20 มิ.ย. 2020 เวลา 03:36 • ธุรกิจ
จับแนวคิด “มี่” ทิวา ชินธาดาพงศ์
กับเทคนิคการเฟ้นหาหุ้นถูกตามวิถีของเซียน VI รุ่นกลาง
สำหรับช่วงนี้ “ตลาดหุ้นไทย” หรือ SET นั้นก็ดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนหน้าใหม่กันอยู่ไม่น้อย ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าในช่วงที่ตลาดเกิดวิกฤติขึ้นมาเช่นนี้
เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มันจะมี “โอกาส” ซ่อนอยู่เสมอๆสำหรับคนที่มองเห็น แต่แน่นอนว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะต้องเจอก็คือ “วิกฤติ”
แต่เราเชื่ออยู่เสมอว่า นักลงทุนที่มีความขยัน มีวินัย จะเป็นผู้ที่เข้าใกล้ความสำเร็จมากกว่าใครๆเสมอ และคุณมี่ “ทิวาชินธาดาพงศ์” ก็เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหล่านั้น จึงทำให้เขาจัดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของนักลงทุนทุกๆท่าน
และในวันนี้เราเลยมี “แนวคิด” ดีๆจากคุณมี่ นักลงทุน VI ชื่อดังคนหนึ่งของประเทศไทยที่ครั้งหนึ่งเคยมีอาชีพเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาก่อน แต่ด้วยความขยัน อดทน และไม่เคยเบื่อในสิ่งที่เขาทำอยู่เสมอก็ได้ทำให้ทรัพย์สินระดับ“ร้อยล้าน” เกิดขึ้นได้ด้วยมือ
1
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวเราไปดูกันเลยดีกว่าว่า “เซียนมี่” จะมีอะไรดีๆมาฝากเรากันบ้าง
ซึ่งก่อนอื่นก็ต้องขอบอกกันก่อนว่า การที่ตลาดหุ้นขึ้นมาในรอบนี้ก็ไม่ได้ผิดจากมุมมองของเขาในตอนแรกสักเท่าไหร่นัก เพราะนโยบายการเงิน นโยบายการคลังจากทั่วๆโลกนั้นถูกปล่อยกันออกมาอย่างมากมาย อีกทั้งการปรับลดดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในรอบประวัติศาสตร์ไทยจนเหลือ 0.5%
จึงไม่แปลกที่ตลาดจะเกิดการดีดตัวกลับขึ้นมารุนแรงและจะมีคนตกรถไปบ้าง แต่ในช่วงนี้ก็ต้องถือว่าใกล้ฤดูกาลประกาศงบของไตรมาส 2 กันเต็มทีแล้ว ดังนั้นตลาดในช่วงนี้จึงมีแนวโน้มเป็นการ Sideway หรือขึ้นๆลงๆกันไปอีกสักพักจนกว่าตัวเลขจริงๆจะออกมา
โดยที่ไอเดียของ คุณมี่ สำหรับการเลือกหาหุ้นในแนวทาง VI ก็ยังคงมีคอนเซปอยู่เช่นเดิม นั่นคือการ “หาหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง” แต่ก่อนที่จะรู้แบบนั้นได้เราก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจธุรกิจกันให้ดีก่อนใช่ไหมล่ะครับ ? ซึ่งขั้นตอนในการมองหุ้นของเขาก็คือ
ดูไปที่อุตสาหกรรม (Sector) ของหุ้นตัวนั้น
สำหรับยุคสมัยนี้ก็คงจะต้องเป็นการโฟกัสไปที่การ Disrupt จากเทคโนโลยีต่างๆ ว่าอุตสาหกรรมไหนจะอยู่รอดอุตสาหกรรมไหนพอจะปรับตัวแล้วเติบโตไปได้
1
ดูไปที่ตำแหน่งทางการแข่งขัน
วิเคราะห์ให้ดีกว่าหุ้นตัวที่เราดูอยู่นั้น มีความสามารถทางการแข่งขันหรือจุดเด่นข้อไหนที่จะทำให้หุ้นตัวนั้นแตกต่างจากตัวอื่นๆในกลุ่ม รวมไปถึงการหา “ตัวชี้วัด” ในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมนั้นๆไปด้วย
ดูไปที่ผู้บริหาร
สิ่งที่เขาจะมองหลักๆเลยคือความซื่อสัตย์ของผู้บริหาร ต่อมาก็จะเป็นความสามารถและความรู้ในธุรกิจที่ตัวเองบริหารและสุดท้ายคือความสามารถในการ “ปรับตัว” ซึ่งถ้าผู้บริหารมีอายุน้อยกว่า 45 ปีก็จะยิ่งน่าสนใจ
1
และในช่วงกลางๆเดือนมีนาคมที่ตลาดเกิดการ Panic จนราคาหุ้นร่วงลงมาแรงๆนั้น เขาก็ยอมรับว่าเขาได้ทำการซื้อหุ้นไปแล้วบ้างบางส่วนในตอนที่ทุกคนตกใจกลัว ซึ่งธุรกิจแรกที่เขาสนใจตั้งแต่มีข่าวโควิดมาก็คือธุรกิจแพคเกจจิ้งเนื่องจากคุณมี่คาดเดาเทรนด์ในอนาคตว่าผู้คนจะต้องหันมาตุนของ ใช้ของ และสั่งของกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่หลายๆคนต้องอยู่บ้านเพื่อ Work from home
1
กลุ่มต่อมาที่เขาเลือกดูคือธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากโรงพยาบาลก็เรียกได้ว่าเกือบจะเข้ามาเป็นปัจจัยที่ 4 ในชีวิตคนเรากันไปแล้วซึ่งการที่คนกลัว ไม่กล้าเข้าโรงพยาบาลในปีนี้ก็น่าจะเป็นผลกระทบ “ระยะสั้น” และธุรกิจกลุ่มเครื่องดื่มของไทยที่มีเด่นคือราคาที่ต่ำ อีกทั้งไม่ว่าสถานะการณ์ไหนผู้คนก็ยังต้องดื่มเครื่องดื่มกันอยู่ดีนั่นเอง
กลุ่มสุดท้ายเป็นธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คุณมี่มองว่าเป็นกลุ่มที่มี Fixed cost ต่ำและสามารถลดราคาขายได้แบบไม่ทำให้ขาดทุนได้สูงสุดถึงราวๆ 50% กันเลยทีเดียวครับ
วนกลับมาที่มุมมองในการลงทุนของคุณมี่กันบ้าง ซึ่งเขาก็ได้ฝากแนวคิดที่น่าสนใจไว้อย่างหนึ่งก็คือเรื่องของการ“ค้นหาข้อมูล” ที่นักลงทุนทุกคนควรลงมือทำด้วยตนเอง เพราะหุ้นที่ราคาจะขึ้นนั้นก็คือหุ้นที่ทำผลงานได้ดีกว่าที่ตลาดคาด หรือเรียกง่ายๆว่าหุ้นที่เซอไพรซ์ตลาด ดังนั้นหน้าที่ของเราจึงเป็นการติดตามหุ้นที่เราเลือกลงทุนหรือสนใจอย่างใกล้ชิด
1
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคุณมี่เป็นคนชอบบ้าน พอยกตัวอย่างการติดตามหุ้นกลุ่มอสังหาของเขามาแล้วก็อาจจะทำให้นักลงทุนหน้าใหม่นั้นแปลกใจ เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่เอาจริงเอาจังมาก อย่างยอดการ Presale เดือนต่อเดือนเขาก็จะเป็นคนโทรไปถาม IR บริษัทด้วยตัวเองเลย รวมไปถึงการเดินเข้าไปดูบ้านที่โครงการด้วยตัวเขาเองซะเลย เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนชอบบ้าน
แต่เท่านี้ยังไม่จบ เพราะนอกจากจะหาข้อมูลอย่างละเอียดด้วยตัวเองแล้ว คุณมี่ยังเป็นนักลงทุนที่ติดตามฟัง Oppday มาตลอดเวลาในจำนวนที่ไม่ต่ำกว่า “50 บริษัท” ในทุกๆไตรมาสอีกด้วย ถึงแม้ว่าตัวเองจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ตาม
1
และถ้าหากใครได้ติดตาม SET อย่างใกล้ชิดแล้วก็จะพบว่า P/E ของตลาดในตอนนี้ได้ดีดตัวขึ้นมาเล่นกันในระดับที่สูงถึง 19-20 เท่า โดยที่วิธีหาว่าราคาหุ้นถูกแพงของคุณมี่อย่างง่ายๆในช่วงนี้ก็คือ หาหุ้นที่ “กำไรไม่ลด” แต่มี P/E อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า SET และถ้าจะให้ดีคือต่ำกว่าสักครึ่งนึงก็จะยิ่งถูกลงไปอีก
1
แต่ในส่วนของหุ้นที่มีสภาพคล่องหรือวอลุ่มการซื้อขายที่ต่ำ คุณมี่จะให้เวลาหุ้นตัวนั้นสัก 1 ปีเพื่อรอให้ตลาดเห็นเหมือนที่เขาเห็น แต่ถ้าเวลาผ่านไปแล้วราคายังไม่ขึ้น เขาจึงจะกลับไปทำการบ้านใหม่อีกทีว่าเขามองหุ้นตัวนั้นผิดหรือถูก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเทคนิคการเฟ้นหาหุ้นถูกสไตล์คุณมี่ “ทิวา ชินธาดาพงศ์” และสุดท้ายนี้ คุณมี่ ก็ยังได้แนะนำกับนักลงทุนทุกๆท่านอีกด้วยว่า
3
ตลาดหุ้นคือที่ที่ทำให้ “สติ” เราหายไปได้ตลอดเวลา พยายามรักษาสติและวิเคราะห์ให้ดี เพราะสิ่งที่ยากที่สุดในตลาดหุ้นก็คือการ “ต่อสู้กับตัวเอง”
หวังว่าเพื่อนๆสมาชิกเพจ หุ้นพอร์ตระเบิด ของเราทุกคนก็จะสามารถนำหลักการ แนวคิด และไอเดียของเซียนมี่กันไปปรับใช้ในการลงทุนของตัวเองกันได้ สำหรับในวันนี้เราก็คงจะตัองขอตัวลากันไปก่อน
สวัสดีครับ...
ติดตามบทความดีๆของพวกเราได้ทาง WEBSITE
1
หรือ FACEBOOK เพจ หุ้นพอร์ทระเบิด
- - - -
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดพอร์ท หุ้น TFEX SBL BLOCKTRADE กับโบรคเกอร์ KTBST
ค่าธรรมเนียมเรทพิเศษ
พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
- ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ
- โปรแกรม EFIN//ASPEN
- โปรแกรม SUPPORT อื่นๆเช่น MT4//MODEL TRADE//KTBST SMART และอื่นอีกมากมาย
กรอกรายละเอียดได้เลย 👇
โฆษณา