Rent A Friend (2019)
Director: Mayu Akiyama
นาสะ โมชิซึกิ (Eri Tokunaga) สาวที่ทำงานเป็น editor ของเว็บแมกกาซีนแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เธอเคยผิดหวังจากความรัก จนปล่อยวางจากความคิดที่จะมีคนรักแล้ว แม้ลึก ๆ เธอจะยังหวังว่าตัวเองจะเจอใครสักคนมาอยู่เคียงข้างกันก็ตาม ในคืนหนึ่งที่เธอไปดื่มกับ ยูริ เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน นาสะ ก็ได้พบกับ โชตะ ยานาเสะ (Atsushi Hashimoto) หนุ่มที่มากับ โคโมโตะ พนักงานออฟฟิศที่เข้ามาจีบ ยูริ ทั้งสองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงประเด็นที่ว่า ผู้หญิงกับผู้ชายสามารถเป็นเพื่อนกันได้ไหม ซึ่ง ยานาเสะ นั้นบอกว่าแน่นอน เพราะเขามีสวิตช์ปิดเปิดโหมดความคิดเหล่านั้นได้ นาสะ ที่กำลังอยากจะพิสูจน์ความคิดที่ว่านั้นจึงขอแลกเบอร์โทรติดต่อกับเขา
จนกระทั่งในวันถัดมาที่ นาสะ ได้พบกับ ยูริ เธอจึงได้รู้ว่า ยานาเสะ ที่บอกว่าเขามีโหมดปิดเปิดความเป็นเพื่อนนั้นก็เพราะว่า เขาเป็น Rental Friend หรือว่าเพื่อนเช่า พอ นาสะ ได้ยินเรื่องนี้ขึ้นมาเธอจึงเกิดความสนใจอยากจะพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง จึงตัดสินใจเช่า ยานาเสะ เป็นเพื่อนเที่ยวแล้วนำเรื่องราวของเขามาเขียนเป็นบทความ ทว่าเธอก็ไม่กล้าบอกเขาในความจริงเรื่องนี้ นาสะ ทำได้เพียงแค่บอกว่าเธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักเขียนจึงอยากจะขอสัมภาษณ์เขาเท่านั้น แล้วความสัมพันธ์แบบเพื่อนเช่าบนความลับที่มีต่อกัน มันจะทำให้ นาสะ พิสูจน์สิ่งที่เธอคิดไว้ได้ไหม หรือความสัมพันธ์มันจะยิ่งซับซ้อนมากเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ
หนังญี่ปุ่นแนวอินดี้ที่มีความยาวหนังเพียงแค่ 78 นาทีเท่านั้น แต่ผมขอบอกเลยว่าเป็น 78 นาทีที่ยาวนานกว่าหนังสองชั่วโมงบางเรื่องเสียอีก ให้พูดตรง ๆ เลยก็คือหนังไม่มีความบันเทิงเอาเสียเลย ขนาดว่าผมดูหนังญี่ปุ่นแนวนี้มาจนพอคุ้นชินบ้างแล้วยังเกือบถอดใจ แต่ว่าตัดสินใจดูแล้วก็ต้องไปต่อจนจบ
อันที่จริงแล้วผมว่าหนังก็มีของมีความน่าสนใจในตัวเอง เพียงแค่ความน่าติดตามอาจจะน้อยไปสักหน่อย อย่างประเด็นที่หนังเลือกหยิบมาตั้งคำถาม ผมว่ามันน่าสนใจดีนะกับคำถามที่ว่า “ผู้หญิงกับผู้ชาย จะเป็นเพื่อนกันได้ไหม” แน่นอนล่ะว่าในความเป็นจริง เราสามารถพบได้โดยทั่วไปอยู่แล้วสำหรับคนที่มีเพื่อนต่างเพศ แต่ในความเป็นจริงอีกมุมหนึ่งมันก็คงมีเช่นกัน กับคนที่ตกหลุมรักเพื่อนต่างเพศของตัวเอง เพียงแต่จะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้หรือเปิดเผยออกมาเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องราวภายในหนังเรื่องนี้ตัวละคร นาสะ ค่อนข้างสร้างความสับสนให้ผมได้พอสมควร เมื่อบางช่วงเธอก็แสดงออกอย่างไม่ชัดเจนว่าตกลงแล้ว ความหึงหวงที่เกิดขึ้นมาของความสัมพันธ์ระหว่าง ยานาเสะกับทามากิ โอโนะ (Sumire Ashina) รูมเมทเพื่อนสนิทของเธอนั้น อันที่จริงแล้วเธอหึงหวงใครกันแน่ เมื่อในช่วงแรกการแสดงออกมันเหมือนจะทำให้ผู้ชมคิดว่าเธอหึง ยานาเสะ แต่มันดันมีบางฉากที่ทำให้คนดูคิดว่าเธอคิดไม่ซื่อกับ โอโนะ เพื่อนสนิทของตัวเอง
