26 มิ.ย. 2020 เวลา 05:13 • ท่องเที่ยว
ตอน เรื่องเล่าจากจากอดีต
ลูกเรือ Carnival Cruise
วันนี่จะพามารู้จัก พี่แนตตี สาวไทย ที่ใช้ภาษาอังกฤษและความกล้าเป็นอาวุธ รู้จักกับพี่แนตตี่ ตอนไปเรียน STCW ด้วยกันที่ ศรีราชา
ตอนนี่พี่แนตตี่ได้ทำงานที่ The venetian ในเกาะมาเก๊า ชื่อจริงพี่เขาชื่อ 'แนต ปิติภรณ์ ธนกุลดิลก'
เธออายุ 31 ปี เกิดและโตที่กรุงเทพฯ เรียนจบ ม.6 ใฝ่รู้และเห็นว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสำคัญ ผ่านอาชีพมาหลากหลายและกล้าเผชิญกับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยไม่เกรงกลัว หากมันทำให้เธอได้พัฒนาตัวเอง..
อดเรียน ป.ตรี เพราะไม่มีเงิน
วิกฤตเศรษฐกิจในช่วงต้มยำกุ้ง ราวปี 2540 สร้างความยากลำบากให้กับผู้คนทั้งในไทยและหลายประเทศทั่วโลก ไม่เว้นครอบครัวของ แนต ปิติภรณ์ ที่มีคุณแม่เป็น แม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกๆ 4 พี่น้อง
"กิจการของคุณแม่ล้มละลาย ตอนนั้นแนตเพิ่ง ป.5 ต้องหยุดเรียนมาดูแลน้องชายคนสุดท้องที่เพิ่งคลอดค่ะ ช่วงนั้นคุณแม่เครียดมาก ทุกๆ คนในครอบครัวต้องพยายามเซฟค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด ขึ้นรถเมล์ฟรี ใช้บัตรนักเรียนขึ้นรถเมล์ เอาขวดน้ำไปกรอกน้ำที่โรงเรียนแล้วขนกลับบ้านบ้าง" แนตที่เรียนจบจาก รร.สุรศักดิ์มนตรี เล่า
"ขอทุนการศึกษาที่ รร.ทั้งทุนอาหารกลางวันและทุนค่าเล่าเรียน เลยทุ่นค่าใช้จ่ายให้คุณแม่ไปได้เยอะ"
แม้จะประหยัดขนาดไหน แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายในบ้านมีจำนวนมาก เปิดทางให้น้องๆ ได้เรียนแทน
"ท้อบ่อยมากค่ะ ยิ่งช่วงจบ ม.6 อยากเข้ามหา’ลัยมาก สอบตรงติด ม.รัฐ 2 ที่ แต่ไปไม่ได้เพราะไกล และบ้านไม่มีเงินพอจะให้เช่าหอ เวลาแนตท้อ จะนั่งคิดอะไรคนเดียว ร้องไห้ให้พอ ร้องหนักๆ แล้วก็ตื่น กลับไปสู้ใหม่ ทุกครั้งที่ท้อมากๆ จะคิดว่า ถ้าแม่ทำได้ เราก็ต้องทำได้"
ภาษาอังกฤษที่เธอถูกคุณแม่เฝ้าสั่งสอนตั้งแต่วัยเด็ก กลายเป็นอาวุธสำคัญของชีวิต
"คุณแม่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องภาษามากค่ะ ทุกๆ วัน ก่อนไปโรงเรียนจะต้องท่องศัพท์ ถ้าท่องไม่ได้จะทำโทษ ตอนนั้น บอกตรงๆ ว่าเกลียดกระดาษคำศัพท์เล่มนั้นมาก อยากจะแอบเอาไปทิ้งสุดๆ"
ไม่เคยกลัว พาตัวเองไปเก่ง
"ความไม่มี" นำพาเธอไปสู่โอกาสสร้างรายได้ที่หลากหลาย ไล่ตั้งแต่ ม.ต้น ทำขนม น้ำเต้าหู้ ไปขายที่โรงเรียน ตอนเย็นจะช่วยคุณแม่ทำอาหารใส่ปิ่นโตส่งในหมู่บ้าน ม.ปลาย เข้าทำงานที่สเวนเซ่นส์ (Swensense) สาขาแพลตตินัม และแม็คโดนัลด์ สาขาสตรีวิทยา 1 สาเหตุที่เลือก 2 สาขานี้ เพราะอยากฝึกภาษาอังกฤษ เลยเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่ต้องพบเจอคนต่างชาติ
