25 มิ.ย. 2020 เวลา 12:27 • ประวัติศาสตร์
• การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวบอสเนีย
โศกนาฏกรรมแห่งชาวบอสเนีย
เด็กและคนชราชาวบอสนีแอก ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองบอสเนีย
เมื่อพูดถึงเรื่องราวของเหตุการณ์การสังหารหมู่ (Massacre) ที่สร้างความสั่นสะเทือนและรุนแรงมากที่สุดแล้ว หลายๆ คนจะต้องนึกถึงเรื่องราวของการสังหารหมู่ชาวยิว (Holocaust) โดยฝีมือของนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน
2
แต่สำหรับในบทความนี้ จะขอพูดถึงเรื่องราวของการสังหารหมู่ที่มีความรุนแรงและสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ เหตุการณ์ที่ขึ้นชื่อว่ารุนแรงมากที่สุดหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุการณ์นี้รู้จักกันในชื่อ
การสังหารหมู่สเรเบรนีตซา
(Srebrenica Massacre)
1
การสังหารหมู่ชาวบอสเนีย ในช่วงสงครามกลางเมืองบอสเนีย
ชาวบอสเนียร่ำไห้ต่อหน้าหลุมศพของผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์สังหารหมู่สเรเบรีตซา
ต่อจากนี้ไป จะขอนำพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปยังจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งแห่งสงครามกลางเมืองบอสเนีย
โดยจะขอเริ่มต้นที่เรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของประเทศยูโกสลาเวีย (Yugoslavia) และความขัดแย้งบริเวณดินแดนแห่งนี้กันก่อน...
1
• ยูโกสลาเวีย : ชาติคอมมิวนิสต์แห่งยุโรปตะวันออก
ธงชาติของยูโกสลาเวีย
ยูโกสลาเวีย (Yugoslavia) คืออดีตประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณแถบคาบสมุทรบอลข่าน (Balkan Peninsula) ทางยุโรปตะวันออก ยูโกสลาเวียถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1919 ภายหลังการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1
1
โดยเดิมทียูโกสลาเวีย เคยปกครองภายใต้ระบอบกษัตริย์ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1943 นายพล ยอซีป บรอซ ตีโต (Josip Broz Tito) ได้สถาปนายูโกสลาเวียภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์แทน
และนับแต่นั้นมา ยูโกสลาเวียก็กลายเป็นชาติมหาอำนาจคอมมิวนิสต์ทางยุโรปตะวันออก โดยมีสหภาพโซเวียตพี่ใหญ่ของชาติคอมมิวนิสต์ เป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญ
• ยูโกสลาเวีย : ดินแดนแห่งความหลากหลายชาติพันธุ์
สำหรับภายในดินแดนของยูโกสลาเวียนั้น ประกอบไปด้วยกลุ่มคนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งด้วยความแตกต่างทางด้านเชื้อชาตินี้เอง ที่จะกลายเป็นสาเหตุสำคัญของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...
2
โดยประเทศยูโกสลาเวีย ประกอบไปด้วย 6 สาธารณรัฐ และ 2 ดินแดนปกครองตัวเอง อันได้แก่
แผนที่ของยูโกสลาเวีย อันประกอบไปด้วย 6 สาธารณรัฐ และ 2 ดินแดนปกครองตนเอง
• 6 สาธารณรัฐแห่งยูโกสลาเวีย
- สโลวีเนีย (Slovenia) 🇸🇮
- โครเอเชีย (Croatia) 🇭🇷
- บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina) 🇧🇦
- เซอร์เบีย (Serbia) 🇷🇸
- มอนเตเนโกร (Montenegro) 🇲🇪
- มาชิโดเนีย (Macedonia) 🇲🇰
ซึ่งแต่ละสาธารณรัฐนี้ ต่างมีรัฐบาลเป็นของตัวเอง แต่ทั้งหมดจะต้องขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของยูโกสลาเวีย ซึ่งตั้งอยู่ในเซอร์เบีย
• 2 ดินแดนปกครองตนเอง ซึ่งอยู่ภายในเซอร์เบีย
- ดินแดนวอยโวดิน่า (Vojvodina)
- ดินแดนโคโซโว (Kosovo)
• ยูโกสลาเวียล่มสลาย และกำเนิดสงคราม
รูปปั้นของวลาดิเมียร์ เลนิน ผู้ก่อตั้งสหภาพโซเวียต ถูกทุบทำลาย
เมื่อสหภาพโซเวียตถึงกาลล่มสลายลงในปี ค.ศ.1991 ได้ทำให้บรรดาชาติคอมมิวนิสต์ต่างๆ ภายในทวีปยุโรปก็ได้ล่มสลายตามไปด้วย ซึ่งก็รวมไปถึงยูโกสลาเวีย
บรรดาสาธารณรัฐและดินแดนต่างๆ ในยูโกสลาเวีย ต่างเรียกร้องที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง และแยกตัวเป็นประเทศเอกราชออกจากยูโกสลาเวีย
โดยในปีเดียวกันนั้น สโลวีเนียและโครเอเชียได้ประกาศแยกตัวออกจากยูโกสลาเวีย ทำให้เซอร์เบียซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจของยูโกสลาเวีย ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งนำไปสู่สงครามยูโกสลาเวีย (Yugoslav War) ระหว่างเซอร์เบียกับบรรดาดินแดนที่เรียกร้องเอกราช ซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ.1991 จนสิ้นสุดลงในปี ค.ศ.2001
ทหารเซอร์เบียระดมยิงปืนใหญ่ใส่โครเอเชีย
โดยหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในสงครามยูโกสลาเวีย ก็คือสงครามกลางเมืองบอสเนีย (Bosnian War) ที่นำไปสู่การสังหารหมู่ชาวบอสเนียนั้นเอง
• ความแตกแยกในบอสเนียฯ
ในปี ค.ศ.1992 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ก็ได้ประกาศแยกตัวจากยูโกสลาเวีย ซึ่งการแยกตัวในครั้งนี้ ได้กลายเป็นชนวนเหตุสำคัญของความขัดแย้งภายในประเทศ อันเกิดมาจากความขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติภายในบอสเนียฯ เอง
แผนที่ชาติพันธุ์ในดินแดนบอสเนียฯ โดยสีแดง คือชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ สีเขียว คือ ชาวบอสนีแอก และสีน้ำเงิน คือ ชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต
โดยภายในบอสเนียฯ นั้น ประกอบไปด้วยประชากร 3 เชื้อชาติหลัก คือ
- ชาวบอสนีแอก (Bosniaks) คือ ชาวบอสเนียที่นับถือศาสนาอิสลาม
- ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ คือ ชาวบอสเนียที่มีเชื้อสายเซอร์เบีย
- ชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต คือ ชาวบอสเนียที่มีเชื้อสายโครเอเชีย
โดยประชากรทั้ง 3 กลุ่มนี้ ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าอนาคตของบอสเนียฯ จะเป็นเช่นไรต่อไป โดยชาวบอสนีแอกต้องการที่จะเป็นประเทศอิสระของตนเอง
3
ขณะเดียวกันชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บต้องการให้บอสเนียฯ เข้าร่วมกับเซอร์เบีย
แต่ในขณะที่ชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต ต้องการให้บอสเนียฯ เข้าร่วมกับโครเอเชีย
ในที่สุดเมื่อความขัดแย้งไม่สามารถหาข้อยุติได้ สงครามกลางเมืองบอสเนีย จึงเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1992
2
• โศกนาฏกรรมแห่งชาวบอสเนียฯ
นับแต่นั้นมา ดินแดนบอสเนียฯ ก็เต็มไปด้วยไฟของสงคราม ความรุนแรงและสูญเสียเกิดขึ้นไปทุกหย่อมหญ้า
ครอบครัวชาวบอสนีแอก หลบหนีจากภัยสงคราม
ในสงครามนั้น ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเซอร์เบีย ส่วนชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอตก็ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพโครเอเชีย แต่สำหรับชาวบอสนีแอกแล้ว พวกเขาต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวและไม่ได้รับการสนับสนุนจากชาติใดๆ เลย
ทหารบอสเนียเชื้อสายโครแอต
สงครามกลางเมืองบอสเนียดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ ที่รุนแรงโหดร้ายทารุณมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
นั้นก็คือ เหตุการณ์การสังหารหมู่สเรเบรนีตซา (Srebrenica massacre) ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1995
สภาพของนักโทษชาวบอสนีแอก ที่ถูกกักขังในค่ายกักกัน
ณ เมืองสเรเบรนีตซา (Srebrenica) ทางตะวันออกของบอสเนียฯ ดินแดนแห่งนี้อยู่ภายใต้การยึดครองของกองกำลังบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ภายใต้การนำของ นายพล รัตโก มลาดิช (Ratko Mladić)
รัตโก มลาดิช ผู้บัญชาการทหารกองกำลังบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ
มลาดิช และนายพลระดับสูงของฝ่ายกองกำลังบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ
ในช่วงเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1995 ทหารบอสเนียเชื้อสายเซิร์บได้ทำการสังหารหมู่ชาวบอสนีแอกอย่างโหดร้ายทารุณ เด็ก สตรี คนชรา ล้วนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมเลือดเย็น...
