17 มิ.ย. 2020 เวลา 13:05 • ปรัชญา
ช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ฉันคิดว่าทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกันทุกคนค่ะ....และแน่นอนว่าฉันเองก็ไม่ต่างกัน....
ในที่นี้ฉันจะขอเลือกช่วงเวลาที่ฉันจำได้ขึ้นใจมากที่สุดมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะคะ
ในตอนนั้น ฉันตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ให้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูง...
แม้ว่าเพื่อนหลายคนที่เรียนมาด้วยกันจะบอกในเชิงว่าไม่อยากที่จะให้ฉันออกจากงานที่กำลังทำอยู่เลย เพราะมันได้รับเงินเดือนดีมากก็ตาม....
แต่เพราอะไรหลายๆอย่าง...ฉันก็ดึงดันที่จะลาออกมาจนได้...โดยที่ไม่มีเสียงสนับสนุนจากใครเลยสักคนเดียวแม้แต่คนในครอบครัวก็ตามที
มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ฉันน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วจากการเตรียมทำร้าน...และพอร้านของฉันเปิดได้...มันก็ไม่ได้ขายดีสักเท่าไร....
แต่....ฉันก็อดทนเสมอมาค่ะ....และพยายามหารายได้จากทางอื่นนอกจากการเปิดหน้าร้านไปด้วย....ในช่วงเวลานั้น...ฉันได้คำสรรเสริญมากมายเลยค่ะ
คิดยังไงมาเปิดร้านที่นี่
เปิดร้านแบบนี้มีเงินพอส่งบ้านหรือ
จะพอกินหรือทำงานแค่นี้
และอะไรอีกหลายๆอย่างที่ช่างชวนให้ท้อใจเสียเหลือเกินค่ะ....
และแน่อนนว่าฉันท้อ...แต่...เลือดแห่งการอยากเอาชนะของฉันที่มันไหลผล่านอยู่ในตัวมาตั้งแต่จำความได้....มันทำให้ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆค่ะ...
ฉันทำงานพิเศษเพิ่มมากมาย...ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มงานหัดเขียน...การสอนพิเศษ....และการเปิดร้านไปด้วย...นอกจากนั้นใครมาจ้างฉันทำอะไร ฉันทำทุกอย่างเลยค่ะ...
ในตอนนั้นถ้อยคำสมเพชมากมายถูกคนในชุมชนแห่งนี้พูดทับถมฉัน....แล้วฉันที่ดันความจำดี...ก็ดันจำได้หมดอีกต่างหากนี่สิ....
ถามว่าโกรธไหม...ฉันต้องตอบตามตรงว่าโกรธค่ะ...โกรธมาก....แต่ฉันทำอะไรเขาไมได้ค่ะ...สิ่งที่ฉันทำได้คือทำให้ตัวฉันดีขึ้น
ฉันเฝ้าเอาคำพูดพวกนั้นมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำงานมากขึ้น...แน่นอนว่าฉันได้รายได้มากขึ้นตามลำดับค่ะ...
แต่...ฉันบอกไว้ก่อนนะคะ...ว่าไม่แนะนำให้ทำแบบนี้...
เพราะอารมณ์แบบนั้นที่ฉันเอามาเป็นแรงผลักดันนะ...มันยังคงค้างอยู่ในใจและยากที่จะลบเลือนออกไปค่ะ...
ถ้าคิดจะทำแบบนี้....ก็ต้องรู้จักปล่อยวางให้เป็นด้วย...
และตอนนี้ฉันก็กำลังพยายามทำแบบนั้นอยู่ค่ะ...แต่...ก็คงต้องอาศัยแวลาอีกสักพักใหญ่ๆเลยค่ะ
สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บปวดมากที่สุด....น่าจะเป็นการที่อยู่ๆก็มีคนมาตะโกนด่าค่ะว่าบ้านฉันไม่มีจะแ...ก....ใช้คำไม่สุภาพอย่างถึงที่สุดเลยค่ะ....
เรื่องราวจบลงด้วยการไปแจ้งความและตำรวจก็เข้าไปคุยกับทางคนนั้นให้จนบัดป่านนี้ก็ไม่เคยเมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกันฉันตรงๆอีกกค่ะ....
และ....อีกครั้ง ตรงที่มีน้องพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง...ที่สวมชุดยูนิฟอร์มของโรงงานเดินเข้ามาในร้านของฉันแล้วกวาดตามองไปรอบร้านแล้วก็เอ่ยถามออกมาว่า เปิดร้านแบบนี้พอกินหรือคะ
ในตอนนั้น...ฉันมีคำถามากมายเกิดขึ้นในหัวเลยค่ะ....ว่าทำไมคนที่นี่ถึงชอบดูถูกคนอะไรกันหนักหนา.....
แต่....ในความเป็นจริงแล้ว...ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแค่คนที่นี่หรอกค่ะ...ทั่วประเทศนี้ก็คงเป็นเหมือนกันหมดนี่แหละ....
จริงๆแล้ว....ในชีวตของเรา...มันย่อมต้องมีอะไรสักอย่างมากระแทกใจค่ะ เหมือนโลกไม่อนุญาตให้เราเติบโต..หากเราไม่ได้รับความเจ็ปวด....
เหมือนดังว่าแท้จริงแล้ว...ชีวิตไม่มีทางปล่อยให้เราได้รับแต่สิ่งที่ดีๆเพียงอย่างเดียวนั่นแหละค่ะ....
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะ...เป็นเรื่องที่คนทุกคนต้องเจอ...เพียงแต่คนคนนั้นจะยอมรับหรือเปล่าเท่านั้น....
ดังนั้น...สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือว่า...ถ้าคุณเจออะไรที่เขามากระทบใจของคุณ หรือชีวิตของคุณ....ก็ขอให้คุณแค่คิดว่ามันเข้ามาได้...เดี๋ยวมันก็ออกไปได้...
แต่จะนานเท่าไรฉันไม่รู้หรอกนะคะ....เพราะมันมีองค์ประกอบหลายอย่าง...
บางสิ่งที่ไม่ดีที่เข้ามาในชีวิต...อาจออกไปได้...เพราะการปล่อยวาง...แต่บางสิ่งที่ไม่ดีที่เข้ามาในชีวิต...ก็อาจออกไปได้ด้วยการลงมือจัดการ...
มันก็แล้วแต่...ว่าจะเป็นออย่างไร....
แต่...โปรดจำเอาไว้เถอะค่ะ...ว่าชีวิตของคนทุกคนล้วนต้องเจ็บปวด....นี่คือสัจธรรมจริงๆ....
อ้อ....แล้ว...ฉันก็อยากที่จะแอบกระซิบตรงนี้ว่า
คนที่ว่าๆฉันนะคะ....พวกเขาก็ทำได้อย่างมากแค่แอบนินทาลับหลัง...พอให้เอาสิ่งที่เขาคอยก่นด่าฉันมากางเทียบกับสิ่งที่ฉันมี...
ฉันว่าในฐานะที่เราเป็นคนเหมือนๆกัน....มันก็ไมได้ต่างกันหรอกค่ะ.....
ไม่รูว่าเขาจะทำไปทำไมเหมือนกัน
โฆษณา