27 มิ.ย. 2020 เวลา 03:53 • ไลฟ์สไตล์
【ใส่ “ความรัก” ลงไปใน “งาน” และส่งให้ถึงใจคนอื่น】
ใครหลายคนคงเคยได้ยินว่าจงรักในสิ่งที่ทำ
แต่ในโลกความเป็นจริงนั้น คงไม่เสมอไป
ที่งานที่อยู่ตรงหน้ามันจะทำให้เรารักไปกับมันได้
หรือบางครั้งเราก็ต้องทำในสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้รักมันอย่างสุดหัวใจ
หรือเราอาจต้องทำงานที่คนรอบข้าง "ไม่เห็นค่า"
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
แต่สิ่งสำคัญของการทำงานก็คือ "ความรัก" ค่ะ
เหมือนกับละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ค่ะ "Bambino"
เรื่องราวของ "Ban Shogo" (รับบทโดย Matsumoto Jun)
เด็กหนุ่มเมืองฟุกุโอกะที่มีใจรักในการทำอาหาร
หวังว่าจะเป็นเชฟมือหนึ่งในสักวัน
ด้วยความมั่นอก มั่นใจ ได้รับคำชมจากคนรอบข้าง
ทำให้เขาหลงคิดไปว่า เขาคือคนที่มีพรสวรรค์และเก่งกว่าใคร
วันหนึ่ง Ban ก็ได้รับโอกาสให้มาฝึกทำอาหารกับ
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนชั้นนำในเมืองโตเกียว
ด้วยความมั่นใจอย่างที่เล่าไปนั่นแหละค่ะ
ตาหนุ่ม Ban ก็ทำทีอวดรู้ ไม่ฟังคำแนะนำของเชฟรุ่นพี่
พอลงมือทำเข้าจริง เขาก็ได้ค้นพบว่า...
จริงๆ แล้ว เขาก็ไม่ต่างอะไรไปจาก "Bambino" หรือ "เด็กอมมือ" คนหนึ่ง
Ban เลยถูกตั้งฉายาว่า
"Bambino" เรียกสั้นๆ ว่า "แบมบี้"
ชีวิตหลังจากนั้นก็เป็นไปอย่างยากลำบาก
แบมบี้ต้องเรียนรู้อย่างหนัก จากที่เคยฝันว่า
อยากเข้ามาร้านอาหารนี้ในตำแหน่ง "ผู้ช่วยเชฟ"
ก็ลดระดับไปเริ่มเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ "เด็กล้างจาน"
ช่วงชีวิตของแบมบี้ที่น่าสนใจเห็นทีจะเป็นตอนที่
แบมบี้ได้เลื่อนขึ้นมาเป็น "บริกร" หรือ "พนักงานเสิร์ฟ" ค่ะ
ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่เขาไม่อยากทำมากที่สุด
เพราะเขาไม่คุ้นชินกับการบริการคน หรือคอยปั้นหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลา
รวมทั้งเขามองว่า มันเป็นอาชีพที่ถูกคนในสังคมดูถูกดูแคลนด้วยค่ะ
เขาเลยทำอาชีพนี้ไปแบบ "ขอไปที"
แน่นอนว่า งานก็เข้าสิคะ
แบมบี้จำรายละเอียดเมนูไม่ได้
ว่าใครอยากได้แบบไหน
จนเชฟคนหนึ่งเลยพูดออกมาว่า
"เพราะเชฟอย่างเราน่ะ อยู่แต่ในห้องครัว
เรามองไม่เห็นหน้าของลูกค้าที่จะมากินอาหาร
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เขาเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าแบบไหน
เราไม่รู้เลยว่าเขาสั่งอะไร อยากกินอะไรบ้าง
และไม่โอกาสได้ส่งต่อความอร่อยจากอาหารในจานถึงมือพวกเขาโดยตรง
ฉะนั้น พนักงานเสิร์ฟอย่างนาย ต้องทำหน้าที่นี้แทนพวกเรา
หน้าที่รับสิ่งที่ลูกค้าต้องการมาบอกเราให้ได้มากที่สุด
และส่งต่อความอร่อย ความรู้สึกพวกนี้ให้ถึงมือเขา"
นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้แบมบี้รู้ว่า
อาชีพพนักงานเสิร์ฟนั้นมันมีความสำคัญขนาดไหน
พนักงานเสิร์ฟที่ไม่ได้มีแค่หน้าที่รับออร์เดอร์
หรือเสิร์ฟอาหาร แต่มีหน้าที่สำคัญที่มากกว่านั้น
พนักงานเสิร์ฟทำในสิ่งที่เชฟไม่มีทางทำได้
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่ทำให้แบมบี้เข้าใจงานนี้สักเท่าไรนัก
และแล้ววันหนึ่งมีลูกค้า VIP เข้ามาในร้าน
หนุ่มแบมบี้ก็เลยเข้าไปเสิร์ฟ ด้วยหน้าตาเบื่อโลกเต็มที
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ...
ลูกค้าทำหน้าเหวี่ยง พร้อมพูดว่า
"ทำไมฉํนถึงรู้สึกว่าอาหารจานนี้มันไม่น่ากินยังงี้"
ทั้งๆ ที่อาหารในจานทำมาจากเชฟฝีมือเลิศ แถมหน้าตาก็น่าอร่อย
แต่ลูกค้ากลับบอกว่า "มันไม่น่ากิน" เลย
เพราะอะไรกันนะ?
รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ เลยแนะนำมาว่า
หัวใจสำคัญของการทำงานก็คือ "ความรัก"
พูดมาสั้นๆ แค่นั้น หนุ่มแบมบี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ
เขาก็เลยพยายามจะหาคำตอบต่อไป
และแล้ววันหนึ่ง
เผอิญว่า... "Hayama"
เชฟฝีมือดีคนเก่าที่ลาออกไปมาปรากฏตัว
และได้ท้าดวลแข่งทำอาหารกับแบมบี้
คนตัดสินคือพนักงานในร้านอาหาร
แน่นอนว่า คนที่น่าจะชนะก็น่าจะเป็นเชฟเก่าฝีมือดี มากประสบการณ์
มากกว่าเชฟมือใหม่อย่าง "แบมบี้"
แต่เมื่อนำอาหารมาเสิร์ฟ พนักงานในร้าน
กลับรู้สึกชอบอาหารของจานแบมบี้มากกว่า
ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ถ้าให้เลือก อยากกินอาหารของเขามากกว่า
และผลการแข่งขันก็ออกมาค่ะว่า...
"แบมบี้แพ้" แถมเชฟในร้านอาหารยังถามอีกว่า
"ทำไมนายถึงใส่เกลือไปนิดเดียว
แถมทำเส้นสปาเก็ตตี้ให้มันนิ่มๆ กว่าปกติอีก"
แบมบี้เลยตอบว่า...
"เพราะเห็นว่าทุกคนในนี้ทีนี้เหนื่อยกับงานขนาดไหน
ถ้าได้กินอาหารแบบนี้คงจะทำให้หายเหนื่อยไม่น้อยเลยครับ"
และด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้พนักงานทุกคน
ชอบอาหารของแบมบี้มากกว่า
เพราะเป็นอาหารที่กินแล้วมีความสุข
หายเหนื่อยจากการทำงาน
แม้ Hayama จะชนะในเรื่องรสอาหาร
แต่เขาไม่สามารถชนะใจคนที่กินอาหารได้
และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่า
คำว่า "ชนะ" ไม่ได้มีความหมายในชีวิตเขาเลย
ตราบใดที่อาหารที่ทำยังส่งไม่ถึงใจคนอื่น
จากเหตุการณ์นี้ หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟเลยพูดกับแบมบี้ว่า
นี่ไงล่ะคือ "ความรัก" ที่ใส่ไปในงาน
จงใช้ความรักแบบนี้ลงไปในงานที่ทำ
ทั้งเราและลูกค้าก็จะรู้สึกมีความสุข
หลังจากวันนั้น ลูกค้า เจ๊คนเดิมก็กลับมา
แต่แบมบี้คนเดิมได้เปลี่ยนไป จากที่หน้าบูดบึ้งหรือฝืนยิ้ม
ก็กลับเสิร์ฟอาหารด้วยรอยยิ้มจริงใจ ใบหน้าที่สื่อให้เห็นว่า
"ผมอยากให้คุณอิ่มอร่อยและมีความสุขไปกับอาหารมื้อนี้จริงๆ ครับ"
"ทำไมอาหารวันนี้ถึงดูน่ากินจังเลยนะ"
นั่นคือประโยคที่ออกมาจากลูกค้าคนนั้น
ทั้งลูกค้าและเขาต่างก็ยิ้ม และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก...อาหารก็อร่อยกว่สที่เคยเป็น
.
บางที "ความอร่อย" ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบอย่างเดียว
แต่มันขึ้นอยู่กับ "ความรู้สึก" ที่ใส่ลงไปในอาหารนั้นด้วย
งานอื่นๆ ก็เช่นกันค่ะ คนอื่นจะประทับใจ
จะชื่นชอบงานเราได้ นอกจากคุณภาพความเป๊ะแล้ว
สิ่งสำคัญน่าจะเป็น "ความรู้สึก" ที่เราส่งต่อค่ะ
ทำยังไงก็ได้ให้คนอื่นรับรู้ถึงความรู้สึกของเราอย่างใจจริง
ทำยังไงก็ได้ให้งานของเราก็มีประโยชน์ต่อชีวิตของคนอื่น
ไม่มีงานไหนที่ไร้ค่า หรือน่าเบื่อ
อยู่ที่ว่าเราได้ใส่คุณค่าให้กับมันหรือเปล่า
และเราได้ทำให้คนอื่นได้เห็นถึงคุณค่าในอาชีพของเราแล้วหรือยัง
มันอาจไม่ได้อยู่ที่ว่า ทำแบบไหนถึงจะได้เงินดี กำไรงาม
แต่มันอยู่ที่ว่า ทำยังไงถึงจะส่งต่อสิ่งที่คิดว่าดีให้ถึง "ใจคนอื่น"
ถ้าเราตั้งใจทำมันด้วยความรัก ส่งความรู้สึกให้ถึงคนอื่น
แน่นอนว่า สิ่งดีๆ ที่ว่านั้น คนอื่นจะต้องรับรู้เข้าในสักวันแน่นอนค่ะ
ฉะนั้น เรามาทำงานของเราให้เป็นเหมือน "อาหารจานอร่อย" กันเถอะ!
โฆษณา