19 มิ.ย. 2020 เวลา 04:30 • ประวัติศาสตร์
ทุกคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องของจอร์จ ฟลอยด์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตอนนี้ เพราะเขาเป็นคนดีที่ถูกฆ่าโดยตำรวจเพียงเพราะเขามีผิวสี และในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของจอร์จ สตินนี่กัน เด็กหนุ่มผู้บริสุทธิ์แต่กลับต้องได้รับโทษประหาร...
ภาพของจอร์จ สตินนี่ เด็กชายผู้เป็นเหยื่อของการเหยียดสีผิว
เรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองอัลโคลู ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในเมืองนี้ผู้คนจะแบ่งแยกพื้นที่อาศัยเป็นสองส่วนคือส่วนของคนผิวสีและส่วนของคนผิวขาว แต่ทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้มีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันหนักหน่วง จนกระทั่งในปี1944 วันที่ 24 มีนาคม ช่วงหลังเลิกเรียน มีเด็กผู้หญฺิงผิวขาวสองคนออกเดินทางด้วยจักรยานคันเดียวกัน และวางแผนที่จะไปเก็บเมย์ป๊อป(คล้ายๆเสาวรสแต่มีสีม่วง)
ภาพของเด็กสาวผิวขาวทั้งสองที่ถูกฆาตกรรม
เบ็ตตี้ จูน บินนิคเกอร์(Betty June Binnicker) อายุ11ปีปั่นจักรยานไปตามทางรถไฟกับเพื่อนสาววัย7ขวบ แมรี่ เอ็มม่า เทมส์(Mary Emma Thames) พวกเธอเที่ยวเล่นผ่านโรงสีไม้ อันเป็นสถานที่ที่ทุกคนในอัลโคลู(Alcolu) ทำงาน รวมไปถึงพ่อของพวกเธอด้วย พวกเธอมองเห็นเด็กผิวสีสองคนอยู่ข้างหน้า จอร์จ สตินนี่ จูเนียร์(George Stinney Jr.)14ปี และน้องสาวของเขา ไอเม่วัย8ขวบ พวกเขากำลังพาวัวออกมากินหญ้า เบ็ตตี้และแมรี่จึงหยุดที่เด็กสองคนนั้นเพื่อถามว่าจะไปหาเมย์ป๊อปได้ที่ไหน แต่จอร์จและเอมี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เด็กสาวสองคนนั้นจึงได้เริ่มเดินทางต่อโดยไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าโศกนาฏกรรมกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ในเย็นวันนั้นเบ็ตตี้และแมรี่ไม่ได้กลับบ้าน ทำให้ผู้คนรวมตัวกันประมาณ100-200คนเพื่อตามหาเด็กๆทั่วเมือง ครอบครัวสตินนี่เองก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน จอร์จบอกกับแม่ว่าเขาและน้องไอเม่เจอกับเด็กสาวสองคนนั้นช่วงเวลาก่อนที่พวกเธอจะหายตัวไป ก่อนที่จะออกไปเข้าร่วมทีมค้นหาพร้อมกับพ่อของเขา แต่ในคืนนั้นไม่มีใครหาตัวเด็กๆพบจนกระทั่งในเช้าวันต่อมาเด็กสาวสองคนนั้นถูกพบเป็นศพในคูน้ำตื้นๆในป่า พวกเธอนอนคว่ำหน้าราวกับตุ๊กตาที่ถูกทิ้ง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล เหนือร่างของเด็กสาวมีจักรยานที่ล้อหน้าหายไปล้มอยู่ ผลการชันสูตรออกมาว่าพวกเธอถูกทุบตีอย่างรุนแรงจนถึงแก่ความตาย
ในบ่ายวันเดียวกับวันที่พบศพนั้น จอร์จและไอเม่อยู่บ้านกับลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อว่าจอห์นนี่ผู้ที่มาเยี่ยมบ้านก่อนจะไปเข้าร่วมกองทัพทหาร พ่อแม่ของพวกเขาไม่อยู่บ้าน และพี่น้องของเขาอีกสองคนชาลส์และแคทเธอรีนก็ออกไปข้างนอกด้วยกัน
ไอเม่ในวัย8ขวบ เธอกำลังนั่งเล่นกับไก่อยู่ที่สวนหน้าบ้านก่อนที่จะมีรถสีดำสองคันขับมาจอดบนถนน เธอมองชายผิวขาวในชุดสูทเดินเข้ามาในบ้านผ่านประตูหลัง ชายชุดดำเหล่านั้นลากตัวจอร์จและจอห์นนี่ออกมาพร้อมกับกุญแจมือ
