19 มิ.ย. 2020 เวลา 10:20
#BenNote Designing Your Life
Mr. Bill Burnett
Re-posted from 14 Aug. 2019
ได้มีโอกาสไปฟังบรรยายของคุณ Bill Burnett หนึ่งในผู้เขียนหนังสือ Designing Your Life ตัวเป็นๆ เมื่อปีที่แล้ว เอามาแปะรวมไว้ใน BenNote ค่ะ
อันนี้ตามความเข้าใจของเจ้าเบ็น ที่ภาษาปะกิดอาจจะพร่องแพร่งมั่งนะฮะ ตรงมั่ง มั่วมั่งเท่าที่จะมีปัญญา ถ้าผิดพลาดอะไรก็ทักมาบอกกันได้นะฮ้าฟฟฟฟ
คำแปลก็แปลแล้วบวกด้วยความเข้าใจของข้าพเจ้าเองด้วยนะฮะ โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม
1.
Reframe your mindset ... from the starting point. Ask yourself what you want to grow into as your design unfolds not “what you want to be when you grow up” ... อย่าถามว่าอยากเป็นอะไร จงถามตัวเองว่า “จะเป็นอะไร” ... เราเห็นอะไรในชีวิตที่เราออกแบบได้เอง
2.
Where should we start from? Passion? That’s a dysfunctional belief. Passion is not a starting point. It’s an end point. You find it after hard work for long long time. เราควรจะเริ่มต้นออกแบบชีวิตของเราจากตรงไหน? แพชชั่น? ไม่จริงเสมอไป บางครั้งบางคน หลายๆ คนเจอแพชชั่น หรือรู้ว่าตัวเองชอบอะไรหลังจากทำงานอย่างหนัก แพชชั่นไม่ใช่จุดเริ่มต้น (เสมอไป) บางทีมันมันก็รออยู่ที่ปลายทาง
3.
Success = Happy ใช่ไหม ถ้าใช่แค่มีชื่อเสียง มีเงินทุกคนก็น่าจะ happy ... นั่นเป็นอีกหนึ่ง dysfunctional belief จากการวิจัยโดยติดตามชีวิตคนกลุ่มนึงตั้งแต่เด็กเป็นเวลาหลายสิบปี คนที่มีชีวิตยืนยาวกว่า สุขภาพดีกว่า คือคนที่มี strong relationship กับผู้คนรอบข้าง คนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ... success = meaningful life with strong relationship ... So, work hard on love not money.
4.
You should know by NOW where you’re going or it will be too late .... true? ไม่จริงหรอก เรามีเวลาทั้งชีวิตแหละ ไม่ต้องรีบรู้เป้าหมายก็ได้ ไม่มีอะไรสาย ชีวิตก็เหมือน design thinking process ออกแบบเส้นทาง ... ลอง ... ได้ feedback (จากตัวเองนี่แหละ) ก็จะรู้ว่าชอบไม่ชอบ ชอบก็เจอ passion ไม่ชอบก็รู้ว่าไม่ใช่ หาเรื่องมาออกแบบใหม่ ลองใหม่ ... วนๆ ไป 🙂 ... สักวันเราก็จะเจอหรือได้เป็น unicorn อ่ะแหละ (ประโยคนี้ Bill ไม่ได้พูด Ben พูด 555)
5.
มีเรื่องที่ฉุดรั้งเราจากความเชื่อที่ไม่ function มากมาย จะออกแบบชีวิตได้ เราต้องคิดให้ต่าง ต้อง reframe และ The secret sauce ของเรื่องนี้ก็คือ Design Thinking
6.
มีกระบวนการคิดหลายแบบ แต่ละแบบก็มีวิธีการก้าวไปข้างหน้าต่างกัน อาทิ Business Thinking: optimize you way forward (need data for decision making)
Scientific Thinking: analyzes your way forward (explore for more data by hypothesis)
จาก fact จาก data เราจะ “คิด” นวัตกรรม “สร้างสรรค์” สิ่งที่ไม่เคยมีได้อย่างไร ... design thinking คือคำตอบ ....
design thinking: build you way forward.
7.
You can’t solve the problem you don’t willing to have ถ้าไม่ยอมรับว่ามีปัญหาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ในกระบวนการ design thinking จริงๆ แล้วจึงไม่ได้มีแค่ 5 ขั้น แต่ต้องเพิ่มขั้นแรกคือ “Accept” เข้าไปด้วย ...
Thus, the process is; accept > empathize > define > ideate > prototype > test
และต้องอย่าลืมว่ากระบวนการเป็นวงกลมหลายๆ วงซ้อนกัน ไม่มีวันจบ เมื่อ test ได้ feedback มาแล้วคุณต้องกลับไปยังขั้นตอนที่จะแก้ให้ งานหรือชีวิต ของคุณดีขึ้นๆๆๆ
8.
Design thinking is a culture of mindsets. ที่มีจุดเริ่มต้นหรือหัวใจอยู่ที่ curiosity (ตั้งคำถาม) + reframing (เปลี่ยนกรอบ) + radical collaboration (ร่วมมือ) + mindful of process (คิดรอบ) + bias toward action (เน้นลงมือทำ)
Four Ideas to energize your life
*Set the bar low, clear it, repeat.
*build your creative confident
= keep yourself motivated with small successes
ไม่ว่าเป้าจะใหญ่หรือไกลแค่ไหน
คุณก็ต้องผ่านก้าวเล็กๆ
จะขับรถไปเชียงใหม่ก็ต้องผ่านอยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี
ทุกความสำเร็จใหญ่ๆ ประกอบด้วยความสำเร็จเล็กๆ
อย่าเริ่มด้วยเป้าใหญ่ ยาก ...
หมายให้ไกลแต่ไปทีละก้าว
#Idea 1 (Work and Life View)
Connect for meaning ...
3 dots of your life;
- what you belief (life view)
- what you do (work view)
- who you are
connect and align all these dots will increase meaning-making
เขียน life view และ work view ออกมา สองสิ่งนี้เป็น life compass มันควรอยู่ใกล้กันให้มากที่สุด ... สิ่งที่คุณเชื่อไม่ควรสวนทางกับสิ่งที่คุณทำ
Good Work & Life view = coherent life
#idea 2 (Three Odyssey Plans)
You’ve more than 1 life
Time to ideate alternative futures
เขียน 3 version of me in the next 5 years
- ชีวิตที่ 1 ... ชีวิตที่ชอบที่ชอบ
- ชีวิตที่ 2 ... ถ้าอีชีวิตที่ 1 ตายไป ทำไม่ได้ จะทำอะไร
- ชีวิตที่ 3 ... ชีวิตแหกแหก แหวกแหวกที่สุดที่หล่อนจะทำได้สิ เป็นงัย
ไม่ใช่เขียนเรียงฟามนะ วาดค่ะ วาดเป็น timeline 5 ปีในแต่ละปีใส่เรื่องใหญ่ๆ ที่คิดว่าจะทำให้สำเร็จ 1-3 อย่าง บั่บว่า milestone ของเรารัยงี้ วาดเป็นกราฟฟิคก็ดีนะ มันจะได้วิช่วลอิมแพ็คเง้
ใส่ dash board แบบว่าเป็นเกจ์วัดด้วยว่าอีแผนนี้เรารู้สึกยังงัยกะมัน ดีแค่ไหน สนุกแค่ไหน เป็นไปได้แค่ไหน มีตังค์ทำไหม
และตั้งชื่อให้ชีวิตตั่งต่างด้วย ห้ามยาวเกิน 6 คำนะ อาทิ
“Using what I know helping kids”
ผลจากการทำ idea 2 นี่นะยูววว ... ยูวเก๊าะจะได้ทางเลือกมั่กมายๆๆๆ แล้วหยั่มมาบอกว่าหล่อนไม่มีทางเลือก นะ...อะเครนะ
#idea 3 (Prototype)
ได้ไอเดียชีวิตมามากมายแล้วทำงัยต่อ Choose and Jump in? ไม่สิ ม่ายยย เราเรียน design thinking มาแล้ว ขั้นต่อจาก ideate ต้องทำ prototype สิยะ ... dip your toe first, don’t rush and dive.
แล้วเราจะทำ prototype ชีวิตหยั่งรัยวะ ไม่ต้องไป cloning ตัวเองกันนะทุกคน เรามีทางลัดที่ดีกว่านั้น ไม่ต้องเล่นเอง เจ็บเอง
life design prototypes
- prototype conversation คุยกะคนที่เคยทำไอ้ที่เราอยากจะทำ
- Prototype experience ลองเริ่มทำอะไรเล็กๆ ก่อนเช่นอยากเขียนหนังสือ ก็เริ่มจากไปเรียน เขียนอะไรสั้นๆ ให้เพื่อนฟีดแบค อะไรก็ว่าไป
ทำแล้วก็เท่ากะว่าเราจะได้ sneaking up on your future นะงับ
#Idea 4 Balance
ไอ้เรื่องนี้ก็มี Dysfunctional belief อีกเช่นกัน มันไม่มี Work life balance นะ ... ถ้าเราแบ่งครึ่งยังงัยก็ยากที่จะ balance
คุณ Bill บอกว่าอย่าทำอะไรเป็น 2 ฝั่ง พอเป็น A/B สมองหรือธรรมชาติมนุษย์จะ sum Zero ... เราเลยดูเหมือนต้องเลือก ต้องแบ่งเท่าๆ รัยงี้ better model คือแบ่ง 4 ไปเลย
- health
- Work
- Play
- Love
ลองใส่ score (dash board) ดูว่าจาก zero - full แต่ละด้านของเรา ณ ปัจจุบันเราทำได้ดีแค่ไหน แล้วถ้าเปลี่ยนได้เราอยากให้มันเปลี่ยนไปอย่างไร ... จากนั้นคิดว่า Action เล็กๆ อะไรที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ ... คิดได้แล้วก็จงทำมันซะ เริ่มจากสัปดาห์ละชั่วโมง วันละ 5 นาทีอะไรก็ได้แต่ต้องทำสม่ำเสมอ อีก 2 วีคมาดูว่า dashboard เราเปลี่ยนไปไหม
เอา 4 idea นี้ไปทำนะ และชีวิตจะมี positive impact มากขึ้น
จงเป็นมนุษย์ให้มากขึ้น
Let’s make your life meaningful
Q&A
1.
“Full” in dashboard คืออะไร
>> คือ what exactly you want... amount you think it enough.
2.
If love is low, what small things can we do?
> > ปิดมือถือ หันมาคุยกับคนข้างๆ
3.
As an adult I don’t know how to play, how do I start?
>> imagine yourself as you are at your 5-year-old or find a kid. Play with them, they will teach you how
4.
Which Odyssey should we pick?
>> ขั้นตอนต่อจากการ ideate ไม่ใช่การเลือก แต่เป็นการทำ prototype และเก็บ feedback ไม่ต้องเลือกทั้งแพลน ดูว่าอะไรจากแพลนไหนที่เราชอบ อยากลองทำก็เอามาทำ ยิ่งทำคุณก็จะยิ่งรู้ว่าอะไรที่คุณมี more curiosity ละ wanna play more
#benji_is_learning
#benji_is_drawing
#bp_ben
โฆษณา