20 มิ.ย. 2020 เวลา 14:17
อาหารโปรดของประธานาธิบดีทรัมป์ (2)
คงจะยังจำกันได้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้บอกถึงอาหารที่ตัวเองชื่นชอบไว้ว่า
“I love bacon and eggs. Usually I would have that … but oftentimes I skip breakfast. But usually my favorite would be bacon and eggs – bacon medium and the eggs over-well.”
ในตอนที่แล้วเราได้พูดถึงเรื่องของ “ไข่” ไปแล้ว ในคราวนี้เราจะมาพูดถึง “เบคอน”
ภาพจาก https://www.thegrocer.co.uk/
พูดถึงเบคอน ทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหมายถึง เป็นอาหารที่ทำมาจากเนื้อส่วนท้องของหมูสามชั้น เอามาหมักเกลือ น้ำตาล โซเดียมไนไตรต์(NaNO2) โซเดียมไนเตรต(NaNO3) และส่วนผสมอื่นๆ หลังจากหมักจนได้ที่แล้วก็จะเอาไปรมควัน ที่ขายอยู่ทุกวันนี้ก็จะหั่นเป็นริ้ว ๆ ก่อนจะกินก็เอาไปทอดน้ำมันหรือเนยเสียก่อน
พูดถึงเบคอนทอด แต่ละคนก็คงจะชอบต่างแบบกันไป บางคนก็อาจจะชอบแบบทอดพอสุก มีเนื้อมีหนังหน่อย แต่หลาย ๆ คนก็คงจะชอบแบบทอดให้แห้ง กินแล้วกรุบ ๆ กรอบ ๆ ดี สลัดหลายอย่างก็จะโรยหน้าด้วยเบคอนกรอบ ผมเคยเห็นมีผู้เอาเบคอนกรอบไปทำเป็นลาบด้วยก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกัน
อันว่าเบคอนนั้น ก็มีแบบอเมริกันและอังกฤษอีกเหมือนกับ breakfast นะครับ เบคอนแบบอังกฤษ จะเป็นชิ้นเนื้อบางและแผ่นใหญ่มีไขมันอยู่ตรงขอบ ใครยังนึกภาพไม่ออกก็ให้ย้อนกลับไปดูจาน English breakfast ของคราวที่แล้วก็จะเห็นเบคอนแบบอังกฤษวางอยู่
ส่วนเบคอนแบบอเมริกันนั้นเป็นแบบที่เราเห็นจนชินตาในซุปเปอร์มาร์เก็ตคือ จะหั่นเป็นชิ้นเล็กยาวเป็นริ้ว ๆ เวลาจะรับประทานก็นำมาทอดให้กรอบ
คนอังกฤษจะกินเบคอนแบบเป็นเนื้อชิ้นใหญ่หน่อยทำจากเนื้อส่วนหลังของหมูมีไขมันน้อยมีชื่อเรียกว่า Back bacon ถ้าข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาก็มี Canadian bacon ทำจากเนื้อส่วนที่ต่อลงมา ส่วนคนอเมริกันนั้นชอบกินเบคอนที่ทำจากเนื้อด้านข้างของหมูซึ่งมีไขมันมากกว่าหั่นเป็นเส้น ๆ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Streaky bacon
ภาพจาก https://www.nuttedoutnutrition.com.au
ในหนังสือชุด “บ้านเล็ก”(Little House) วรรณกรรมอมตะเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันในยุคบุกเบิก เขียนโดย Laura Ingalls Wilder แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณ “สุคนธรส” ในตอน “ริมทะเลทะเลสาปสีเงิน” (By The Shores Of Silver Lake) ได้พูดถึงของที่ทานกับอาหารเช้าชนิดหนึ่งเรียกว่า “หมูเค็มที่บางและกรอบ” ที่แรกผมก็นึกว่าเป็นเบคอน แต่พอไปดูต้นฉบับหนังสือฉบับภาษาอังกฤษก็พบว่าเขาใช้คำว่า “soft pork” ก็ลองไปหาความหมายก็ได้ความแต่เพียงว่า เป็นหมูที่ให้กินถั่วลิสงซึ่งจะทำให้เนื้อหมูนั้นนุ่มเท่านั้น แม่ของลอร่าในหนังสือ “บ้านเล็ก” ได้บรรยายถึงวิธีปรุงไว้ว่า
“หั่นหมูเค็มให้เป็นชิ้นบาง ๆ แล้วก็เอาต้มกับน้ำเย็นพอดิบ ๆ สุก ๆ พอน้ำเริ่มเดือดก็เทน้ำทิ้งเสีย เอาชิ้นหมูลงเกลือกแป้งแล้วก็ทอดให้เหลืองพอมันกรอบดีก็ตักขึ้นใส่จาน แล้วก็เทน้ำมันในกระทะออกไปเสียบ้าง เก็บไว้ใช้แทนเนย แล้วก็เอาแป้งใส่ลงไปในน้ำมันที่ติดกระทะอยู่ ผัดลงไปจนเหลืองนะคะ แล้วรินนมลงไปในกระทะ คนไปเรื่อยทีเดียวอย่าหยุดมือขณะที่มันเดือดนั้น คนจนกระทั่งมันสุกเป็นเกรวี่ไงล่ะคะ….”
ฟ้งดูแล้วน่ากินเหมือนกันนะครับ ก็สันนิษฐานว่าคงจะเป็นของกินคู่กับไข่เหมือนกับเบคอน ใครที่มีความรู้เรื่อง soft park ของฝรั่งจะมาช่วยบอกให้ผมและท่านผู้อ่านได้ทราบเป็นวิทยาทานก็จะขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ
แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า bacon & eggs นั้นเพิ่งมาเป็นอาหารเช้าของชาวอเมริกันเมื่อ100 ปีมานี่เอง ก่อนหน้านั้น คนอเมริกันก็กินอาหารเช้าเบา ๆ พวกผลไม้ ข้าวโอ๊ต หรือพวกขนมปัง กับกาแฟแก้วหนึ่งเท่านั้น ในปี 1920 บริษัท Beech-Nut Packing Company ต้องการที่จะเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์เบคอน จึงได้ไปหาเจ้าพ่อของวงการโฆษณาชื่อ Edward Bernays ให้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้
Bernays ก็ไปคุยกับนายแพทย์ประจำของบริษัทและถามคำถามว่า อาหารเช้าที่เป็นมื้อหนักขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันมากกว่าหรือไม่? นายแพทย์ผู้นั้นก็ตอบว่าใช่ อันเป็นการยืนยันความคิดของ Bernays แล้วก็ยังเขียนจดหมายไปถามเพื่อนที่เป็นแพทย์รวม 5,000 คนด้วยคำถามเดียวกัน ซึ่งก็ได้รับคำตอบเดียวกันว่าใช่ และด้วยผลการศึกษา(ที่ไม่เป็นทางการ)จากแพทย์ที่สนับสนุนให้คนอเมริกันกินอาหารเช้าที่หนักขึ้นซึ่งได้แก่ “ไข่และเบคอน” นี้ก็ได้ถูกเผยแพร่ด้วยการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำของยุคนั้น ทำให้ประชาชนชาวอเมริกันเกิดความตื่นตัวหันมากินไข่และเบคอนอาหารเช้ากันอย่างมากมาย และแน่นอนว่า ผลกำไรของบริษัท Beech-Nut ก็ต้องพุ่งสูงขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้ก็ต้องนับว่าเป็นผลงานของนาย Bernays และทีมแพทย์ของเขาที่ทำให้เกิดอาหารเช้าที่เป็นของชาวอเมริกันขึ้นมา
เพราะฉะนั้น ที่ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ชอบกินเบคอนที่ทอดปานกลางกับไข่ทอดจนสุกก็คงเป็นผลพวงที่เกิดมาจากการโฆษณาชวนเชื่อคราวนั้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก(WHO)ได้ออกประกาศเตือนเมื่อปี 2015 ว่า ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอกและหมูแฮม เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง การบริโภคอาหารเหล่านี้เพียง 50 กรัมต่อวันหรือเท่ากับเบคอน 2 ชิ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักถึง 18 เปอร์เซ็นต์ องค์การอนามัยโลกจึงจัดให้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปเหล่านี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง เช่นเดียวกับพลูโตเนียมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แต่คงจะจำกันได้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขู่ว่าจะตัดเงินสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกันต่อองค์การอนามัยโลกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าองค์การอนามัยโลกแก้ปัญหาเรื่องโรคไวรัส Covid-19 ไม่ได้เรื่องและเข้าข้างประเทศจีน ดังนั้น ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ก็อาจจะไม่สนใจต่อคำเตือนขององค์การอนามัยโลกในเรื่องของเบคอนด้วยก็ได้
โฆษณา