29 มิ.ย. 2020 เวลา 01:41
ปลดล็อกจิตใจ
ก้าวข้ามความอิจฉาริษยา
ในภาษาไทย คำว่า “อิจฉาริษยา” มักมาคู่กันเสมอ
“อิจฉา” หมายถึง เมื่อเราเห็นคนอื่นได้ดีก็ปรารถนาอยากได้ดีอย่างเขา ส่วน “ริษยา” หมายถึง ความไม่อยากให้ใครได้ดี เมื่อเห็นใครได้ดีแล้วทนไม่ได้
หากเปรียบเทียบกัน ความริษยาจะรุนแรงกว่าความอิจฉา แต่ทั้งความอิจฉาและริษยา ก็เป็นสิ่งไม่ดีที่ควรได้รับการแก้ไขทั้งสิ้น
ชาดกว่าด้วยโทษของความอิจฉาริษยา
ในครั้งพุทธกาล มีหมู่บ้านชาวประมงตั้งอยู่ที่ชานแคว้นโกศล มีชาวประมงอาศัยอยู่ประมาณ 1 พันครอบครัว วันหนึ่งมีหญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์ ปรากฏว่าทั้งหมู่บ้านถูกไฟไหม้ถึง 7 ครั้ง เสียค่าปรับให้แก่พระราชาอีก 7 หน เกิดเรื่องราวร้าย ๆ มากมาย จนทุกคนในหมู่บ้านคิดว่า ต้องมีคนกาลกิณีเกิดขึ้นในหมู่บ้านอย่างแน่นอน
พวกเขาจึงทดลองแยกครอบครัวต่าง ๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม ปรากฏว่ากลุ่มที่หญิงมีครรภ์อยู่ด้วยจะประสบแต่ปัญหา ส่วนอีกกลุ่มจะไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นเลย
พวกเขาค่อย ๆ แยกครอบครัวออกเป็นกลุ่มย่อยไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายพบว่าปัญหามาจากครอบครัวของหญิงมีครรภ์คนนี้ ชาวบ้านจึงไล่หญิงมีครรภ์ออกจากหมู่บ้าน นางต้องออกร่อนเร่พเนจรกระทั่งคลอดลูกก็ยังได้รับความลำบากแสนสาหัส เมื่อลูกโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ นางจึงบอกกับลูกว่า “ลูก...แม่ลำบากกับเจ้ามามากมายเหลือเกินแล้ว เจ้าจงเอาชามดินเผาไปขอทานเองเถิด” เด็กน้อยจึงต้องออกร่อนเร่พเนจรเอง เก็บของเหลือกินให้พอประทังชีวิตไปวัน ๆ
กระทั่งวันหนึ่ง พระสารีบุตรออกบิณฑบาต แล้วได้พบเด็กน้อยคนนี้กำลังเก็บเม็ดข้าวที่เหลือทิ้งติดจาน เขากินข้าวทีละเม็ดด้วยความหิวโหย พระสารีบุตรเกิดความสงสารจึงพาเด็กน้อยกลับไปที่วัดแล้วให้บวชเป็นสามเณรได้ชื่อว่า “โลสกะติสสะ”
Cr : dmc.tv
จากนั้นสามเณรโลสกะติสสะก็อยู่ในโอวาทพระสารีบุตรมาโดยตลอด เชื่อฟังคำสั่งสอนและตั้งใจปฏิบัติธรรม พออายุครบบวชโลสกะติสสะจึงได้บวชเป็นพระ แล้วปฏิบัติธรรมจนได้เป็นพระอรหันต์
แม้บวชเป็นพระแล้ว พระโลสกะติสสะก็ไม่ได้ฉันอิ่มเลยแม้สักครั้ง ถึงคราวออกบิณฑบาตชาวบ้านก็ใส่บาตรเพียงทัพพีเดียว เพราะกรรมบังตา คนใส่บาตรกลับเห็นว่าข้าวเต็มบาตร จึงไม่ใส่เพิ่มอีก สุดท้ายจึงได้อาหารบิณฑบาตมาเพียงแค่พอกันตาย ท่านไม่เคยได้ฉันอิ่มเลยจนร่างกายทรุดโทรม
กระทั่งวันหนึ่ง พระสารีบุตรรู้ด้วยญาณทัสสนะว่า ภิกษุผู้เป็นศิษย์รูปนี้ วันนี้จะนิพพาน ท่านรู้สึกสงสารอยากให้ได้ฉันอิ่มบ้างสักมื้อ จึงให้บิณฑบาตด้วยกันโดยเดินตามหลังท่านไป
ปรากฏว่าด้วยผลกรรม วันนั้นพระสารีบุตรไม่ได้รับบิณฑบาตอาหารเลยแม้แต่น้อย พระสารีบุตรจึงให้พระโลสกะติสสะกลับวัด เมื่อท่านรับบาตรเสร็จเรียบร้อยจึงจะนำอาหารไปให้
พอพระโลสกะติสสะแยกทางกลับวัดเท่านั้น ก็มีคนใส่บาตรพระสารีบุตรมากมาย พระสารีบุตรจึงรีบแบ่งอาหารบิณฑบาตให้คนนำไปถวายพระโลสกะติสสะ ปรากฏว่าด้วยผลกรรมที่หนักหนา คนรับอาหารเดินทางมาถึงกลางทางเกิดลืมว่าจะนำอาหารนี้ไปทำอะไร จึงนั่งกินเองจนหมด
Cr : dmc.tv
เมื่อพระสารีบุตรท่านกลับถึงวัด จึงรู้ว่าพระโลสกะติสสะยังไม่ได้ฉัน แต่ก็ยังพอมีเวลาจึงเข้าวังไปหาพระเจ้าปเสนทิโกศล หวังจะไปบิณฑบาตกับพระราชา
