22 มิ.ย. 2020 เวลา 04:14 • การศึกษา
หนังสือ No More Mr.Nice Guy เขียนโดย Dr.Robert Glover
คนที่เป็นคนแสนดีในสายตาคนอื่น แต่นั่นกลับทำให้ชีวิตตัวเองไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ นักจิตวิทยาผู้เขียนนำเอาบทวิเคราะห์มาเล่าให้ฟังและบอกถึงวิถีทางใหม่ที่บรรดาคนที่แสนดีทั้งชายและหญิงควรต้องอ่านและนำไปใช้เพื่อที่จะได้มีชีวิตแบบที่ควรจะเป็น...
•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
หนังสือเล่าถึงนิสัยที่ไม่ดีของผู้ชายที่แสนดีจากการพูดคุยกับคนไข้ของเขาจำนวนมากที่มักจะเริ่มต้นการรักษาด้วยคำว่า “ผมเป็นผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่งเลยล่ะ” เขาได้เขียนรวบรวมนิสัยที่ไม่ดีของผู้ชายแสนดีอย่างเช่น ผู้ชายที่แสนดีมักไม่ซื่อสัตย์ เพราะพวกเขามักจะปกปิดความจริงและความผิดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และพูดในสิ่งที่เขาคิดว่าคนฟังอยากฟังเท่านั้น รวมถึงการข้ามข้อมูลบางอย่างไปถ้าเขาเชื่อว่ามันจะป้องกันไม่ให้ใครมองพวกเขาในแง่ลบได้ ผู้ชายที่แสนดีมักจะมีรูปแบบการให้แบบหวังผล เขาจะหวังการเป็นที่รักและการชื่นชมยอมรับจากคนที่เขาทำดีด้วย และเมื่อเขาไม่ได้รับสิ่งที่เขาคาดหวังไว้วันหนึ่งเขาก็จะระเบิดทุกอย่างออกมา และทำให้ทุกอย่างพังลง อีกทั้งพวกเขามักจะพยายามแอบครอบงำคนอื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยที่พวกเขาจะไม่รู้สึกผิดกับการครอบงำนั้น รวมไปถึงพวกเขามักจะเป็นผู้ฟังที่ไม่ดี เพราะเขาจะมัวแต่กังวลกับการแก้ปัญหาให้คนอื่นจนเขาไม่ได้ฟังจริงๆหรอกว่าคนเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร
แนวคิดเรื่องการเป็นที่ยอมรับเกิดจากแนวคิดที่เราสร้างมาแต่เด็กและยึดมั่นอยู่กับแนวคิดนั้น ในวัยเด็กจนถึง 5 ขวบ เรามักต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อการดำรงชีวิตรอด เราจึงกลัวการถูกทิ้งที่สุด เพราะการถูกทิ้งในช่วงวัยนั้นก็หมายถึงความตายนั่นเอง และด้วยความเป็นเด็กเราจึงมักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เราจึงมีแนวคิดที่ว่าการที่เราถูกละเลยหรือทอดทิ้งจากคนที่ดูแลเรา หรือแม่แต่ดารที่เราไม่ได้รับการใส่ใจแบบทันท่วงที มันเกิดจากตัวเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราจึงกลัวการที่จะเป็นตัวของตัวเองและต้องเป็นคนที่แสนดีเพื่อที่จะได้เป็นที่รักและได้รับการยอมรับจากทุกคน รวมถึงจะได้มีชีวิตที่ไร้ปัญหา ซึ่งการมองแบบนั้นจะทำให้เรามองตัวเองแบบไร้ค่าจนพัฒนากลไกการเอาตัวรอดอย่าง การพยายามทำตัวเหมือนไม่มีความต้องการในสิ่งไหน การไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นทำอะไรเพื่อตนเอง รวมถึงการเอาใส่ใจความต้องการคนอื่นก่อนตัวเอง
อย่างในเรื่องความรักก็เช่นกัน ผู้ชายแสนดีมักจะมีความกลัวอยู่ 2 อย่างคือ การกลัวคนที่เข้ามารู้จักตัวตนเขาจริงๆแล้วจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาเป็น และความกลัวที่จะถูกทิ้ง ผู้ชายแสนดีเลยมักที่จะแสดงออกมาในสองแนวทางคือ การเป็นคนที่จะทุ่มเทให้กับความรักมาก จนยอมสละความเป็นตัวเองและเป็นคนติดแฟน ผู้ชายแสนดีมักจะเอาคนรักเป็นเหมือนศูนย์กลางจักรวาล ทำทุกอย่างทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนรักจนมากเกินไป คนแบบนี้เราอาจจะมองว่าเป็นผู้ชายที่อยากจะใกล้ชิดผูกพัน แต่ที่จริงแล้วพวกเขาพยายามเอาคนรักเป็นที่พึ่งทางใจและจะได้สูบพลังชีวิตคนรักมาเติมเต็มช่องว่างในตัวเองมากกว่า หรือไม่ก็จะเป็นคนที่ไม่เคยพร้อมมีใจให้กับคนรักหรือเป็นที่พึ่งทางใจให้คนรักไม่ได้เลย และมักจะแสดงออกด้วยการทำดีกับคนอื่นมากกว่าคนรัก แถมยังคาดหวังด้วยว่าในเมื่อเขาเป็นคนที่แสนดี คนรักก็ควรดีกับเขาถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีเวลาพร้อมหรือทำดีกับคนรักก็ตาม และสุดท้ายแล้วเขาก็มักจะมีความรักที่ไม่ดีเพราะมักจะเลือกคนที่เป็นเหมือนประสบการณ์ที่ไม่ดีหรือบกพร่องที่เขาเคยเจอ เช่น ถ้าอย่างตอนเด็กเค้ามีพ่อแม่ที่เกรี้ยวกราด เขาก็อาจจะเลือกคนรักที่มีนิสัยเหมือนกันเพราะมันเป็นธรรมชาติที่เราจะถูกดึงดูดเข้าหาสิ่งที่เหมือนกัน
ผู้เขียนเล่าถึงวิธีการรักษาอาการแสนดีโดยการรักษาความสมดุล และยอมรับตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็นได้ทุกด้านทั้งด้านดีและลบ พวกเขาต้องซื่อตรงทำในสิ่งที่ถูกต้อง รับผิดชอบต่อการตอบสนองความต้องการของตัวเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำตัวเองให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ หรือต้องแสวงหาการยอมรับจากคนอื่น และต้องยอมรับว่าการไม่สมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องเสียหาย ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ พวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองต่อตัวเองและต่อโลก รวมถึงการเปลี่ยนแนวคิดใหม่ทั้งหมด
และการที่จะช่วยแก้อาการเเสนดีมีทั้งการเริ่มดูแลใส่ใจตัวเอง เพราะถ้าคนแสนดีส่วนมาก สิ่งแรกที่พวกเขาจะคิดถึง คือความรู้สึกคนอื่นเป็นหลักจนหลงลืมตัวเองไป การที่หันมาทำอะไรให้ตัวเองอาจจะทำให้เขารู้สึกผิดในตอนแรก เพราะเขาจะรู้สึกขัดแย้งทางความคิดในตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วเขาจะรู้ตัวได้เองว่ามันเป็นสิ่งที่เขาคู่ควรต่างหาก การเปิดเผยตัวตนและการตอกย้ำตัวเองในเชิงบวกก็ต่างจะช่วยลบความเชื่อเก่าๆที่เรามีต่อตัวเองได้ รวมไปถึงการอยู่คนเดียวตามลำพังด้วย จริงอยู่ที่การอยู่คนเดียว จะทำให้พวกเราต้องรู้สึกว่ากำลังเผชิญกับความเหงาและความโดดเดี่ยว แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาค้นพบว่าอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่ไม่แย่ เขาก็จะตระหนักได้เองอีกว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมอะไรก็ตามที่พวกเขารับมันไม่ได้
1
ซึ่งแนวคิดทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้สามารถนำเอาไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตของผู้ชายแสนดี รวมถึงมีกิจกรรมให้ทำเพื่อให้หลุดพ้นจากกรอบความคิดเดิมที่เคยมี เพื่อที่เราจะได้กลายเป็นคนที่หัดยอมรับตัวเอง เปิดใจรับความรักที่มีอยู่ในตัวเอง รวมไปถึงความสามารถที่จะใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างเต็มศักยภาพ เลิกแสวงหาการยอมรับ ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ และมีความสุขกับการใช้ชีวิตเพื่อตัวเราเอง
Cr photo : Google
โฆษณา