16 มิ.ย. 2020 เวลา 14:44 • ไลฟ์สไตล์
แบตหมด
ถ้าใช้สมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค พอแบตหมด การทำงานก็จะเอื่อยๆ อ่อนแรง ส่งเมล์ไม่ไปบ้างอะไรบ้าง จะมีเครื่องหมายเตือนให้ชาร์จแบต แต่ถ้าความคิดความกระตือรือร้นของคนมันเอื่อยเฉื่อยลง จะชาร์จแบตด้วยวิธีไหนดี
สำหรับคนวัยทำงานออฟฟิศ ที่นั่งอยู่กับโต๊ะทำงานวันละ 8-9 ชั่วโมง อาทิตย์ 5 วัน ก็มักจะรอคอยวันหยุด แล้วชอบพูดกันว่า "ขอไปชาร์จแบตหน่อย" ก็พอเข้าใจ แต่คนที่เลยวัยทำงานประจำ ซึ่งสามารถชาร์จแบตได้ตลอดเวลา anywhere, anytime แล้วมาบ่นว่า 'แบตหมด' นี่ซิ ไม่ค่อยเข้าใจ
หรือจะต้องโทษ โควิด19 ที่ทำให้กิจกรรมหลายๆอย่าง ต้องระงับไป พวก สว. ทั้งหลายที่เคยไปกินข้าวนอกบ้าน สังสรรค์บันเทิงคาราโอเกะ เต้นแอโรบิค ก็ทำไม่ได้ซะแล้ว..วันๆนั่งดูแต่จอ จอมือถือบ้าง จอซีรี่ส์ บ้าง จนรากจะงอกที่โซฟาตัวโปรดกันแล้ว ชีวิตเลยขาดสีสรร เกิดอาการเฉา เหงาหงอย ไปตามๆกัน
การอยู่บ้านนานๆ รวมทั้งพวก work from home ก็มีส่วนทำให้ แบตหมดได้ง่าย เพราะพวกใช้ความคิดสร้างสรรค์บางครั้งมันต้องอาศัยบรรยากาศ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน พอมานั่งอยู่คนเดียวก็คิดอะไรไม่ออกก็มี
บางคนเริ่ม New normal ด้วยการทำสวน กวาดสนามหญ้าเองบ้าง แต่พอฝนมา งานกลางแจ้งก็ต้องงด บางคนกลายเป็นเชฟมือทอง แต่พอชิมฝีมือตัวเองไปสัก 30 วัน ก็เริ่มจะเลี่ยน มีเพื่อนฝรั่งคู่หนึ่ง ไปทะลก่อน lockdown พอเค้าปิดจังหวัด กลับที่พักไม่ได้ ต้องเช่าบ้านริมทะเลอยู่มาสามเดือน เกือบจะเปลี่ยนอาชีพเป็นชาวประมงไปเลย คงเบื่อทะเลไปอีกนาน
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์แบบที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทำให้ mindset ตั้งรับไม่ทัน ลองนึกดูซิว่า คนรุ่นก่อน 2500 แล้วต้องมา 'สแกนคิวร์อาร์โค้ด' ทุกครั้งที่เข้าออกร้านค้า แล้วต้องเข้า app ของ platform ไทยชนะ เวลาเข้าต้อง check in เวลาออกต้อง check out แล้วต้องมี social distancing ด้วย...เอ่อ...นี่เรามาถึงจุดนี้ ที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าต้องเข้าใจภาษาไฮเทคแบบนี้แล้วหรือ มันก็ดูเป็น ความแปลกแยก หรือ disruptionได้ระดับนึงเลยนะ ที่สำคัญคำเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ นี่ก็ไม่มีภาษาไทยกำกับซะอีก ยังสงสัยว่าพวกที่ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ เค้าจะเข้าใจได้ยังไงนะ...หรือ เป็นเพราะว่า Covid19 มันเป็นสากล เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ภาษาที่ใช้จึงต้องเป็นสากลไปด้วย
กลับมาที่เรื่อง แบตหมด ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิต มันก็จะทำให้การตอบสนองช้ากับทุกเรื่อง ไม่อยากกิน ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากเดินทางนานๆ ไม่อยากไปอยู่กับคนหมู่มาก (เพราะกลัวเชื้อโรค) พอไม่อยากทำหลายๆเรื่อง สมองก็ไม่ค่อยแล่น พวก สว. ที่ปกติก็คิดช้าอยู่แล้ว ก็ยิ่งอาการน่าเป็นห่วง
แบตเตอรี่ หรือเครื่องกำเนิดพลังงานในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นวัตถุไม่มีชีวิตจิตใจ เมื่อมีพลังงานเต็มก็ส่งพลังออกไปใช้งานเต็มความสามารถแบบกดปุ๊บติดปั๊บ แต่แบตเตอรี่ในมนุษย์ไม่ง่ายแบบนั้นมีทั้งตัณหาอุปปาทาน อคติ ต่างๆ บางครั้งแม้จะมีพลังงานเต็มเปี่ยมแต่ไม่ปรารถนาจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็อ้างว่า แบตหมด เพราะไม่มีใครไปตรวจวัดได้ว่า แบตหมดจริงหรือเปล่า
นี่คงจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้เร็วขึ้น เพราะ AI คงไม่มีอคติ ไม่เกียจคร้าน และสามารถชาร์จแบตให้เต็มได้เสมอ อีกหน่อยคำว่า แบตหมด คงหมดความขลัง ใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้อีกต่อไป
ถ้าช่วงนี้เขียนอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ แบตหมดค่ะ
สวยแบบอ่อนแรง
โฆษณา