16 ก.ค. 2020 เวลา 01:37
Ep. 5 เลือกพันธ์ไม้ ตอน 2
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญที่เหลือได้แก่ ROE, ROA, P/E, P/BV เราลองมาทำความ
เข้าใจกันแบบรวดเร็วกันว่าแต่ละตัวหมายถึงอะไร และเราจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างในการคัดหุ้น
- ROE(Return on equity) = กำไรสุทธิ/ส่วนของผู้ถือหุ้น x 100
ROE นะครับ หมายถึงว่า เงินส่วนของเจ้าของสามารถทำกำไรได้เท่าไหร่เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัทโดยคิดเป็น% ปกติแล้วนะครับ ROE ยิ่งมากก็ยิ่งดี เพราะแสดงให้เห็น
ว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรได้มาก และในการเปรียบเทียบบริษัท เราควรเทียบบริษัทที่
อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันครับ
- ROA(Return on asset) = กำไรสุทธิ/สินทรัพย์ x 100
หน้าตา ROA ก็จะคล้ายๆกับ ROE ครับ มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่เปลี่ยนจากการทำกำไรจากส่วนของผู้ถือหุ้น มาเป็นการทำกำไรจากสินทรัพย์
เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ ต่างๆของบริษัทสามารถทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบ
กับกำไรสุทธิ
โดยส่วนตัวแล้วผมจะเน้นไปที่ ROE มากกว่า ROA เพราะ ROE เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นโดยตรง และในการเลือกบริษัทนะครับ เคล็ดลับคือต้อง
เลือกบริษัทที่มี ROE สูงอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะยาวแต่
อาจจะมีตกลงบ้างในบางปีซึ่งเราสามารถยอมรับได้ครับ เพื่อนๆลองไปศึกษาบริษัท
อย่าง cpall, makro, advanc, bh ต่อดูได้ครับ เพราะบริษัทพวกนี้จัดว่าเป็นบริษัทที่มี
ROE สูงมาก
- P/E(Price / earning per share) = ราคา/กำไรสุทธิต่อหุ้น
รวบลัดเลยนะครับ มันหมายถึงว่า ถ้าเราซื้อหุ้นที่ราคานี้ กี่ปีจะคืนทุน เช่น หุ้นราคา
10บาท กำไรสุทธิปีละ 1 บาท นั่นหมายความว่า 10ปี เราจะคืนทุน นั่นแสดงว่าPE ยิ่งต่ำยิ่งดีครับ หมายถึงว่าเราใช้เวลาไม่นานในการคืนทุน
โดยภาพรวมของ P/E คือยิ่งต่ำยิ่งดี แต่มีข้อยกเว้นหลายประการมากในการดูหุ้น ซึ่งเรา
ไม่สามารถใช้แค่ การดู P/E เพียงอย่างเดียวได้ครับ ย้ำว่าต้องดูอัตราส่วนอื่นๆประกอบ
ด้วย
- P/BV(Price / book value) = ราคา/มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น
ถ้าผมถามว่าคุณอยากซื้อหุ้นในราคาถูกหรือราคาแพง เราทุกคนย่อมตอบว่าในราคาถูก
อยู่แล้วครับ และP/bv จะบอกเราในส่วนนี้
ตัวอย่างเช่น ราคาหุ้นอยู่ที่ 42 บาท มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 30 บาท
42/30 = 1.4 (เท่า) ก็หมายถึงว่าคุณซื้อหุ้นแพงกว่ามูลค่าทางบัญชี 1.4เท่า หรือ
26/30 = 0.86(เท่า) ก็หมายถึงว่าคุณซื้อหุ้นถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี 0.86 เท่าครับ
ตัวอย่างหุ้น BBL
หุ้น BBL ในปี 2563 ณ ที่ราคา 108 บาท
เรามาวิเคราะห์กันว่าอัตราส่วนต่างๆหมายถึงอะไร
ROA = 1.38% โดยปกตินะครับ หุ้นธนาคารทุกตัวจะมีอัตราส่วนนี้น้อยอยู่แล้ว
ซึ่งก็สมเหตุสมผลเพราะธนาคารไม่ได้ทำกำไรจากสินทรัพย์ครับ
ROE = 8.20% นักลงทุนระยะยาวหลายคนอาจจะบอกว่า 8.20% นั้นต่ำเกินไปเพราะ
เกณฑ์ส่วนใหญ่คือ 15% แต่เราต้องนำไปเทียบกับหุ้นธนาคารตัวอื่นๆด้วยครับ ถึงจะรู้ว่าต่ำหรือไม่ โดยส่วนตัวผมยังพอยอมรับได้ครับ
P/E = 5.98 โอ้! ถ้าซื้อราคานี้ เราจะคืนทุนใน 6ปี แม่เจ้า
P/BV= 0.50 โอ้รอบสอง นี่ถูกกว่าเจ้าของลงทุนอีกนะครับ เพราะมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นตอนนี้อยู่ที่ 217.33 ณ ราคานี้ถือว่าลดราคากันสุดๆไปเลย
ต่อมาคือส่วนสุดท้าย เงินปันผล(Dividen Yield)
ที่ผมแยกออกมาต่างหากจากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญมันมีเหตุผลครับ ความจริง
แล้วผมให้น้ำหนักมากกันค่านี้ แต่ที่ต้องอธิบายในตอนท้ายเพราะไม่อยากให้หลายๆคน
ถูกหุ้นหลอก หุ้นบางตัวนะครับให้ปันผล 7% หรือ 10% ขึ้นก็มี แต่เราไม่สามารถเลือกหุ้นพวกนี้เข้ามาเก็บจนเต็มพอร์ตได้ครับ อย่างแรกเลยคือ ปันผลเยอะขนาดนี้มันหมายถึงว่าอาจจะเป็นหุ้นดีที่ไม่โต ราคาอาจจะไม่ไปไหนเลยก็ได้ซึ่งถือว่าคุณจะเสียโอกาสมากๆ
ในการถือรับแต่ปันผลเฉยๆเพราะมันดูเป็นการเสียเวลาจนเกินไป แต่ถามว่าซื้อเก็บเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุนได้ไหม ผมขอตอบตามประสบการณ์เลยว่าได้แต่อย่าให้เป็นน้ำหนักส่วนใหญ่ของพอร์ต อาจจะมีได้ประมาณ20% ไม่เกินนี้ ไม่งั้นพอร์ตคุณจะไม่โตครับ
โฆษณา