Reframe your mindset ... from the starting point. Ask yourself what you want to grow into as your design unfolds not “what you want to be when you grow up” ... อย่าถามว่าอยากเป็นอะไร จงถามตัวเองว่า “จะเป็นอะไร” ... เราเห็นอะไรในชีวิตที่เราออกแบบได้เอง
2.
Where should we start from? Passion? That’s a dysfunctional belief. Passion is not a starting point. It’s an end point. You find it after hard work for long long time. เราควรจะเริ่มต้นออกแบบชีวิตของเราจากตรงไหน? แพชชั่น? ไม่จริงเสมอไป บางครั้งบางคน หลายๆ คนเจอแพชชั่น หรือรู้ว่าตัวเองชอบอะไรหลังจากทำงานอย่างหนัก แพชชั่นไม่ใช่จุดเริ่มต้น (เสมอไป) บางทีมันมันก็รออยู่ที่ปลายทาง
3.
Success = Happy ใช่ไหม ถ้าใช่แค่มีชื่อเสียง มีเงินทุกคนก็น่าจะ happy ... นั่นเป็นอีกหนึ่ง dysfunctional belief จากการวิจัยโดยติดตามชีวิตคนกลุ่มนึงตั้งแต่เด็กเป็นเวลาหลายสิบปี คนที่มีชีวิตยืนยาวกว่า สุขภาพดีกว่า คือคนที่มี strong relationship กับผู้คนรอบข้าง คนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ... success = meaningful life with strong relationship ... So, work hard on love not money.
4.
You should know by NOW where you’re going or it will be too late .... true? ไม่จริงหรอก เรามีเวลาทั้งชีวิตแหละ ไม่ต้องรีบรู้เป้าหมายก็ได้ ไม่มีอะไรสาย ชีวิตก็เหมือน design thinking process ออกแบบเส้นทาง ... ลอง ... ได้ feedback (จากตัวเองนี่แหละ) ก็จะรู้ว่าชอบไม่ชอบ ชอบก็เจอ passion ไม่ชอบก็รู้ว่าไม่ใช่ หาเรื่องมาออกแบบใหม่ ลองใหม่ ... วนๆ ไป 🙂 ... สักวันเราก็จะเจอหรือได้เป็น unicorn อ่ะแหละ (ประโยคนี้ Bill ไม่ได้พูด Ben พูด 555)
5.
มีเรื่องที่ฉุดรั้งเราจากความเชื่อที่ไม่ function มากมาย จะออกแบบชีวิตได้ เราต้องคิดให้ต่าง ต้อง reframe และ The secret sauce ของเรื่องนี้ก็คือ Design Thinking
6.
มีกระบวนการคิดหลายแบบ แต่ละแบบก็มีวิธีการก้าวไปข้างหน้าต่างกัน อาทิ Business Thinking: optimize you way forward (need data for decision making)
Scientific Thinking: analyzes your way forward (explore for more data by hypothesis)
You can’t solve the problem you don’t willing to have ถ้าไม่ยอมรับว่ามีปัญหาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ในกระบวนการ design thinking จริงๆ แล้วจึงไม่ได้มีแค่ 5 ขั้น แต่ต้องเพิ่มขั้นแรกคือ “Accept” เข้าไปด้วย ...
Thus, the process is; accept > empathize > define > ideate > prototype > test
และต้องอย่าลืมว่ากระบวนการเป็นวงกลมหลายๆ วงซ้อนกัน ไม่มีวันจบ เมื่อ test ได้ feedback มาแล้วคุณต้องกลับไปยังขั้นตอนที่จะแก้ให้ งานหรือชีวิต ของคุณดีขึ้นๆๆๆ
8.
Design thinking is a culture of mindsets. ที่มีจุดเริ่มต้นหรือหัวใจอยู่ที่ curiosity (ตั้งคำถาม) + reframing (เปลี่ยนกรอบ) + radical collaboration (ร่วมมือ) + mindful of process (คิดรอบ) + bias toward action (เน้นลงมือทำ)
ทำแล้วก็เท่ากะว่าเราจะได้ sneaking up on your future นะงับ
#Idea 4 Balance
ไอ้เรื่องนี้ก็มี Dysfunctional belief อีกเช่นกัน มันไม่มี Work life balance นะ ... ถ้าเราแบ่งครึ่งยังงัยก็ยากที่จะ balance
คุณ Bill บอกว่าอย่าทำอะไรเป็น 2 ฝั่ง พอเป็น A/B สมองหรือธรรมชาติมนุษย์จะ sum Zero ... เราเลยดูเหมือนต้องเลือก ต้องแบ่งเท่าๆ รัยงี้ better model คือแบ่ง 4 ไปเลย