จบ ม.ปลาย เริ่มรับงานฟรีแลนซ์ ทำทุกอย่างตั้งแต่ สตาฟแจกใบปลิว ได้ค่าจ้าง 500 บาทต่อวัน , ประสานงานโดยใช้ภาษาอังกฤษ , พนักงานสวมมาสคอต ไปจนถึงแดนเซอร์
อายุเริ่มเข้าใกล้เลข 3 กอรปกับคุณแม่ตรวจพบเชื้อมะเร็ง เธอเริ่มมองหางานที่มั่นคงรายได้ดี และอยู่ต่างประเทศเพราะอยากพาแม่ไปท่องเที่ยว กระทั่งสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟบนเรือสำราญที่สหรัฐอเมริกา
"ทั้งชีวิตแม่มัวแต่ทำงานหาเงินให้ลูกๆ ไม่เคยได้ไปเที่ยวไปหาความสุขให้ตัวเองเลยค่ะ ถ้าได้ทำงานนี้ เลยคิดว่าจะมีโอกาสได้พาแม่ไปในที่อยากไปได้
"แนตเริ่มจากหาข้อมูล ด้วยความที่เราไม่มีประสบการณ์งานด้านโรงแรมเลย เลยตัดสินใจไปลงเรียนคอร์สระยะสั้นด้านอาหารและเครื่องดื่ม ค่าเรียนค่อนข้างแพง ใช้เวลา 2 ปีในการทำงานเก็บเงินมาลงเรียนค่ะ"
ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 3 เดือน บวกฝึกงานอีก 3 เดือน เวลานั้น คุณแม่เข้าสู่มะเร็งระยะ 3 ทำให้เธอสัญญากับตัวเองและแม่ว่า "เรียนครั้งนี้แนตจะไม่ทำให้เสียเวลาเปล่าแน่นอน"
เธอทำงานบนเรือสำราญสัญชาติอเมริกา สัมผัสประสบการณ์มากมาย ท่องทะเลในหลายทวีป แบบไม่มีวันหยุดจนครบเวลา 8 เดือน ก่อนกลับมาดูแลคุณแม่ ที่อาการเริ่มทรุดหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทำงานในคาสิโน อย่าทำลายโชคนักพนัน
ปลายปี 2562 เธอตัดสินใจมองหาโอกาสไปทำงานต่างประเทศอีกครั้ง ก่อนได้งานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ 'มาเก๊า' ทำงานในคาสิโนชื่อดัง The venetian แม้จะกังวลเรื่องภาษาจีนในตอนแรก แต่เธอก็ผ่านการคัดเลือก
"ถ้าเราเตรียมพร้อมมาดี ขายตัวเองให้ทางนายจ้างรู้ว่าเรามีดีอะไรที่เขาสมควรจะจ้างเรา และแนตว่าที่มาเก๊าค่อนข้างเปิดโอกาสให้กับเด็กจบใหม่ค่ะ น้องๆ หลายคน ไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็ผ่านการสัมภาษณ์ได้ค่ะ"
แนต ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากสำนักงานแรงงานฮ่องกงและรุ่นพี่คนไทยที่ทำงานอยู่ที่มาเก๊า ระบบการทำงานต่างๆ เป็นไปอย่างมืออาชีพ และพบเจอกับเรื่องราวน่าสนใจและใหม่มากสำหรับเธอ
"แขกส่วนใหญ่ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนจีนค่ะ นอกจากเราต้องหัดภาษาจีนเพื่อตอบโต้แขกได้แล้ว ข้อแตกต่างของการทำงานในคาสิโนคือ ต้องเตรียมตัวรับมือกับอารมณ์ เช่น ถ้าแขกเสียเงินจากการเล่นคาสิโนมา เราต้องระมัดระวังทุกรายละเอียด เพื่อไม่ไปกระตุ้นให้แขกอารมณ์เสียมากกว่าเดิม
