21 มิ.ย. 2020 เวลา 15:52 • ปรัชญา
ความมืดเป็นสิ่งที่มีอยู่เสมออย่างมั่นคง ไม่ต้องดิ้นรนหา
ความมืดคือสภาพพื้นฐานของจักรวาล แสงจากดวงดาวเป็นของผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
เมื่อเราอยากได้แสงสว่าง เราจึงต้องดิ้นรน ขนขวายสร้าง แต่ความมืดหยิบยื่นให้โดยไม่ต้องร้องขอ ความแก่ ความเจ็บความตาย เปรียบเหมือนความมืด
ความสุขอันเกิดจากการมีสุขภาพดี มีคนรัก มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ เปรียบเหมือนแสงสว่าง ที่เราต้องดิ้นรนขนขวายจึงจะได้มา และเมื่อได้มาก็ไม่ยั่งยืน
 
ทุกข์อันเกิดจากความแก่ ความเจ็บ ความตายทั้งตัวเราและบุคคลที่เราผูกพัน เหมือนความมืดที่จ้องมองมาที่เราตลอดเวลา
วันใด ชั่วโมงใด นาทีใด เชื้อเพลิงคบไฟที่ส่องแสงสว่างนั้นหมดลง ความมืดก็จะโจนทะยานหาเราทันที....
เครดิตภาพ: https://sites.google.com
นี่คือทุกข์ในทัศนะของพระพุทธเจ้าและ กามูส์ (Albert Camus) ที่จ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา
นี่คือเหตุผลที่กามูส์ นักปรัชญา อัตถิภาวะนิยม(Existentialism)บอกว่า
2
"ชีวิตไม่มีแก่นสาร"
1
อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus)
ความคิดของพระพุทธเจ้าและ กามูส์ บางคนเข้าใจว่าเป็นแนวคิดชนิดที่มองโลกในแง่ร้าย ที่เรียกกันในทางปรัชญาว่า "pessimism" ซึ่งน่าจะหมายถึงทัศนคติของคนที่อาจจะไม่ได้คิดลึกซึ้ง
มีคนกล่าวว่า โชเปนฮาวเออร์(Arthur Schopenhauer) และนิชเช่(Friedrich Nietzsche)ก็คิดแบบนี้
แต่ผมไม่คิดว่าทั้งคู่จะเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายแต่อย่างใด
อาร์เธอร์ โชเปนฮาวเออร์ (Arthur Schopenhauer)
การมองโลกในแง่ร้ายนั้นหมายถึงแนวโน้มในใจที่อาจมีในใครบางคน ซึ่งมีปัญหาทางจิตอันเนื่องมาจากความกดดันในชีวิตอย่างหนักหน่วง หรือความผิดปกติทางกายภาพบางอย่างในทางการแพทย์ ที่ทำให้เขาสนใจแต่ด้านที่เลวร้ายของโลก และไม่คิดว่าจะมีอะไรให้เราทำเพื่อโลกและชีวิตให้ดีขึ้น
ฟรีดริช นิชเช่ (Friedrich Nietzsche)
โชเปนฮาวเออร์ และนิชเช่ เชื่อว่ามีอะไรเพื่อให้เราทำแล้วโลกและชีวิตจะดีขึ้น พระพุทธเจ้าและกามูส์ก็เช่นกัน...
ชีวิตนั้นเป็นทุกข์ในทัศนะของพระพุทธเจ้า หรือชีวิตไร้แก่นสารของแนวคิดกามูส์ ไม่ได้จบสิ้นในตัวเอง และไม่ได้ชี้แนะในทางจริยธรรมใดๆ
หากแต่เป็นการกล่าวถึงความจริงของชีวิต
พระพุทธเจ้าตรัสชัดมาก หลังจากที่ตรัสว่าชีวิตเป็นทุกข์ ว่าความทุกข์ของชีวิตเป็นสภาพที่เราควรไตร่ตรองเข้าใจ
เพื่อที่จะได้คิดหาหนทางจัดการกับสภาพที่เป็นทุกข์
กามูส์ก็เขียนไว้ในหนังสือ ตำนาน ซิสซิฟัสว่า แม้ชีวิตไร้แก่นสาร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องสักแต่หายใจอยู่บนโลกเพื่อรอวันตาย
ตำนาน ซิสซิฟัส :The Myth of Sisyphus and Other Essys.
เรายังทำอะไรได้อีกมาก และสมควรทำ เพื่อให้ชีวิตที่ทุกข์และไร้แก่นสารนี้มีความหมาย...
ประเด็นนี้ แล้วแต่โลกทัศน์แต่ละคน จะพิจารณากันนะครับ
อ้างอิง
1.Albert Camus, The Myth of Sisyphus and Other Essys.
2. ศ.ดร.สมภาร พรมทา, รากเหง้าแห่งความทุกข์, พุทธปรัชญากับญาณวิทยา.
-วิรุฬหก-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา