22 มิ.ย. 2020 เวลา 04:31 • กีฬา
ประเด็นร้อนหลังเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้
การฉลองแชมป์ที่ยืดออกไป
หลังจากห่างหายการลงเตะมานาน ในฟุตบอลลีกที่เรียกได้ว่าเป็นเป็นที่รอคอยของคอบอลทั่วทุกมุมโลก ลิเวอร์พลูก็กลับสู่เกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกมแรกต้องทำศึกหนักกับเพื่อนร่วมเมืองที่พบกันทีไรไม่เคยง่ายเลยสำหรับท็อปฟี่สีน้ำเงิน
ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ จบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป โดย เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านยันเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ทำให้ "หงส์แดง" มีเพิ่มเป็น 83 คะแนน นำฝูงต่อไปทิ้ง ซิตี้ ออกไปเป็น 23 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 เกม ลองมาดูประเด็นหลักๆที่พูดถึงได้ในเกมนี้กัน
1. ศึกแห่งศักดิ์ศรีไม่มีคำว่าง่าย
ช่วงก่อนพักเบรก Covid-19 ที่ผ่านมานั้น ฟอร์มของ ท็อฟฟีสีน้ำเงิน ไม่ชนะใคร 3 เกมหลังสุดและแพ้ไปถึง 2 โดยหนึ่งในนั้นคือการโดน เชลซี ถล่มเละด้วยสกอร์ถึง 4-0 แต่สำหรับเกมแห่งศักดิ์ศรีในเกมนี้ ต้องบอกว่าฟอร์มของพวกเขาเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละทีมกับเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เลยทีเดียว มีแนวรับที่ค่อนข้างเหนียวแน่นจน 3 ประสานในแดนหน้าของ ลิเวอร์พูล แทบหาจังหวะจบแบบชัดเจนไม่ได้ และแถมด้วยเกมสวนกลับที่ช่วงท้ายเกมเกือบจะคว่ำรถแห่ หงส์แดง ให้กลับบ้านมือเปล่าอยู่หลายครั้งในเกมวันนี้ ถือเป็นเกมยากหนึ่งเกมที่หงส์แดงต้องเจอทุกครั้งที่มาสนามแห่งนี้
2. การขาดหายไปของอาวุธหลักแบ็คทั้งสองข้าง
ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ หรือที่ผ่านมาจะเห็นได้เคยว่าความสำเร็จหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นทีเด็ดของพวกเขาอย่างหนึ่งคือ การเปิดจากแบ็คทั้งสองด้าน ทั้ง เทรนต์ และ โรเบิร์ตสัน ที่แต่ละคนสุดสะเด่าเรื่องแอสซิสต์โดยรวมกันในซีซั่นนี้ไปแล้วถึง 21 ครั้งใน พรีเมียร์ลีก แต่ในเกมวันนี้ การขาดหายไปของแบ็คซ้ายอย่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่ไม่พร้อมลงสนาม ทำให้ลิเวอร์พลูดูเหมือนจะขาดอาวุธที่ว่านั้นไป รวมถึง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ดูฟอร์มจะหลุดไปพอสมควรหลักจากหยุดยาว นั่นจึงทำให้มิติในเกมรุกของ หงส์แดง ในวันนี้ ดูขาดความหลากหลายและลดความน่ากลัวลงไปลงไปมากพอสมควรเลยทีเดียว
3. กำลังดีไม่น่าเปลี่ยนมินามิโนะออก
ในช่วงครึ่งแรกต้องบอกว่า ทาคูมิ มินามิโนะ แนวรุกสารพัดประโยชน์ทีมชาติญี่ปุ่น ที่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเป็นเกมแรกให้กับลิเวอร์พูล โดยลงมาเล่นตำแหน่งปีกขวาแทนที่ซาลาห์ และสามารถโชว์ฟอร์มได้วูบวาบเลยทีเดียว เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา มีจังหวะได้ยิงลุ้นเกือบตุงตะข่าย แต่พอเริ่มครึ่งหลังกลับโดน เยอร์เกน คลอปป์ เปลี่ยนตัวเอาช่างอ็อกเหล็ก อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน ลงมาแทนซะอย่างนั้น ซึ่ง อ็อกซ์เหลด ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ส่งผลให้เกมรุกของลิเวอร์พูลไม่น่ากลัวเหมือนครึ่งแรก เด็กกำลังห้าวจากเกมอุ่นเครื่องในนัดก่อนกำลังสร้างความมั่นใจ กลับถูกเปลี่ยนออกน่าเสียดาย
4. ตัวหลักไม่พร้อมหน้า
หงส์แดงลิเวอร์พูล ไม่มีแบ็กซ้ายตัวหลักอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ไม่ฟิตสมบูรณ์ ส่วน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีชื่อเป็นตัวสำรองแต่ก็ไม่ได้ลงสนามเพราะไม่ฟิตเต็มถังเช่นกัน ดังนั้นรูปเกมของการประเดิมรีสตาร์ตของลิเวอร์พูลจึงเหมือนยังจูนกันไม่ค่อยติด มีจังหวะขาดๆ เกินๆ จ่ายบอลไม่ตรงกันบ้าง จังหวะทำชิ่งต่างๆ ที่เคยทำได้เป็นปกติก็ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก การกลับมารีสตาร์และการได้ 1 แต้มถือว่าน่าพอใจสำหรับหงส์แดงแล้ว
5. ขอบคุณอลิสสัน เบคเกอร์
เกมนี้ลิเวอร์พูลต้องขอบคุณการเซฟอันยอดเยี่ยมทั้ง 2 จังหวะในช่วงต้นครึ่งแรก และท้ายครึ่งหลังของ อลิสสัน เบคเกอร์ จอมหนึบทีมชาติบราซิล ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ได้แม้แต่แต้มเดียวกลับไปแอนฟิลด์
และการฉลองแชมป์อาจต้องยืดเวลาออกไป สถานการณ์ในปัจจุบัน เรือใบสีฟ้า อาจยืดเวลาไม่ให้ ทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ ฉลองแชมป์ออกไปได้อีกหน่อย เพราะหาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะลงแข่งในวันพรุ่งนี้เอาชนะ เบิร์นลีย์ ได้ ลิเวอร์พูล จะยังคงต้องการอีก 5 คะแนน (ชนะอีก 2 เกมเท่าเดิม) จึงจะการันตีการเป็นแชมป์ แต่หากทีมของ เป๊ป เกิดพลาดท่าพลิกล็อกเสมอหรือพ่ายให้กับ เบิร์นลีย์ จะทำให้ หงส์แดง ต้องการอีกเพียง 3 คะแนนเท่านั้นก็จะการันตีการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ในทันที เพราะงั้นเหล่าสาวกเดอะค็อป เตรียมหาเสื้อ เบิร์นลีย์ มาใส่ได้เลย
#thekop #liverpool #ลิเวอร์พลู
โฆษณา