"อย่าเคลื่อนย้ายสิ่งของของแขกเอง โดยที่แขกไม่ได้อนุญาต เพราะบางคนเขาถือเคล็ดค่ะ มีเรื่องนึง แนตเห็นมากับตา แขกตักอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์ แล้วมีพนักงานเอาไม้กวาดไปกวาดบริเวณที่แขกยืน ไม้กวาดดันไปโดนรองเท้าของแขก ทีนี้เป็นเรื่องใหญ่โต complain ถึงผู้จัดการเลยค่ะ เพราะคนที่มาเล่นคาสิโนเขาถือกันว่า ไม้กวาดจะทำให้โชคของเขาหายไป”
เธอย้ำหลักการสำคัญสำหรับงานเสิร์ฟในคาสิโน คือ อย่าขัดโชคแขก ทำอะไรต้องขออนุญาต , ระมัดระวังเรื่องเคลื่อนย้ายสัมภาระ , ถ้ามีของหล่น รีบส่งคืน อย่าหยิบใส่กระเป๋าตัวเองเด็ดขาด CCTV ในคาสิโนมีเยอะมาก แทบทุกตารางนิ้ว มองเห็นละเอียดและไม่คุ้มที่จะเสี่ยง , แขกในคาสิโนมีความคาดหวังสูงต่อการบริการ และละเอียดอ่อนทางอารมณ์
การทำงานต่างแดน ต้องเผื่อใจไว้ด้วยอาจต้องทำมากกว่าหน้าที่ของตัวเอง จากการสังเกตของเเนต พบว่า หัวหน้าจะชอบให้ทำหน้าที่ให้ได้หลากหลายตำแหน่ง เช่น บาร์เทนเดอร์ต้องมาเรียนรู้งานเสิร์ฟอาหารพร้อมทั้งรับออเดอร์ , พนักงานเสิร์ฟ ต้องไปหัดเป็นทั้ง Hostess รับแขก และบาร์ เพื่อรับมือ หากวันไหนขาดใครคนได้คนหนึ่ง เราจะได้ไปแทนตำแหน่งนั้นได้
"แนตคิดว่า ดีมากๆ เพราะทำให้เราได้เรียนรู้ในสายงานเพิ่มขึ้น แต่ก็มีหลายคน คิดว่าทำไมจะต้องไปทำในงานที่ไม่ใช่หน้าที่ของเรา หลายคนคิดเยอะ จนถอดใจลาออกก็มี แนตอยากให้คิดอีกแบบมากกว่า ถ้าเราเปลี่ยนใครไม่ได้ ก็ต้องลองกลับมาเป็นมุมมองของตัวเองแทน ในทุกๆ เรื่องที่ไม่ดี มันก็มีข้อดีอยู่"
พนักงานเสิร์ฟที่ The venetian ทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 8 ชั่วโมง รวมเวลาพัก ฐานเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 10,000 mop หรือ 38,000 บาท ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง เงินเดือนขึ้นทุกปี ปีละ 500 mop หรือประมาณ 1,800-2,000 บาท ไม่ได้รับค่าเซอร์วิสชาร์จ แต่มีเงินพิเศษให้หากทำงานในวันหยุดต่างๆ อัตราเฉลี่ย 2-3 เท่าจากปกติ รวมถึงมีโบนัสให้ปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ
ตัวอย่างสวัสดิการอื่นๆ
ห้องอาหารสำหรับพนักงานเปิด 24 ชม. วัดหยุดก็สามารถเข้ามาทานได้
มีบัตร McDonald’s ให้อาทิตย์ละ 55 mop หรือประมาณ 220 บาท
วัดหยุดประจำปี 6วัน/ปี
ให้ส่วนลดค่าบริการต่างๆ แก่พนักงาน เช่น ห้องพัก ส่วนใหญ่ 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ทั้งนี้ The venetian ไม่อนุญาตให้พนักงานโรงแรมทุกแห่งเข้าไปเล่นคาสิโน คาดว่าเกรงกระทบต่อหน้าที่การงาน และอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน
ชีวิตความเป็นอยู่นอกคาสิโนของสาววัย 31 ปี ค่อนข้างยอดเยี่ยมและปรับตัวไม่ยาก อากาศดี รถราไม่ติด การจราจรสะดวก รถเมล์ตรงเวลาและราคาไม่แพง อาหารอร่อยและหาซื้อวัตถุดิบประกอบอาหารไทยแก้ความคิดถึงไม่ยาก
หลังเข้ามาทำงานในช่วงปลายปีก่อน เดือนก.พ. 2563 มาเก๊าก็ประกาศปิดเมืองเนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวมีจำนวนน้อย ห้องอาหารปิดไว้ชั่วคราว แต่นายจ้างยังคงจ่ายเงินเดือนมาตลอด มีหน้ากากอนามัยแจกฟรี เข้ามาทานอาหารฟรีได้ที่โรงแรมทุกวัน ส่วนทางรัฐบาล ออกมาตรการช่วยค่าน้ำ-ไฟฟรี เป็นระยะเวลา 3 เดือน
"ตั้งแต่เกิดการระบาดจนถึงปัจจุบัน หน้ากากหาซื้อได้ตลอดและราคาถูกค่ะ" เธอบอก
ภาษาสุดสำคัญ–กล้าหลุดจาก Comfort Zone
การลงทุนพัฒนาตัวเองเรื่องภาษานั้นสำคัญอย่างมาก เสมือนเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในชีวิตและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
"แนตเน้นย้ำกับทุกๆ คนที่มาคุยกับแนตเลยค่ะ ภาษาอังกฤษคุณต้องได้ แล้วสมัยนี้ ต้องให้ได้อย่างน้อยๆ 2 ภาษาขึ้นไป ยิ่งรู้เยอะ ยิ่งเปิดโอกาสในการทำงานและทำให้มีรายได้มากขึ้น ทุกวันนี้ยังฝึกภาษาอังกฤษและเริ่มหัดเรียนภาษาจีนค่ะ รวมถึงศึกษาข้อมูลด้านอาหารและเครื่องดื่มไปเรื่อย เพราะแนตเชื่อว่าการลงทุนกับความรู้ มันไม่เคยเสียเปล่า ยิ่งลองยิ่งพลาดบ่อยๆ เราจะจำแม่นแล้วเอามาแก้ไขค่ะ"
เธอบอกว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอนและการกล้าที่เดินออกจาก Comfort Zone ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด รวมถึงอาจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถ้ามีความฝัน ต้องกล้าที่จะลอง "โอกาสเป็นของคนกล้า"
"หลังจากแนตเจอเหตุการณ์หลายๆ อย่างในชีวิต ทำให้รู้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนและเวลาทุกนาทีมีค่ามากๆ ถ้าเรามัวแต่อู้หรือผลัดไปเรื่อยๆ ซึ่งแนตก็เป็นบ่อย มันจะทำให้เราพลาดโอกาสและสิ่งดีๆ ไป ชีวิตตอนนี้ เลยทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต แล้วแนตจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำไปเลย เพราะเราเต็มที่กับมันแล้ว"
"หมั่นฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด วันที่โอกาสมาเราก็ลงสนามได้เลย เพราะโอกาสมักจะเป็นของคนที่พร้อมเสมอค่ะ แม่แนตบอกเสมอ "พรสวรรค์แพ้พรแสวง" พนักงานเสิร์ฟที่มีเป้าหมายอยากเป็น 'แอร์โฮสเตส' เพราะใจรักบริการบอกทิ้งท้าย
ติดตาม พี่แนทตี้ ต่อได้ที่
แฟนเพจ Travel with Natty และ
YouTube : ChubbyNatty

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา