Ai Uta: Yakusoku no Nakuhito (2019)
Director: Yasuhiro Kawamura
“สักวันคนเราก็ต้องตาย” แต่ก่อนตายได้ทำสิ่งที่อยากทำแล้วหรือยัง โทรุ โนมิยะ (Ryûsei Yokohama) หนุ่มพนักงานออฟฟิศผู้ไม่สนโลก เขาเพิ่งเริ่มทำงานหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน ก็ได้รับข่าวร้ายหลังจากได้ซองจากบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ซึ่งหากเป็นซองขาวเขาคงจะดีใจมากกว่านี้ แต่มันคือซองผลการตรวจร่างกายที่บอกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับโรคร้าย หลังจาก โทรุ ไปตรวจที่โรงพยาบาลโดยละเอียดก็เหมือนถูกฟ้าฝ่าซ้ำลงมาที่เดิมอีกครั้ง เมื่อหมอบอกว่าเขามีเวลาเหลืออีกเพียงแค่ประมาณ 3 เดือนเท่านั้น
โทรุ เก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากที่บ้าน เพราะไม่อยากให้แม่ต้องเผชิญกับเรื่องเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สอง เขารักษาตัวด้วยเคมีบำบัดตามคำแนะนำของหมอ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย จนทำให้ในคืนหนึ่งเจ้าตัวตัดสินใจขึ้นไปบนดาดฟ้าหวังจะกระโดดลงมา แต่ยังไม่ทันจะตัดสินใจกระโดดก็มีคนมาห้ามเขาไว้ได้ก่อน ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เท็ตสึยะ ซาคาโมโตะ (Hiroki Iijima) เพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
ระหว่างกำลังเดินก้มหน้าก้มตากลับที่พัก โทรุ ก็บังเอิญไปเห็นหนังสือกลอนเล่มหนึ่งหล่นบนทางเท้าเขาจึงหยิบมาเปิดอ่านดู ซึ่งเนื้อหาภายในของหนังสือเล่มนั้นมันทำให้เขากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ขณะที่ โทรุ กำลังซึ้งกับเนื้อหาภายในหนังสือ ฮิโรโนะ อาอิคาวะ (Riko Narumi) เจ้าของหนังสือตัวจริงก็ย้อนกลับมาเจอเข้าพอดี หลังจาก โทรุ ได้พบกับ ฮิโรโนะ แล้ว เขาจึงพยายามทำตามคำแนะนำของ เท็ตสึยะ ที่เชียร์ให้เขาลองมีความรักสักครั้งก่อนจะจากโลกใบนี้ไป แต่ในบางครั้งคนที่เป็นพรหมลิขิตตัวจริงอาจจะถูกซ่อนไว้ในบางสิ่งก็ได้
หนังที่สร้างจากเพลง "Ai Uta" ของวงร็อกอย่าง GReeeeN. ใจความของหนังบอกถึงความสำคัญช่วงเวลาที่ยังมีลมหายใจ “เมื่อสักวันคนเราก็ต้องตาย” แล้วขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะได้ทำในสิ่งที่อยากทำหมดหรือยัง ได้ลองมีความรักได้อกหักหรือยัง โทรุ โนมิยะ หนุ่มที่ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยตั้งคำถามกับเรื่องเหล่านี้มาก่อน เขาเพียงแค่ใช้ชีวิตให้ผ่านไปขนาดอายุล่วงเลยเข้าวัยทำงาน โทรุ ก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องความรักมาก่อน จนได้เจอกับ เท็ตสึยะ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่หลังจากรู้เรื่องราวของ โทรุ แล้ว เขาก็จัดการตั้งเวลานับถอยหลังให้ โทรุ ไว้ 90 วัน เพื่อให้เพื่อนเก่าคนนี้ที่เหลือเวลาไม่มาก พยายามทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างการมีความรักและออกเดท เพียงแต่ โทรุกับฮิโรโนะ ที่หนังสือกลอนเป็นสิ่งเชื่อมโยงให้ได้มาพบกัน นั้นไม่ใช่พรหมลิขิตของกันและกัน แต่หนังสือกลอนเล่มนั้นได้ซ่อนคนที่เป็นพรหมลิขิตเอาไว้ต่างหาก
ส่วนตัวผมมองว่าหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลงเรื่องนี้ แม้จะหยิบเอาเรื่องราวซ้ำเดิมเกี่ยวกับคุณค่าของเวลาชีวิตที่เหลือมาใช้ ยังนำเสนอในประเด็นที่ต้องการสื่อออกมาได้ดี แต่ด้วยความที่หนังหยิบจับประเด็นและโฟกัสตัวละครหลายคนไปหน่อย ทำให้เวลาเล่าออกมาแม้ผู้ชมอย่างเราจะเข้าใจสิ่งที่หนังพยายามสื่อได้ แต่ถามว่าอารมณ์ของคนดูมันไปสุดไหมเมื่อถึงฉากดราม่า มันก็ไปไม่ถึงเมื่อประสบการณ์ร่วมระหว่างตัวละครมันน้อยเกินไป
เมื่อหนังใช้เวลาปูความสัมพันธ์ระหว่าง โทรุกับฮิโรโนะ ในเวลาถึง 30 กว่านาที เพียงเพื่อเชื่อมโยง โทรุ เข้ากับหนังสือกลอนเล่มนั้น แล้วนำเรื่องราวของ ฮิโรโนะ ไปขยายต่อในส่วนของเธอเอง กว่าที่ โทรุ จะได้พบกับคนที่ถูกซ่อนไว้ในหนังสือ แล้วสร้างประสบการณ์ร่วมกันเวลามันก็เลยยิ่งน้อยลงไปอีก ทั้งที่จริงแล้วฉากดราม่าทำออกมาพอใช้ได้ ดนตรีประกอบก็บิ้วอารมณ์ได้จริง แต่อารมณ์คนดูมันก็ไปไม่สุดเพราะยังเชื่อได้ไม่มากพอ แต่จะบอกว่าเรื่องราวส่วนของ ฮิโรโนะ ไม่สำคัญก็คงไม่ใช่ เพราะหากไม่กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ก็คงส่งสารได้แค่เพียงคนที่กำลังจะจากไปเท่านั้น เรื่องราวของ ฮิโรโนะ มันเป็นการเน้นย้ำว่า ไม่ต้องรอให้เวลาชีวิตเหลือน้อยถึงค่อยทำ แต่สามารถทำได้ในทุกช่วงขณะที่ยังมีลมหายใจ
ในเรื่องนี้จะว่าไปประเด็นในหนังก็คล้าย ๆ หนังอย่าง Let Me Eat Your Pancreas (2017) ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ หรือ You Shine in the Moonlit Night (2019) ที่บอกบอกเล่าเรื่องราวของคนที่กำลังจะจากไป พยายามผลักดันให้คนที่ยังอยู่ก้าวไปข้างหน้าได้ เพียงแต่ Ai Uta: Yakusoku no Nakuhito เรื่องนี้เหมือนเป็นการสื่อสารกับผู้ชมโดยตรง มากกว่าสื่อสารผ่านตัวละครเอกเหมือนทั้งสองเรื่องที่ผมกล่าวถึง เมื่อบอกว่า…เมื่อยังมีเวลาก็ให้ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะเมื่อเวลาเหลือน้อยไม่มีกำลังมากพอจะทำ บางครั้งแค่สิ่งพื้นฐานง่าย ๆ ที่สามารถสร้างความสุขได้ อย่างการมองดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า มันก็ยังทำได้ยากเลยเมื่อเวลานั้นใกล้เข้ามาถึงจริง ๆ
สรุปแล้ว Ai Uta: Yakusoku no Nakuhito (2019) เอาจริงหากดูแบบไม่ต้องใส่ใจรายละเอียดบางอย่างที่เบาบาง หนังเรื่องนี้เองก็ยังพอตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ของความบันเทิงและเนื้อหาสาระ แล้วอาจจะเรียกว่าเป็นหนังต้อนรับ ริวเซย์ โยโกฮามะ เข้ามาในวงการพระเอกหนังรักนางเอกตายอีกหนึ่งคน ส่วนตัวผมที่แรกเห็นคะแนนใน Imdb ได้แค่ 4.4/10 ก็เลยไม่ได้คาดหวังไว้มาก แต่พอได้ดูจริง ๆ แล้วหนังก็ไม่ได้แย่เลยครับ