แล้วในฉากที่ทั้งสามคนนั่งเคลียร์ใจกันจนปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ถามว่าหนังให้คำตอบที่ชัดเจนของคำถามที่หนังตั้งเอาไว้ในทีแรกได้ไหม ผมว่ามันก็ชัดเจนในคำตอบนั้นนะว่า “ผู้หญิงกับผู้ชายสามารถเป็นเพื่อนกันได้” เพียงแค่สถานะของคนสองคนที่เฉลยคำถามที่ว่าไม่ใช่ นาสะกับยานาเสะ เท่านั้นเอง แต่ผมไม่สปอยก็แล้วกันว่าเป็นตัวละครไหนกับใคร เผื่อมีคนอยากจะหามาดูทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ซึ่งในสถานะแบบนั้นผมว่ามันเป็นอะไรที่เข้าใจได้ เมื่อคนสองคนตัดสินใจทำอะไรสักอย่างร่วมกัน การเปลี่ยนความรู้สึกที่ดีที่มีให้กันเป็นความรัก บางทีมันอาจจะทำให้สิ่งที่ทำร่วมกันมันไม่สำเร็จก็ได้
ส่วนบทสรุปความสัมพันธ์ระหว่าง นาสะกับยานาเสะ ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นปลายเปิดแบบเป็นไปได้หลายทาง มันเป็นไปได้ทั้งความรู้สึกของเธอที่มีต่อ ยานาเสะ คือความรัก เธอไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ หรืออาจจะหมายถึงเธอพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้คิดอะไรและสามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ รวมทั้งอีกทางเลือกที่เป็นไปได้ก็คือ สิ่งที่เธอลองพิสูจน์กับ ยานาเสะ นั้นมันอาจทำให้เธอค้นพบความต้องการที่แท้จริงก็ได้ หากนำไปตีความเชื่อมโยงกับส่วนที่ผมบอกว่า นาสะ อาจจะคิดไม่ซื่อกับ โอโนะ เพื่อนของเธอ เมื่อคำตอบของ นาสะ ไม่ได้บอกว่า “ไม่” แต่เธอก็ไม่ได้บอกว่า “ตกลง” เช่นกัน อย่างที่ผมบอกว่ามันถึงกลายเป็นหนังที่กลายเป็น 78 นาทีที่ยาวนาน ฮ่าฮ่า เมื่อคนดูอย่างเราเหมือนจะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนอะไรเท่าไหร่จากหนังเรื่องนี้
สรุปแล้ว Rent A Friend (2019) เป็นหนังที่ทีแรกผมนึกว่ารีวิวจะออกมาสั้น ๆ ตามเวลาของหนัง เขียนไปเขียนมาทำไมยืดยาวก็ไม่รู้สงสัยมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ฮ่าฮ่า สำหรับเวลา 78 นาทีกับคนชอบดูหนังแนวอินดี้ใช้ความคิดความรู้สึกตีความ ผมว่ามันก็ไม่ใช่เวลาที่ยาวนานอะไร ส่วนตัวผมก็มองว่าหนังมีของนะแค่การนำเสนอมันไม่ชวนติดตาม ทั้งที่ประเด็นมันพื้นฐานน่าจะเข้าถึงคนดูง่าย แต่ก็ทำออกมาซะแนวเกินจนสร้างอรรถรสในการรับชมได้น้อยไปหน่อย
#MovieReview #รีวิวหนัง
ติดตามผลงานช่องทางอื่น ๆ ได้ทาง