18 มิ.ย. 2020 เวลา 06:42 • บันเทิง
Birthday (2018) สุขสันต์วันลูกชายฉันเกิด
 
Director: Jong-un Lee
 
ซุนนัม (Do-yeon Jeon) แม่ที่ใช้ชีวิตตามลำพังกับ เยโซล (Kim Bo-Min) ลูกสาว เมื่อ จองอิล (Kyung-gu Sol) สามีของเธอต้องไปทำงานต่างประเทศ แต่เรื่องเลวร้ายในชีวิตของ ซุนนัม ไม่ใช่การที่สามีไม่ได้อยู่กับเธอ หรือการที่เธอต้องดิ้นรนหากินเพียงลำพัง แต่มันคือ การสูญเสีย ซูโฮ (Yoon Chan-Young) ลูกชายคนโต ในเหตุการณ์เรือ เซวอล อับปางเมื่อปี 2014 โดยที่เธอไม่มีใครอยู่เคียงข้าง แม้กระทั่งสามีหรือพ่อของลูก ซุนนัม จึงทำได้เพียงอดกั้นความโศกเศร้า และเลี้ยงดูตัวเองกับ เยโซล ด้วยการทำงานเป็นพนักงานร้านมินิมาร์ท
 
เวลาผ่านไปหลายปีในที่สุด จองอิล ก็เดินทางกลับจากต่างประเทศ เขารู้สึกผิดที่ตัวเองไม่ได้อยู่เคียงข้างครอบครัวในวันที่สูญเสียลูกชาย เขาจึงพยายามกลับเข้ามาชดเชยเวลาที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า ซุนนัม จะไม่สามารถให้อภัยเขาได้ง่ายๆ เธอยังเจ็บปวดทุกครั้งเวลาเปิดเข้าไปในห้องของลูกชาย เวลาเธอเห็นเด็กคนอื่นก็มักหลงคิดว่า ซูโฮ ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อ ซุนนัม ยังไม่สามารถก้าวข้ามความเจ็บปวดในใจได้ สิ่งที่สามีอย่าง จองอิล ต้องทำจึงไม่ใช่เพียงแค่ให้เธออภัยแก่เขา แต่ยังต้องคอยประคับประคองให้ ซุนนัม ก้าวข้ามความสูญเสียไปให้ได้อีกด้วย
 
หนังได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์เรือเซวอลอับปาง ซึ่งหลายคนน่าจะยังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี เนื่องด้วยมีความสูญเสียเป็นจำนวนมากและมีดราม่าตามมามากมาย เซวอล เป็นเรือที่กำลังเดินทางจากเมืองอินชอนไปที่เกาะเชจู แต่เกิดเหตุการณ์เรืออับปางเสียก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 304 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน โรงเรียนมัธยมดันวอน เมืองอันซาน (Ansan)
 
***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***
***
หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเหตุการณ์ความสูญเสียที่ว่า แต่หยิบเอาเรื่องราวผลกระทบจากความสูญเสีย ผ่านครอบครัวหนึ่งที่พ่อแม่มีระยะห่างกันด้วยความจำเป็น ความสูญเสียที่มันหนักหนาอยู่แล้วมันจึงหนักมากขึ้น เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งต้องรับมือกับมันตามลำพัง Birthday (2018) จึงไม่เพียงแค่สะท้อนผลกระทบจากความสูญเสีย แต่ยังสะท้อนภาวะอารมณ์ของคนที่สูญเสีย โดยปราศจากเบาะรองรับจิตใจ เมื่อคนที่เธอต้องการพึ่งพิงไม่ได้อยู่เคียงข้าง
 
เราจะได้เห็นฉากของ ซูนนัม เปิดประตูเข้าไปในห้องลูกชายแล้วร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเห็นข้าวของของลูกชาย แต่ยิ่งเธอหลีกหนีมันเท่าไหร่ เมื่อใดที่ได้เห็น มันจึงเหมือนเขื่อนแห่งความเสียใจที่พังทลาย ซุนนัม ปลดปล่อยออกมาทุกอย่าง แบบที่หากทิ้งเธอไว้แบบนั้นต่อไป น้ำตาคงออกมาเป็นสายเลือด เราจะได้เห็น ซุนนัม ทำร้ายความรู้สึกคนรอบข้าง เหมือนที่เธอไม่ต้องการให้สามีกลับมา เธอต่อว่า เยโซล ลูกสาวเพียงเพราะไม่กินของที่ซื้อมาให้(เพราะของนั้นลูกชายซูโฮชอบกิน)
 
ส่วนตัวละคร จองอิล พ่อและสามีที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้น แม้จะดูเหมือนว่าเขาสามารถรับมือกับความสูญเสียได้ดี แต่ลึกๆแล้ว จองอิล รู้สึกเจ็บปวด ที่ตัวเองไม่สามารถอยู่เคียงข้างในวันที่ครอบครัวต้องการเขาได้ เขาจึงกลับมาทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว เผชิญหน้ารับมือกับความสูญเสีย เพื่อก้ามข้ามมันไปให้ได้ก่อน แล้วจึงยื่นมือเข้ามารับ ซุนนัม ให้ก้าวข้ามมันไปด้วยกัน
 
เขียนมาแบบนี้เดี๋ยวจะคิดว่าหนังจะดราม่าน้ำตานอง เอาจริงในช่วงแรกจนถึงเกือบๆท้ายเรื่อง แม้หนังจะมีฉากชวนซึ้ง สะเทือนใจอยู่เยอะก็จริง แต่ดูหนังคงค่อนข้างจะนึกถึงครอบครัวผู้สูญเสีย ไม่ค่อยบิ้วอารมณ์สะเทือนใจไปจนสุดทาง แม้จะเศร้าแต่มันเหมือนกับว่า เราแค่กำลังมองดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น หนังไม่ได้ดึงคนดูให้มีอารมณ์ร่วมกับความรู้สึกของตัวละครเท่าไหร่
 
แต่ยังไงซะหนังแนวนี้ก็ไม่พ้นจะมีฉากสะเทือนใจขั้นสุด ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของหนัง ในงานวันเกิดของ ซูโฮ ที่ให้ทุกตัวละครมาร่วมกันกล่าวระลึกถึงเขา มันจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนดูอย่างเราจะเสียน้ำตา แต่อีกด้านหนึ่งหนังก็ออกแบบให้มันเป็นน้ำตา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ บนความรู้สึกตื้นตัน ที่ผู้คนหัวอกเดียวกันที่ต่างสูญเสียคนรัก ช่วยกันประคับประคองกันก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย เพราะก็คงจะมีแต่ผู้สูญเสียด้วยกันที่จะเข้าใจกันได้ดีที่สุด
 
สรุปแล้ว Birthday (2018) สุขสันต์วันลูกชายฉันเกิด เป็นหนังดราม่าที่หากใครเป็นสายชอบความหน่วง น้ำตานอง น่าจะชอบได้ไม่ยาก ด้วยความน่าสนใจที่หนังได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง ความอินมันเลยยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีก ส่วนตัวผมเรื่องนี้อาจจะไม่ถึงขั้นดราม่าท็อปพีค แต่ก็อยู่ในระดับที่คิดว่า หนังทำได้สัมผัสความรู้สึกดีเลยล่ะ
โฆษณา