พระราชากลับเห็นว่าเป็นเวลาใกล้เพล เกรงว่าเวลาฉันจะไม่พอ จึงไม่ถวายอาหารคาว ถวายแต่อาหารหวาน คือเภสัชทั้งหลาย มีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยใส เนยข้น เมื่อพระสารีบุตรกลับมาก็ขอให้พระโลสกะติสสะฉันภัตตาหารจากบาตรที่พระสารีบุตรถือไว้ เป็นการอาศัยบุญพระสารีบุตรค้ำไว้ เพราะเกรงว่าหากวางบาตรลงอาจมีเหตุให้ภัตตาหารหายไปอีก พระโลสกะติสสะจึงได้ฉันอิ่มในมื้อสุดท้ายแล้วนิพพานในวันนั้นเอง
หลังจากทำพิธีฌาปนกิจพระโลสกะติสสะแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้เก็บอัฐิซึ่งเป็นพระธาตุของท่านบรรจุในพระสถูปเจดีย์
ภิกษุทั้งหลายต่างสงสัย กราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เพราะเหตุใดพระโลสกะติสสะ ผู้ซึ่งปฏิบัติธรรมจนเป็นพระอรหันต์ แต่เหตุใดจึงมีวิบากกรรมหนักหนาเช่นนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงระลึกชาติไปดูเหตุ แล้วนำมาตรัสเล่าให้พระภิกษุทั้งหลายฟังว่า โลสกะติสสะภิกขุ ภพในอดีตเคยบวชเป็นพระ เป็นเจ้าอาวาสที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามปกติ กระทั่งวันหนึ่งเศรษฐีอุปัฏฐากใหญ่ของวัดแห่งนี้เห็นพระอรหันต์เดินทางผ่านมา แล้วได้เห็นกิริยาอาการน่าเลื่อมใส จึงนิมนต์ให้เข้ามาพักที่วัดนี้ แล้วปรนนิบัติดูแลอย่างดีจนพระเจ้าอาวาสเกิดความอิจฉา รู้สึกว่าถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เศรษฐีต้องไปศรัทธาพระอาคันตุกะนี้มากกว่าตนแน่
พอตอนเช้าก่อนจะออกบิณฑบาตเจ้าอาวาสก็วางอุบายด้วยความอิจฉาริษยา คือแทนที่เจ้าอาวาสจะเคาะระฆังปลุก พระลูกวัดให้ออกบิณฑบาต ท่านกลับเอาเล็บเคาะระฆังเบา ๆ แล้วกระซิบกับระฆังว่า “เคาะระฆังปลุกแล้วไม่ได้ยินเสียงเอง ช่วยไม่ได้นะ” แล้วท่านก็ออกไปบิณฑบาต
พอท่านเจ้าอาวาสเจอเศรษฐีก็ใส่ร้ายพระอาคันตุกะทันที ว่าสงสัยท่านนอนหลับอุตุยังไม่ตื่น เมื่อวานท่านเศรษฐีถวายภัตตาหารมาก พระท่านคงจะฉันอิ่มเกินไป
แต่ท่านเศรษฐีมีท่าทีนิ่งเฉย พอใส่บาตรเสร็จท่านก็ฝากภัตตาหารไปถวายพระอาคันตุกะด้วย พอถึงกลางทางท่าน เจ้าอาวาสตั้งใจจะแกล้งพระอาคันตุกะจึงเทอาหารทิ้งทั้งหมด ด้วยวิบากกรรมนี้จึงส่งให้พระโลสกะติสสะตกนรก
พอพ้นกรรมจากนรกก็มาเกิดเป็นยักษ์ จากยักษ์มาเกิดเป็นสุนัขอีก 500 ชาติ เป็นสุนัขเร่ร่อนอดอยากยากแค้นแสนสาหัส ผอมแห้งเห็นกระดูกซี่โครง จนกระทั่งก่อนตายถึงได้กินอิ่มหนึ่งมื้อ คือกินเศษอาหารที่เขาอาเจียนออกมา ตอนเป็นสุนัข หิวโซทุกชาติไป จนกระทั่งพ้นกรรมจากสัตว์แล้วมาเกิดเป็นคน ท่านก็ยังต้องเจอวิบากกรรมอย่างนี้เรื่อยไป
เพราะฉะนั้น เราอย่าไปอิจฉาริษยาใครเด็ดขาด เห็นใครเขาทำความดีแล้วประสบความสำเร็จก็ให้มีมุทิตาจิต อนุโมทนา สาธุด้วย
บุคคล 2 ประเภท
ลองสังเกตว่า เมื่อมีคนประสบความสำเร็จ คนที่พบเห็น จะมี 2 ประเภท คือ “อิจฉาริษยา” และ “มีมุทิตาจิต” คือ บุคคลผู้ “อิจฉาริษยา” มักจะมีความรู้สึกอยากทำให้เขาย่ำแย่ลง ไม่คิดพัฒนาตัวเองแต่กลับอยากจะฉุดเขาลงมา เขาจะได้ไม่เด่นเกินหน้าเกินตาเรา ซึ่งเป็นความคิดทางลบ หรือพลังด้านการทำลายที่ไม่เคยทำให้ใครเจริญขึ้นเลย
ส่วนบุคคลผู้มี “มุทิตาจิต” มีความคิดทางบวก หรือมีพลังสร้างสรรค์ พอเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จก็มักจะเกิด มุทิตาจิต รู้สึกชื่นชมอนุโมทนา แล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตนเองให้ดีอย่างนั้นบ้าง มีพลังแห่งความสร้างสรรค์ที่จะดึงตัวเองให้พัฒนาก้าวหน้าต่อไป
