังลดน้ำหนัก กำลังลดความอ้วนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่นี้จะตรงกันข้ามกับสิ่งที่บอกอยู่ตลอดเลย เธอก็ยังคงจะกินแบบไม่ยั้งคิด เลือกกินแต่ละอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่คนไดเอตเขากินกัน พอชวนให้กินอะไรเข้าหน่อยก็จะบอกว่าลดความอ้วนอยู่ หรือบางทีก็อดทนไม่ไหวค่อยลดทีหลังก็แล้วกัน จนก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่บอกแล้วจะทำอย่างที่ว่านี้ได้จริงๆ
ประโยคพวกนี้ก็เป็นประโยคที่ทำให้เราต้องคอยระมัดระวังอีกฝ่ายอยู่เสมอว่า เขาจะพูดแล้วเป็นจริงตามที่พูดหรือเปล่าอยู่ตลอดเลย อาจจะมีคนที่พูดจริงๆ อยู่บ้างก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะเจอแบบที่ตรงกันข้ามอย่างที่พูดตลอดน่ะสิ ทำให้เราไม่สามารถที่จะไว้ใจคำพูดเหล่านี้ได้จริงๆ แล้วคุณล่ะพร้อมจะรับมือกับคำพูดเหล่านี้กันยังไงบ้าง
บทความ โดย : Akine_noxx
เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บ Spice/Pepper
ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา