10 พ.ค. 2021 เวลา 13:44 • ไลฟ์สไตล์
อดีตที่ฝังจำ อดีตที่ฝังใจ (ep.1)
เรื่องบางเรื่องถึงผ่านมานานแค่ไหนก็ไม่มีวันลืม
วันเวลาที่ผ่านล่วงเลยไป แม้จะเนิ่นนานแค่ไหน แต่บางครั้งมันก็ไม่อาจทำลายความทรงจำที่มันฝังอยู่ในใจให้ลบเลือนไปตามกาลเวลาได้เลย
ย้อนไปเมื่อ พ.ศ 2535 ผมเดินทางจากบ้านเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ชึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ จุดประสงค์เพื่อ
จะไปสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบกกับเพื่อนๆ
ชึ่งสมัยนั้นจัดสอบที่มหาลัยรามคำแหง
กรุงเทพเมื่อก่อนรถติดมาก
หลังจากสอบเสร็จเพื่อนๆต่างพากันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดกันก่อน ยกเว้นผมที่ตัดสินใจจะหางานทำที่กรุงเทพต่อเลยดีกว่า เพราะคิดว่าหาเงินเรียนเองที่รามคำแหงต่อไม่อยากเป็นภาระให้กับพ่อแม่ที่ยังต้องส่งน้องชายผมอีกคน
ช่วงแรกผมพักอาศัยอยู่กับพวกน้าๆและคนในหมู่บ้านเดียวกันที่มาขายไอศครีมอยู่แถวบางเขน และมาเช่าบ้านหลังใหญ่อยู่รวมกัน ในซอยพหลโยธิน 35 หลังโรงเรียนไทยวิจิตศิลป์นั่นเอง
ซอยพหลโยธิน 35 เมื่อก่อนเดินเข้าออกทุกวัน
งานแรกที่ผมได้ทำ นึกถึงทีไร ยังขำตัวเองไม่หาย ก็คือ พนักงานนักจัดรายการ ของห้างแห่งหนึ่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ขำเพราะอ่านจากประกาศรับสมัครที่ติดไว้ว่า ตำแหน่งพนักงานนักจัดรายการ ทำให้ผมคิดว่าน่าจะเป็น คนเปิดเพลง หรือ นักจัดรายการเพลงในห้าง แต่พอได้ทำจริงๆแล้วคือ
พนักงานจัดรายการขายของตอนที่เขามีส่วนลดหรือเรียกว่า ราคาเซลล์นั่นเอง หน้าที่จริงก็คือ เพ็กของ แบกของ บริการส่งของถึงรถลูกค้าเลยก็ว่าได้
ผมทำงานมาสักระยะก็ได้เลื่อนตำแหน่งมาทำหน้าที่ในการจัดพื้นที่ขายของให้กับ พีชี ของแต่ละบริษัทที่ส่งมาขายสินค้า หรือพนักงานขายสินค้าในกะบะโดยจัดเป็นโซนให้ขายติดๆกันเพื่อความสะดวกของลูกค้าที่จะได้มาเดืนช้อปปิ้ง ชึ่งพีชีของแต่ละบริษัทก็ต่างจะหมุนเวียนกันไปตามห้างต่างๆด้วย
เพื่อนที่ผมสนิทมาก และทำอยู่ในแผนกเดียวกันคือสมจิตชึ่งเป็นคนภาคอีสาน ด้วยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนต่างจังหวัดเหมือนกันเราเลยสนิทกันมาก
หลังเลิกงานจึงมักจะไปเที่ยวต่อด้วยกันเสมอๆ
และในเช้าวันหนึ่งผมก็ได้พบกับ ละมัย ชึ่งเป็นพีชีมาใหม่ของบริษัทขายชุดชั้นในแห่งหนึ่ง ละมัย เป็นผู้หญิงผิวขาว ผมหยักโศก ตาโต ขนตางอนยาว ชึ่งถือว่าเป็นคนหน้าตาดีเลยทีเดียว ที่สำคัญเป็นคนยิ้มเก่งและอัธยาศัยดี จึงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน รวมทั้งผมด้วยคนหนึ่งละ
ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมก็มักพูดคุยและจะเทคแคร์ละมัยเป็นพิเศษอยู่เสมอ พักเที่ยงก็จะพักพร้อมกันเพื่อที่จะได้ทานข้าวด้วยกัน เลิกงานก็จะเดินไปส่งขึ้นรถเมล์กลับบ้าน จนเราเริ่มสนิทกันและเป็นแฟนกัน
วันหยุดผมมักจะชวนละมัยไปเที่ยวบ้าง ดูหนังบ้าง บางทีก็นัดทานเข้าต้มตอนหลังเลิกงาน
เพราะช่วงหลังละมัยต้องย้ายไปประจำห้างอื่นด้วยทำให้มีเวลาเจอกันได้น้อยลงมาก เพราะทำงานห้างกว่าจะเลิกงานก็สามสี่ทุ่ม แต่เราก็นัดเจอกันเมื่อมีโอกาสทุกครั้ง ช่วงนั้นถือว่าเราสองคนมีความสุขมากที่ได้ดูแลกัน ถึงแม้จะคบกันได้ไม่นานก็ตามที
อาจเป็นเพราะเรามาจากต่างจังหวัดทั้งคู่ จึงรู้สึกโดดเดี่ยวในเมืองใหญ่อย่างนี้ การที่ได้มีใครสักคนที่ดูแลกันจึงยิ่งทำให้เราผูกพันธุ์กันมากยิ่งขึ้น
เราคบกันได้สักสามเดือนกว่าจึงตัดสินใจ ที่เช่าห้องอยู่ด้วยกัน เพราะอย่างน้อยหลังเลิกงานก็ยังได้เจอหน้าพูดคุยกันบ้าง
ผมเช่าห้องแถวหลังห้างใกล้ที่ทำงานอยู่ชึ่งเป็นหลังตลาดใกลัๆกับโรงหนัง หลังจากได้ห้องแล้วเราก็นัดหยุดตรงกันเพื่อจะได้ย้ายเข้าห้องใหม่พร้อมกัน
วันที่ย้ายห้องข้าวของเราสองคนไม่มีอะไรมาก ละมัย จึงชวนผมไปชื้อของใช้ที่จำเป็น จำได้เลยว่าเราชื้อได้พัดลมมาตัวหนึ่ง ละมัยเลือกชื้อเตารีด และกาน้ำร้อนอีกใบ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน และพร้อมจะสร้างครอบที่อบอุ่นด้วยกัน เราคุยกันหลายเรื่องวางแผนเรื่องโน้นเรี่องนี้ด้วยกันจนเผลอหลับไปทั้งคู่ ช่วงนั้นผมรู้สึกมีความสุขมากๆ
หลังเลิกงานผมก็จะเดินไปรอรับละมัยที่ป้ายรถเมย์เพื่อรอกลับห้องด้วยกัน ระหว่างทางก็จะแวะชื้อกับข้าวไปกินด้วยกัน บางคืนเราก็ช่วยกันชักผ้าไว้ด้วย
เพราะกลางวันแทบไม่มีเวลาเลย ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานเพราะอยู่กันคนละห้าง ช่วงกลางคืนหลังเลิกงานจึงเป็นช่วงที่เรามีความสุขที่สุดก็ว่าได้
แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเกตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
มาจนได้
#ฝากติดตามอ่านต่อ ep.2 นะครับ
#ขอบคุุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม
#ขอบคุณสำหรับกดติดตาม กดไลด์ กดแชร์ ครับ
โฆษณา