เหตุการณ์สังหารหมู่ชาวบอสนีแอก ในเมืองสเรเบรนีตซานี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 8,000 คน นับเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่รุนแรงมากที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
โครงกระดูกผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์สังหารหมู่
สงครามกลางเมืองบอสเนีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 แสนคน โดยมากกว่า 60% เป็นชาวบอสนีแอก
ท้ายที่สุดสงครามกลางเมืองบอสเนีย ก็ได้สิ้นสุดลงในปลายปี ค.ศ.1995 เมื่อกองกำลังของสหประชาชาติได้เข้าไปควบคุมความสงบในดินแดนบอสเนียฯ
กองกำลังสหประชาชาติ เข้าช่วยเหลือชาวบอสนีแอก ในเมืองสเรเบรนีตซา
สหประชาชาติได้เข้าไปยุติความขัดแย้งในบอสเนียฯ และเกิดการเจรจาระหว่างทั้ง 3 ฝ่ายขึ้น
โดยได้ข้อสรุปว่า ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บสามารถตั้งเขตปกครองตนเองภายในดินแดนของบอสเนียฯได้ ในชื่อ "สาธารณรัฐเซิร์ปสกา" (Republic Srpska)
ส่วนชาวบอสนีแอก และชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต จะอยู่รวมกันภายใต้ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาตามเดิม
แผนที่ของบอสเนียฯ ภายหลังสิ้นสุดสงคราม โดยแบ่งพื้นที่เป็นสาธารณรัฐเซิร์ปสกา (สีส้ม) กับดินแดนของชาวบอสนีแอก กับชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต
• ผลที่ตามมา
หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองบอสเนีย เหล่าผู้บัญชาการทหารของพวกบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ และบอสเนียเชื้อสายโครแอต ล้วนถูกศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court) ตั้งข้อหาอาชญากรสงคราม และข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
หลายคนเลือกที่จะตายก่อนที่จะถูกจับ บ้างส่วนหลบหนีแต่สุดท้ายก็ถูกทางการจับกุมตัวได้ บางส่วนยังคงชดใช้กรรมในคุกตลอดชีวิต...
รัตโก มลาดิช (ซ้าย) กับราดอวาน คาราจิช สองนายพลคนสำคัญ ผู้สั่งการให้ทำการสังหารหมู่
- นายพล รัตโก มลาดิช ผู้บัญชาการทหารชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ และผู้นำในการสั่งการสังหารหมู่สเรเบรนีตซา ถูกตัดสินโทษในจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี ค.ศ.2017
- นายพล ราดอวาน คาราจิช อีกหนึ่งผู้บัญชาการคนสำคัญของชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ถูกตัดสินโทษจำคุก 40 ปี เมื่อปี ค.ศ.2016
2
สโลโบดาน ปราลยัค ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย ในขณะที่ขึ้นศาล ในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
- นายพล สโลโบดาน ปราลยัค ผู้บัญชาการทหารของชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต และมีส่วนเกี่ยวข้องในการสังหารหมู่ชาวบอสเนีย ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เมื่อปี ค.ศ.2017 แต่ปราลยัคได้ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายในขณะอยู่ที่ศาล จนเสียชีวิตลงในท้ายที่สุด
ชาวบอสเนียแอกต่างสาปแช่งปราลยัค ตรงข้ามกับชาวโครเอเชีย ที่ยกย่องปราลยัคเปรียบเสมือนเป็นวีรบุรุษ
เหตุการณ์สังหารหมู่สเรเบนีตซา จึงเป็นโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญของชาวบอสเนีย ที่ยากจะลืมเลือนจวบจนถึงทุกวันนี้ เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณที่มนุษย์พึงกระทำด้วยกันเอง เพียงเพราะว่าพวกเขามีเชื้อชาติ ศาสนา และแนวคิด ที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง...
หญิงชาวบอสนีแอก ร่ำไห้ต่อรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมด จากการสังหารหมู่สเรเบนีตซา
** ขอบคุณแหล่งข้อมูล
#HistofunDeluxe
โฆษณา