ถ้าประเทศใดฝึกนิสัยคนในชาติให้มีมุทิตาจิต ประเทศนั้นก็จะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ต่างชาติใครทำดีก็มักชื่นชมให้รางวัล หรือสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติผู้คนจะได้เกิดแรงบันดาลใจอยากเอาเป็นแบบอย่าง และอยากที่จะขวนขวายพัฒนาตัวเอง
ประเทศสหรัฐอเมริกาเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วก็เพราะว่าชาวยุโรปที่อพยพเข้าไปบุกเบิกบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่ที่นั่นไม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ให้ความสะดวกสบาย จะเดินทางกลับไปนำข้าวของเครื่องใช้มาจากยุโรปก็ไกล
ดังนั้น ถ้ามีใครคิดค้นหรือสร้างอะไรขึ้นมาใช้ได้เองในประเทศ ก็เท่ากับว่าช่วยให้ประชากรทุกคนมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายขึ้น เขาจึงได้รับความชื่นชมอย่างมากจนเกิดเป็นค่านิยมในสังคมว่า ต้องชื่นชมยกย่องคนที่ฉลาดและคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ได้สำเร็จในทุก ๆ ด้าน
อนุสาวรีย์ อับราฮัม ลินคอล์น
ในสหรัฐอเมริกา ถ้าใครสร้างสรรค์สิ่งที่ดีมีประโยชน์แล้ว ประสบความสำเร็จ รัฐบาลจะประกาศเชิดชูเกียรติคุณ สังคมก็เชิดชูเกียรติคุณ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็เกิดแรงบันดาลใจ อยากจะเอาเป็นแบบอย่าง สหรัฐอเมริกาจึงสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาได้มากมาย
ในประเทศญี่ปุ่นก็เหมือนกัน มีอนุสาวรีย์อยู่ทั่วทุกหัวระแหง ในหมู่บ้านก็ยังมีอนุสาวรีย์ประจำหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านนี้มีใครประสบความสำเร็จและควรยกย่องชื่นชมในทุกด้าน อาทิ เป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียง เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักกีฬาทีมชาติ เป็นดารา นักร้อง นักแสดง หรือเป็นนักเขียน เขาก็จะสร้างรูปปั้นอนุสาวรีย์ให้ แล้วเล่าให้ลูกหลานในหมู่บ้านฟังต่อ ๆ กันไปด้วยว่า บุคคลนี้เป็นใครและทำความสำเร็จอะไร ถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก ๆ เกิดแรงบันดาลใจว่า อยากจะฝึกตัวเองให้ดีอย่างนั้นบ้าง
พระเอกประจำชาติ คือ บุคคลที่สร้างสรรค์จนประสบความสำเร็จ พระเอกประจำชาติของผู้ชายไทย ไม่ควรเป็นอย่างขุนแผน ที่มีบ้านเล็กบ้านน้อยให้ได้มากที่สุด แต่พระเอกประจำชาติควรเป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบ ขยันและอดทนสู้งานหนัก
เราควรฝึกมุทิตาจิตให้เกิดขึ้นในระดับชาติ ให้เป็นนิสัยประจำชาติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันยกย่องชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จ ให้ข่าวที่เป็นเชิงบวก เปลี่ยนวงจรลบ ซึ่งเป็นพลังที่ถ่วงรั้งสังคม เพราะชอบอิจฉาริษยาทำลายกัน เปลี่ยนให้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยมุทิตาจิต
ใครทำอะไรได้ดีก็ชื่นชมยกย่องให้เป็นแบบอย่าง พ่อแม่ต้องคอยสอนลูก เราจึงจะเอาชนะ ความอิจฉาริษยา แล้วกลายเป็นผู้ที่มีมุทิตาจิต สังคมไทยก็จะกลายเป็นสังคมที่สงบร่มเย็นสมกับเป็นสังคมเมืองพุทธ และเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก
เจริญพร
โฆษณา