23 มิ.ย. 2020 เวลา 15:30 • ประวัติศาสตร์
จักรพรรดิชาร์ลที่ 5 ผู้พบเจอ
แต่ความอิรุงตุงนังในชีวิต
จักรพรรดิชาร์ลที่ 5 ผู้เกรียงไกรแห่งจักรววรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
หากพูดถึงจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว นอกจากจักรพรรดิชาร์ลเลอมาญที่เป็น
ผู้สถาปนาและ จักรพรรดิฟรีดิช บาร์บาร์รอสซ่าแล้ว แทบไม่มีจักรพรรดิองค์ใดที่แข็งแกร่งเลย
1
จักรพรรดิฟรีดิช บาร์บาร์รอสซ่าและจักรพรรดิชาร์ลเลอมาญ
แต่ในศตวรรษที่ 16 จะมีจักรพรรดิผู้หนึ่ง
ซึ่งเกรียงไกรที่สุดในยุโรป ซึ่งจะครอบครองดินแดนทั้งสเปน ฮอลแลนด์ เบลเยี่ยม เยอรมนี ออสเตรีย และโบฮีเมีย ครอบคลุมถึง 9 ประเทศในยุโรป
เขาคือ จักรพรรดิชาร์ลที่ 5
พระราชวังที่เป็นสถานที่ประสูติของจักรพรรดิชาร์ลสที่ 5
จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 ถือกำเนิดที่เมืองเกนท์ ประเทศเบลเยี่ยมในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1500
1
ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าฟิลิเป้ที่ 1
แห่งคาสติล และพระนาง ฮวนนา เดอะ แมด
แน่นอนว่าพระองค์มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ทั้งสเปน
และจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยผ่านทาง
สายทั้งบิดาและมารดาโดยเงื่อนไขต่อไปนี้
พระเจ้าฟิลิเป้ที่ 1 แห่งคาสติล และพระนาง ฮวนนา เดอะ แมด
1.พระองค์มีสิทธิ์บนบัลลังก์สเปนโดยทางสายพระมารดา โดยพระนางฮวนนาเป็นพระราชธิดาของพระนางอิสซาเบลล่าแห่งคาสติลและพระเจ้า
เฟอร์ดินานด์แห่งอารากอน
1
2.พระองค์มีสิทธิ์บนบัลลังก์จักรวรรดิโรมัน
อันศักดิ์สิทธิ์ โดยทางสายพระราชบิดาโดย
พระเจ้าฟิลิเป้ที่ 1 แห่งสเปนทรงเป็นพระราชโอรสของจักรพรรดิแม็กซิมิเลี่ยนที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
พระนางอิสซาเบลล่าแห่งคาสติลสวรรคตในปี
ค.ศ. 1506 ในพินัยกรรมของพระนางได้ยกราชสมบัติคาสติลให้เจ้าชายชาร์ลสหรือคาร์ลอสผู้เป็นพระราชนัดดา โดยให้พระเจ้าเฟอร์ดินานด์แห่ง
อารากอนเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่พระเจ้า
เฟอร์ดินานด์กลับให้ เจ้าชายฟิลลิปรูปงาม
ผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าชายชาร์ลส์ครองราชย์แทนเป็นพระเจ้าฟิลิเป้ที่ 1 แห่งคาสติล
พระนางอิสซาเบลล่าแห่งคาสติลและพระเจ้าเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอน
แต่เมื่อ พระเจ้าฟิลิเป้สวรรคตในปีเดียวกัน
พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ กลับให้ พระนางฮวนนา
เป็นกษัตริย์แทน และจับพระนางฮวนนา
ไปขังในสำนักชี เสียอย่างนั้น และพระเจ้า
เฟอร์ดินานด์ ก็สถาปนาตนเป็นผู้สำเร็จราชการแทน จนถึงปี ค.ศ. 1516
ระหว่างนั้น เจ้าชายชาร์ลส์หรือคาร์ลอสได้กลับไปที่
เบอร์กันดีและเรียนรู้ศิลปวิทยาการในยุคเรเนซองก์มากขึ้น จนถึงปี 1516 พระเจ้าเฟอร์ดินานด์สวรรคต พระองค์ได้เป็นกษัตริย์สเปน
พระเจ้าชาร์ลสที่ 5 เดินทางจากเกนต์ มาถึงสเปน
ในปี ค.ศ.1517 โดยระหว่างนี้ที่สเปนผู้สำเร็จราชการคือ สังฆราช จิมิเนส เมื่อพระองค์เดินทางมาถึงสเปนพระองค์พบปัญหาทันที คือ
1
อภิสิทธิ์ชนในแคว้นคาตาโลเนีย
1. การปกครองในแคว้นต่างๆของสเปนนั้น มีความแตกต่างกันอย่างมาก แคว้นคาสติลนั้น พระองค์
