โดยเริ่มที่เจ พี มอร์แกนได้เข้ามาเล่นในธุรกิจการเงินเมื่ออายุ 34 ปีครับ ซึ่งมีการร่วมทุนกับแอนโทนี แดรกเซิล ตั้งบริษัทการเงินและการลงทุนที่ชื่อ The Drexel Morgan & Company ใน ค.ศ.1871
และเมื่อ ค.ศ.1895 เจ พี มอร์แกนก็ได้แยกออกมาทำบริษัทของตัวเอง คือ The J.P. Morgan & Company
โดยความโดดเด่นของเจ พี มอร์แกน คือ เขาได้ลงไปเล่นในธุรกิจรถไฟและเหล็กกล้าด้วยตัวเอง จึงทำให้ธุรกิจทั้งสองนี้มีความมั่นคงทางด้านการเงินสูงมาก! โดยเฉพาะเมื่อเจ พี มอร์แกน ได้ตั้งบริษัท The United States Steel Corporation ใน ค.ศ.1901 และบริษัทนี้ได้ซื้อบริษัทของแอนดรู คาเนกี้ให้เข้ามาอยู่ในเครือของตัวเองได้ในที่สุด ซึ่งยิ่งทำให้ธุรกิจเหล็กกล้าของอเมริกานั้นมั่นคงและยิ่งใหญ่เป็นเบอร์ต้นๆของโลกเลยล่ะครับ!
และผู้นำวงการน้ำมันของอเมริกาคงเป็นชื่อที่ทุกท่านคุ้นหูกันดี คือ จอห์น ดี ร็อคกีเฟลเลอร์ ซึ่งเมื่อจอห์น อายุได้ 34 ปี ก็ได้ตั้งบริษัท Standard Oil Company ใน ค.ศ.1870 ซึ่งบริษัทของจอห์นมีสิ่งที่เป็นจุดขาย คือ รถขนน้ำมัน
โดยรถขนน้ำมันของจอห์นสามารถขนน้ำมันได้ทั่วประเทศ ทำให้ตลาดของ Standard Oil Company เรียกได้ว่ากว้างขวางสุดๆเลยล่ะครับ บริษัทจึงเติบโตพรวดพราดครองอันดับหนึ่งของประเทศในธุรกิจน้ำมันภายในเวลาพียง 10 ปี
Standard Oil Company ของจอห์น ดี ร็อคกีเฟลเลอร์ นอกจากจะสร้างฐานการผลิตน้ำมันที่มั่นคงให้อเมริกาซึ่งเป็นข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่ใหญ่หลวงเช่นกันครับ คือ...
Standard Oil Company และร็อคกีเฟลเลอร์รวยเละจนไม่มีใครเทียม...
Standard Oil Company ได้ทำการบีบบังคับและซื้อ จนรวมบริษัทน้ำมันภายในประเทศให้อยู่ภายใต้บริษัทเดียว...
Standard Oil Company ได้ทำให้เราเห็นความโหดร้ายของทุนนิยม...
Standard Oil Company ได้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ทรัสต์” ในสหรัฐอเมริกา...
ซึ่ง Standard Oil Company ได้ทำให้เกิดทรัสต์ขึ้นมาในอเมริกา
โดย Standard Oil Company เมื่อขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของธุรกิจน้ำมันแล้วก็ได้ทำการบีบหรือกดดันบริษัทน้ำมันใหญ่น้อยอื่นๆให้ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ มีทางรอดเดียวคือต้องขายบริษัทให้ไปรวมกับ Standard Oil Company หรือไม่ก็ต้องล้มละลายไป
ข้อเสียของทรัสต์จึงเกิดขึ้น คือ กลายเป็นว่า Standard Oil Company เป็นผู้เดียวที่สามารถกำหนดราคาน้ำมันภายในประเทศได้ ซึ่งส่งผลกระทบในหลายๆภาคส่วนเลยล่ะครับ
แล้วในที่สุด ค.ศ.1908 รถยนต์รุ่น Ford Model T ที่ผ่านการผลิตโดยใช้สายพาน ก็ออกสู่ตลาดในราคาที่ถูกมากๆเมื่อเทียบกับรถยี่ห้ออื่น จึงทำให้ Ford Model T ทำยอดขายได้ถล่มทลายกว่า 15 ล้านคันเลยล่ะครับ!