พระพุทธเจ้าตรัสว่า "หากท่านพิจรณาอย่างลึกซึ่ง ท่านจะรู้ว่าเขาถ่มน้ำลายใส่จิตของเขาเองต่างหาก ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตถาคตเลย ตถาคตเห็นว่าชายคนนี้ต้องการจะกล่าวอะไรออกมา เพราะการถ่มน้ำลายคือวิธีการกล่าว
อะไรสักอย่างออกมา เวลาที่ท่านรู้สึกว่าการใช้ภาษามีพลังไม่พอ ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านอยู่ในห้วงรัก โกรธสุดขีด มีความเคียดแค้น หรืออยู่ในการสวดภาวนา ท่านก็จะต้องทำอะไรสักอย่าง เวลาที่ท่านอยู่ในห้วงรัก เเละท่าน
จุมพิตหรือโอบกอดคนคนหนึ่ง ท่านทำอะไรอยู่ ท่านกำลังกล่าวอะไรสักอย่างออกมา เวลาที่ท่านโกรธสุดขีด ท่านจะทุบตีเเละถ่มน้ำลายใส่คนคนหนึ่ง
ตถาคตเข้าใจดี เขาจะต้องมีอะไรสักอย่างกล่าวออกมาอีก นั่นจึงทำให้ตถาคตกล่าวว่า "มีอะไรอีกไหม"
ชายคนนั้นงุนงงหนักขึ้นไปอีก เเล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสเเก่บรรดาสาวกว่า"พวกท่านต่างหากที่ทำให้ตถาคตยิ่งขุ่นเคือง เพราะพวกท่านรู้จักตถาคตเเละ อยู่ร่วมกับตถาคตมานานหลายปี เเละกระนั้นพวกท่าน
ก็ยัง ตอบโต้อยู่"
ชายคนนั้นกลับบ้านไปด้วยความสับสนงุนงง เขานอนไม่หลับทั้งคืน สิ่งที่เขาประสบพบเจอตามมาหลอกหลอนเขา เขาอธิบายกับตัวเองไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาสั่นไปทั้งตัว เเละเหงื่อเเตกพล่าน เขาไม่เคยประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ความคิดของเขาที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆ ในอดีตแตกละเอียดเป็นผุยผง
เช้าวันรุ่งขึ้นเขากลับมาอีกครั้ง
(OSHO)