มีอำนาจเต็มที่ แต่แคว้นอารากอน คาตาโลเนีย และ นาวาร์ นั้นไม่ใช่ เพราะแคว้นเหล่านี้มีระบอบอภิสิทธิ์ หรือฟูเอรอส (Fueros) อยู่ซึ่งมีอำนาจตรวจสอบกษัตริย์ได้ คล้ายๆกับที่อังกฤษ
2.ชาวสเปนมองว่าพระองค์เป็นชาวต่างชาติ
เพราะพระองค์เกิดในเบลเยี่ยมและพระองค์ตรัสภาษาสเปนไม่ได้ดีนัก ทำให้ชาวสเปนมองพระองค์ไม่ดีสักเท่าไร
แขกมัวร์ที่ครั้งหนึ่งเคยยึดดินแดนสเปนได้
อย่างไรก็ดี พระองค์ก็ทรงเป็นคนเคร่งศาสนา
เหมือนกับชาวสเปน ทำให้ชาวสเปนเริ่มนิยม
ในตัวพระองค์มากขึ้น เพราะพระองค์มีนิสัยคล้ายชาวสเปน (ชาวสเปนเคร่งศาสนาเพราะตัวเอง
ต้องทำสงครามครูเสดกับพวกมัวร์ ที่เรียกกันว่า
รีควิสต้า อยู่ถึง 760 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.732 -1492
ซึ่งนิสัยนี้จะติดอยู่กับคนสเปนจนถึงทุกวันนี้)
1
พระเจ้าชาร์ลสในวัย 17 พรรษาก็ต้องแก้ปัญหา
ในสเปน โดยเฉพาะความขัดแย้งที่มีมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์คาทอลิก (พระเจ้าเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอนและพระนางอิซาเบลลา แห่งคาสติล)
ที่ยังแก้ไขไม่ลุล่วง
จักรพรรดิแมกซิมิเลียนที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
จนถึงปี 1519 เหตุการณ์ร้ายแรงจะเกิดขึ้นใน
อีกฟากของยุโรปที่ราชสำนักของจักรวรรดิโรมัน
อันศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิแมกซิมิเลียนที่ 1
พระราชอัยกาของพระเจ้าชาร์ลสเสด็จสวรรคต
ที่พระราชวังในเวียนนา ออสเตรีย และแน่นอนว่า
จะมีการเรียกประชุมผู้คัดเลือกจักรพรรดิอีกครั้ง
ซึ่งมีคู่แข่งทั้งหมด 3 คน ในการชิงตำแหน่งคราวนี้ คือ
1. พระเจ้าชาร์ลสหรือคาร์ลอสที่ 1 แห่งสเปน
พระราชนัดดาของจักรพรรดิแมกซิมิเลียน
2. พระเจ้าฟรังซิสที่ 1 แห่ง ฝรั่งเศส
3. พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่ง อังกฤษ
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่ง อังกฤษ และ พระเจ้าฟรังซิสที่ 1 แห่ง ฝรั่งเศส
แต่จักรพรรดิแมกซิมิเลียนได้เตรียมการณ์ก่อนสวรรคตได้แล้ว ซึ่งจะเป็นรากฐานให้ราชวงศ์
แฮปสเบิร์กครองอำนาจในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ไปอีก 290 ปี โดยพระองค์ได้ติดต่อให้
โจฮัน ยาคอบ ฟุกเกอร์ นักธนาคารชาวยิว
ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารฟุกเกอร์ ซึ่งว่ากันว่ารวยที่สุดในโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทำการติดสินบน
ผู้คัดเลือกจักรพรรดิทั้ง 7 คน ให้เลือกฝั่งพระเจ้าคาร์ลอสที่ 1 ให้เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน
อันศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ โดยพระองค์จะมอบเหมืองเงินที่ ออกสเบิร์ก เป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารฟุกเกอร์
แต่เพียงผู้เดียว เป็นรางวัลในครั้งนี้
โจฮัน ยาคอบ ฟุกเกอร์ นักธนาคารชาวยิว ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารฟุกเกอร์ ซึ่งว่ากันว่ารวยที่สุดในโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 16
ซึ่งแน่นอนว่าผลออกมาคือ พระเจ้าคาร์ลอสที่ 1
ได้เป็น จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และสถาปนาตนเป็น จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 แห่งราชวงศ์แฮปสเบิร์ก ซึ่งพระองค์จะครอบครองดินแดนในยุโรปถึง 1 ใน 4 ทั้ง ฮอลแลนด์ เบลเยี่ยม
ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี ลิกเทนสไตน์ ออสเตรีย ฮังการี เชก อิตาลีตอนเหนือ และ สเปน
ดินแดนในครอบครองของจักรพรรดิชาร์ลสที่ 5
ปัญหาในสเปนที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า แต่ละแคว้นในสเปนไม่ได้มีเอกภาพที่แท้จริง นับแต่การรวมชาติสเปน ในสมัยของกษัตริย์คาทอลิก ในปี ค.ศ.1469 โดยเฉพาะปัญหาของอภิสิทธิ์ชน
ในแคว้น คาทาโลเนีย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่พระองค์ต้องประสบตลอดรัชสมัยและมันจะทำให้เกิด
กบฏคอมมูนขึ้นในปี ค.ศ.1524
2
พวกอภิสิทธิ์ชนหรือ ฟูเอรอสในสเปนที่เป็นสาเหตุของกบฎคอมมูน
ซึ่งแน่นอนว่า พระองค์พยายามเรียกร้องทหารมาจากแคว้นอารากอน แต่ไม่ได้ผล แคว้นอารากอน
ไม่ส่งอะไรมาช่วยพระองค์เลย
ทำให้พระองค์ตัดสินใจใช้ทหารจากคาสติล และ โลว์แลนด์ มาปราบปรามกบฏคอมมูนในคาทาโลเนีย และ แคว้นบาสก์ อย่างเด็ดขาด แต่กบฏคอมมูนนี้
จะส่งผลกับสเปนดังนี้
พระเจ้าฟิลิเป้ที่ 5 ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บองในสเปน
1.แคว้นคาสติลต้องแบกรับภาระหนักในเรื่อง ภาษี และ กองทหาร ซึ่งกว่าจะแก้ไขได้สำเร็จต้องรอไปจนถึงรัชสมัยพระเจ้าฟิลิเป้ที่ 5 ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บองในสเปน
2. แคว้นต่างๆยังคงอำนาจของฟูเอรอสได้ต่อไป ทำให้สร้างปัญหาในการปกครองให้กับพระองค์
ดังนั้น พระองค์จึงไม่ค่อยอยู่ที่สเปน พระองค์กลับไปอยู่ที่เบอร์กันดีเป็นหลักมากกว่า
จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 ทรงพบปัญหาใหญ่อีกครั้ง
ในแผ่นดินเยอรมัน ก็คือ ระหว่างที่พระองค์มัวแต่ยุ่งอยู่กับปัญหาในสเปนและปัญหาสงครามฟรังโก-
สแปนิช ในปีค.ศ. 1521-1526 ซึ่งสเปนชนะอย่างเด็ดขาดที่สมรภูมิปาเวีย เมื่อ ยอร์ช ฟอน ฟรันเบิร์ก
แม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ สามารถจับเอาพระเจ้าฟรังซิสที่ 1 มาเรียกค่าไถ่
ได้สำเร็จ (ยอร์ช ฟอน ฟรันเบิร์ก ถูกเรียกกันว่า
เป็นอัศวินคนสุดท้ายของยุโรป)ทำให้มีชายผู้หนึ่งซึ่งเป็นพระในนิกายออกัสติน ได้ติดประกาศ
ด่าโป๊ป 95 ข้อ ที่วิหารแห่งเมือง วิทเทนเบิร์ก
ในแคว้นแซกโซนี่ ในปี ค.ศ. 1525 ชายผู้นั้นคือ
มาร์ติน ลูเธอร์
ยอร์ช ฟอน ฟรันเบิร์ก และ มาร์ติน ลูเธอร์
ในตอนนั้น เกิดความแตกแยกในเยอรมัน เพราะ ใครๆก็อยากยึดอำนาจจากวัดกันทั้งนั้นและสิ่งนี้
จะทำให้เกิดนิกายโปรแตสแตนท์ และเป็นโอกาสให้ศัตรูจากภายนอกมาบุกเยอรมนีนั่นก็คือ
สุลต่านสุไลมานแห่งจักรวรดิออตโตมัน
สุลต่านสุไลมานแห่งออตโตมัน
สุลต่านสุไลมานบุกเวียนนาในปี ค.ศ. 1529
เป็นศึกที่จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 เอาชนะได้อย่างยากลำบาก เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่ที่สเปนระหว่างที่เกิดศึกที่เวียนนาและทหารออตโตมัน ยกกองทัพมาเกือบ 2 แสนคน สู้กับทหารสเปนและทหารเยอรมันจำนวน 17,000 คน แต่ฝ่ายจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ชนะอย่างเด็ดขาดเพราะการตั้งรับที่ดีและออตโตมันขาดเสบียงจึงตัดสินใจถอยทัพกลับ
คณะที่ปรึกษาของจักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 ในสงครามกับออตโตมัน
แต่ผลจากสงครามครั้งนี้ทำให้พระองค์พบปัญหาว่า
ดินแดนเยอรมันไม่ได้เคารพในพระองค์เหมือนเดิมแล้ว
จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 ทรงพบปัญหาตลอดรัชสมัย
ในแผ่นดินเยอรมนีเพราะเราต้องไม่ลืมว่า แม้ว่า
ดินแดนเยอรมันจะตกอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แต่จักรพรรดิ
ไม่ได้มีอำนาจจริงจังอะไร เพราะดินแดนเกือบทั้งหมดมีเจ้าผู้ครองรัฐกว่า 200 รัฐในเยอรมนีที่มีอิสระในการปกครองตนเองค่อนข้างมาก
ซึ่งจักรพรรดิมีอำนาจกับแค่รัฐเล็กๆเท่านั้น
เมื่อเป็นรัฐใหญ่ๆแล้ว จักรพรรดิก็ลำบากใจ
สัญญาสันติภาพออกสเบิร์ก
อย่างที่กล่าวไปว่า ผลจากการปฏิรูปศาสนาทำให้คณะผู้คัดเลือกจักรพรรดิทั้ง 7 คน แบ่งเป็น 2 ฟาก คือ คาทอลิกกับโปรแตสแตนท์ ทำให้การดำเนินนโยบายของจักรพรรดิผู้เคร่งในศาสนาอย่าง
ชาร์ลสที่ 5 ต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะความพยายามในการตั้งศาลศาสนาขึ้นในเยอรมนี ประสบกับความล้มเหลวและสิ่งนี้จะเกิดสงครามระหว่างคาทอลิกกับโปรแตสแตนท์ขึ้นซึ่งเรียกกันว่า สงครามสันนิบาต (ค.ศ.1546-1555) ซึ่งเป็น
การทำสงครามระยะสั้นๆ แต่ก็จะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่ใหญ่กว่าในศตวรรษหน้าคือ สงคราม 30 ปี
ผลจบลงด้วยการเสมอกันและทำสัญญา สันติภาพแห่งออกสเบิร์กขึ้นและเป็นการยอมรับใน
นิกายลูเธอรัน ว่าถูกต้องตามกฎหมาย
คนเยอรมันกำลังท้าทายศาลศาสนา
สงครามครั้งนี้ทำให้จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 เห็นว่าพระองค์จะไม่สามารถรักษาดินแดนที่กว้างใหญ่ได้โดยพระองค์เอง และพระองค์ทรงเบื่อหน่าย
ในการพบปัญหามาตลอด 40 กว่าปี
ทำให้พระองค์ตัดสินใจสละราชสมบัติและแบ่งดินแดนเป็น 2 ส่วนดังนี้
1
1.ดินแดนเนเธอร์แลนด์ สเปน และโลกใหม่ พระองค์มอบให้ เจ้าชายฟิลิเป้ พระราชโอรส
ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปน
2. ดินแดนเยอรมนีทรงมอบให้ เจ้าชายเฟอร์ดินานด์ พระราชอนุชาซึ่งต่อมาเป็น จักรพรรดิเฟอร์ดินานด์
ที่ 2 แห่งออสเตรียและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
พระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปนและจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งออสเตรียและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
พระองค์จึงตัดสินใจสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1556 และทรงออกผนวชเป็นบาทหลวงในวิหารที่สเปนและเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1557 รวมพระชนมายุ 57 พรรษา
สิ่งที่จักรพรรดิชาร์ลสที่ 5 ทรงทิ้งไว้เบื้องหลังประกอบด้วย
1.ทรงทิ้งดินแดนโลกใหม่ที่ทหารของพระองค์
ทั้ง คอร์เตซและปิซาร์โร ไปพิชิตดินแดนทั้ง
แอสเทคและอินคา ทำให้สเปนมีอาณานิคมที่
กว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง
ฟรานซิสโก ปิซาร์โรและเออร์นันด์ คอร์เตซ
2.ทรงทิ้งปัญหาไว้ในเยอรมนี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องศาสนาซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไป จนเกิดสงครามศาสนาครั้งสุดท้ายนั่นก็คือ สงคราม 30 ปี
สงคราม 30 ปี
3. ทรงสามารถป้องกันไม่ให้ออตโตมันเข้าสู่ยุโรปตอนในได้สำเร็จ ส่งผลให้ออตโตมันไปสนใจทะเลเมอร์ดิเตอเรเนียนแทน
4. ทรงทิ้งปัญหาหนี้สินทำให้สเปนต้องใช้เกือบ
200 ปี ในการแก้ไขปัญหานี้
ขอให้คุณผู้อ่านสนุกกับบทความนี้นะครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา