แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า bacon & eggs นั้นเพิ่งมาเป็นอาหารเช้าของชาวอเมริกันเมื่อ100 ปีมานี่เอง ก่อนหน้านั้น คนอเมริกันก็กินอาหารเช้าเบา ๆ พวกผลไม้ ข้าวโอ๊ต หรือพวกขนมปัง กับกาแฟแก้วหนึ่งเท่านั้น ในปี 1920 บริษัท Beech-Nut Packing Company ต้องการที่จะเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์เบคอน จึงได้ไปหาเจ้าพ่อของวงการโฆษณาชื่อ Edward Bernays ให้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้
Bernays ก็ไปคุยกับนายแพทย์ประจำของบริษัทและถามคำถามว่า อาหารเช้าที่เป็นมื้อหนักขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันมากกว่าหรือไม่? นายแพทย์ผู้นั้นก็ตอบว่าใช่ อันเป็นการยืนยันความคิดของ Bernays แล้วก็ยังเขียนจดหมายไปถามเพื่อนที่เป็นแพทย์รวม 5,000 คนด้วยคำถามเดียวกัน ซึ่งก็ได้รับคำตอบเดียวกันว่าใช่ และด้วยผลการศึกษา(ที่ไม่เป็นทางการ)จากแพทย์ที่สนับสนุนให้คนอเมริกันกินอาหารเช้าที่หนักขึ้นซึ่งได้แก่ “ไข่และเบคอน” นี้ก็ได้ถูกเผยแพร่ด้วยการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำของยุคนั้น ทำให้ประชาชนชาวอเมริกันเกิดความตื่นตัวหันมากินไข่และเบคอนอาหารเช้ากันอย่างมากมาย และแน่นอนว่า ผลกำไรของบริษัท Beech-Nut ก็ต้องพุ่งสูงขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้ก็ต้องนับว่าเป็นผลงานของนาย Bernays และทีมแพทย์ของเขาที่ทำให้เกิดอาหารเช้าที่เป็นของชาวอเมริกันขึ้นมา
เพราะฉะนั้น ที่ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ชอบกินเบคอนที่ทอดปานกลางกับไข่ทอดจนสุกก็คงเป็นผลพวงที่เกิดมาจากการโฆษณาชวนเชื่อคราวนั้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก(WHO)ได้ออกประกาศเตือนเมื่อปี 2015 ว่า ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอกและหมูแฮม เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง การบริโภคอาหารเหล่านี้เพียง 50 กรัมต่อวันหรือเท่ากับเบคอน 2 ชิ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักถึง 18 เปอร์เซ็นต์ องค์การอนามัยโลกจึงจัดให้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปเหล่านี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง เช่นเดียวกับพลูโตเนียมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แต่คงจะจำกันได้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขู่ว่าจะตัดเงินสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกันต่อองค์การอนามัยโลกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าองค์การอนามัยโลกแก้ปัญหาเรื่องโรคไวรัส Covid-19 ไม่ได้เรื่องและเข้าข้างประเทศจีน ดังนั้น ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ก็อาจจะไม่สนใจต่อคำเตือนขององค์การอนามัยโลกในเรื่องของเบคอนด้วยก็ได้