ไอเม่ได้แต่ร้องไห้และถามออกไปว่า “จอร์จ ทำไมพี่ต้องไป?” ส่วนจอร์จที่โดนจับขึ้นรถได้แต่ตะโกนกลับมาว่า “ไปตามแคท ชาลส์ แล้วก็แม่!” หลังจากนั้นจอร์จก็หายไปกับรถสีดำเหล่านั้น และนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นพี่ชายของเธอแบบที่ยังมีชีวิต
ในคืนนั้นมีชาวบ้านจำนวนมากมาที่หน้าบ้านของครอบครัวสตินนี่เพื่อรุมประชาทัณฑ์ เพราะพวกเขาเชื่อว่าจอร์จเป็นคนฆ่าเด็กสาวสองคนนั้น “พวกเราต้องไป”ผู้เป็นพ่อกล่าว “เราต้องหนีออกไปจากที่นี่” ครอบครัวหนีไปอยู่ที่บ้านของคุณยายที่ไพน์วู้ด นำของติดตัวไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง
ต่อมาจอห์นนี่ถูกปล่อยตัวออกมา เหลือแต่จอร์จเท่านั้นที่รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือสังหารเด็กสาวทั้งสองหลังจากที่ถูกจับมาเพียง40นาทีเท่านั้น
จากวันก็กลายเป็นสัปดาห์ จอร์จต้องต่อสู้ในชั้นศาลเพียงลำพัง ในขณะที่ครอบครัวสตินนี่ไม่ได้พูดคุยหรือเจอจอร์จเลย พวกเขาทำได้แค่สวดภาวนาอย่างหนัก พวกเขาเป็นคนผิวสี และพวกเขาก็ไม่มีเงิน พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับจอร์จ เขาได้อยู่ในหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว” พ่อของจอร์จกล่าว
ราวๆ31วันต่อมา จอร์จปรากฏตัวขึ้นบนชั้นศาล เด็กหนุ่มวัย14ปีที่ไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับครอบครัวเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ต้องอยู่ท่ามกลางคนผิวขาวแปลกหน้าเป็นร้อยคนในห้องพิจารณาคดีทำให้เขาสั่นกลัวเป็นอย่างมาก พ่อของจอร์จได้มาเข้าร่วมการให้การกับศาลในฐานะพยานด้วยเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์แต่ก็ไม่สำเร็จ
ขณะลูกขุนใช้เวลาเพียง10นาทีเท่านั้นในการตัดสินว่าจอร์จมีความผิดจริงและไม่มีการลดหลั่นโทษ เขาต้องถูกประหารด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า
ถึงอย่างนั้นก็มีคนจำนวนมากออกมาประท้วงว่าการตัดสินคดีแบบนี้มันไม่เป็นธรรม มีจดหมายกับโทรเลขหลายร้อยฉบับจากทั่วประเทศหลั่งไหลเข้าไปยังสำนักงานผู้ว่าราชการเพื่อขอความเมตตาและความเป็นธรรมให้กับจอร์จ แต่การตัดสินของผู้ว่าถือว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะมีการตัดสินใหม่ และการประหารก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
ชายหนุ่มวัย17ปี “วิลฟอร์ด ‘จอห์นนี่’ ฮันเตอร์” ถูกจับในคดีขโมยรถ เขาได้มาเจอกันจอร์จในคุก จอร์จในตอนนี้มีสภาพที่น่าสงสารมาก เขาดูอ่อนแอและไม่ค่อยทานอาหาร
ฮันเตอร์ถามจอร์จว่า “เฮ้ เจ้าหนู ข้อหาอะไรน่ะ?”
จอร์จตอบว่า “พวกเขาจะให้ผมนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า”
ฮันเตอร์อึ้งจนแทบทรงตัวไม่อยู่
ในเวลา3วันที่เหลืออยู่นี้ จอร์จได้พบเจอกับเพื่อนที่เขาไว้ใจในตัวของชายคนนี้ ส่วนฮันเตอร์นั้น เขาเห็นจอร์จก็เป็นเพียงแค่เด็กชายคนหนึ่งที่ชอบร้องเพลงคันทรี่ โดยเฉพาะเพลง"Walking the Floor Over You” ของเออร์เนสท์และเล่นซ่อนแอบในเตียงสองชั้น
มีอยู่ครั้งนึงที่จอร์จบอกกับฮันเตอร์ว่า “จอห์นนี่ เมื่อไหร่ที่เขาช็อตฉันด้วยไฟฟ้า ฉันจะกลับมาหลอกนาย” ฮันเตอร์ตอบกลับไปว่าอย่าพูดแบบนั้นสิ
จอร์จขอให้ฮันเตอร์เขียนจดหมายไปหานักสอนศาสนาในฟลอริด้าที่มีชื่อว่าS.P.Rewell ผู้ซึ่งเคยช่วยพี่ชายของเขาตอนที่มีปัญหา ฮันเตอร์ก็ทำตามที่จอร์จขอ
“จอห์นนี่ ทำไมเขาต้องฆ่าผมเพื่อลงโทษในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำด้วยล่ะ? ทำไม?”
ฮันเตอร์ตอบจอร์จไม่ได้
เสียงของกุญแจดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก เสียงเดินหนักๆค่อยๆตรงมาทางเขา จอร์จเงียบลง นี่คือวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว จอร์จจับมือฮันเตอร์เอาไว้ และฮันเตอร์ก็สวมกอดเด็กหนุ่มก่อนที่จอร์จจะกระซิบว่า “ลาก่อน”
ในเวลา 7นาฬิกา 30นาที ในวันที่ 16 มิถุนายน 1944 ผู้ต้องหาหมายเลข260 ถูกพาตัวไปยังห้องประหารพร้อมกับไบเบิลในมือของเขา
จอร์จ สตินนี่ จูเนียร์ตัวเล็กมาก แค่95ปอนด์เท่านั้น ทำให้การนั่งเก้าอี้ลำบากเล็กน้อย มีผู้ชมอยู่ในห้องเป็นพยานราวๆ50คน รวมไปถึงพ่อของสองเด็กสาวที่ถูกฆาตกรรม รวมไปถึงชายผิวขาวอีกคนที่มีข่าวลือออกมาภายหลังว่าน่าจะเป็นฆาตกรด้วย เมื่อเวลามาถึง ทุกคนอยู่ในความเงียบสงบ จอร์จถูกถามว่ามีอะไรอยากจะพูดเป็นคำสุดท้ายไหม
“ไม่ครับ” จอร์จตอบ
“ไม่อยากจะพูดถึงสิ่งที่เธอทำหน่อยเหรอ?” หมอประจำคุกถาม
“ไม่ครับ” จอร์จตอบ
และหลังจากนั้นเพชรฆาตก็ลงมือกดสวิตช์ ให้ไฟ2,400โวลต์ไหลผ่านเก้าอี้ไฟฟ้า หน้ากากที่ให้นักโทษสวมใส่ได้หลุดออกมาจากใบหน้าของจอร์จ เผยให้เห็นดวงตาที่เบิกโพลง น้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม และมีน้ำลายฟูมเต็มปาก กระแสไฟฟ้าอีก1,400โวลต์ถูกตามไป และปิดท้ายด้วยอีก500โวลต์จึงเป็นอันสิ้นสุด ห้องประหารตอนนี้มีกลิ่นที่ราวกับเนื้อไหม้ สามนาที45วินาทีต่อมาก็มีการเคลื่อนย้ายร่างของจอร์จออกไป หลังจากนั้นผู้ที่เข้ามาดูก็เดินทางกลับบ้าน หลายคนสั่นกลัวกับสิ่งที่ตนเพิ่งเป็นพยานไป ลอยด์ แบทสัน บาทหลวงผิวขาวที่มาดูก็เดินกลับไปพร้อมกับคนอื่นๆ เขามาที่นี่เพราะพ่อของจอร์จขอเอาไว้ เขาได้สัญญาเอาไว้ว่าจะมองเข้าไปในดวงตาของจอร์จก่อนที่เขาจะสิ้นใจเพื่อให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้รับรู้ว่ามีคนที่รักเขากำลังดูเขาอยู่
ภาพของจอร์จขณะที่ถูกคุมขัง และภาพหน้าตาของเก้าอี้ไฟฟ้า
และคดีนี้ก็ได้ปิดตัวลงจนกระทั่งในอีก70ปีต่อมา หลังจากที่ครอบครัวที่ยังอยู่ของจอร์จ(รวมไปถึงไอเม่) ได้ร้องขอความเป็นทำให้กับพี่ที่พวกเขารัก จนในที่สุดผู้พิพากษาในSouth Carolina ก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่า “จอร์จ สตินนี่ เป็นผู้บริสุทธิ์
ขอให้ดวงวิญญาณของเด็กทั้งสามได้ไปสู่สุขตินะคะ;;-;;
ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก washingtonpost , postandcourier และ snopes
และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพจากหลากหลายแหล่งที่ได้เก็บภาพถ่ายเก่าแก่เกือบร้อยปีนี้เอาไว้และนำมาเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้เห็นค่ะ
โฆษณา