29 มิ.ย. 2020 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
แกร่งไม่แพ้ผู้ชาย! วีรกรรมของ 'โคมัตสึฮิเมะ' ยอดภรรยาซามูไรแห่งตระกูลซานาดะ
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ในช่วงสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น อาจกล่าวได้ว่านี่คือช่วงเวลาของเหล่าบรรดาผู้กล้ามากมายที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ชายอกสามศอก แต่ยังมีเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ และเธอคนนั้นก็คือ โคมัตสึฮิเมะ ผู้ถูกนิยามว่าเป็นกุลสตรีที่มีความงดงาม มีสติปัญญาเฉียบแหลม และมีความสามารถด้านการใช้อาวุธทัดเทียมกับผู้ชายอกสามศอก
โคมัตสึฮิเมะ เป็นบุตรสาวของ ฮอนดะ ทาดาคัตสึ หนึ่งในสี่แม่ทัพจตุรเทพของโทคุกาวา อิเอยาสึ ที่ภายหลังได้อุปการะเธอเป็นบุตรบุญธรรม ในวัยเด็กเธอได้รับการฝึกฝนด้านศาสตราวุธจากทาดาคัตสึ และได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อบุญธรรมของเธอ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เธอมีความสามารถที่รอบด้าน
WIKIPEDIA PD
แต่ในยุคสมัยที่ผู้ชายเป็นใหญ่ โคมัตสึฮิเมะ จึงถูกจำกัดบทบาทในฐานะผู้หญิง ที่ต้องทำหน้าที่เป็นภรรยาและแม่ที่ดีเป็นหลัก แต่หลังจากที่ ซานาดะ โนบุยูคิ ขุนศึกฝ่ายศัตรูเข้ามาสวามิภักดิ์ อิเอยาสึจึงให้เธอแต่งงานกับโนบุยูคิเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล เพื่อเป็นหลักประกันว่าโนบุยูคิจะไม่คิดปันใจกลับไปหาพ่อและน้องชายอีก
ทั้งคู่ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน โคมัตสึฮิเมะเข้าใจสถานการณ์ของโนบุยูคิเป็นอย่างดี ในช่วงสงครามเซกิงาฮาราเมื่อปี ค.ศ.1600 ในตอนนั้นกองทัพฝ่ายตะวันออกของตระกูลซานาดะกำลังจะพ่ายแพ้ โดยกองทัพฝ่ายตะวันตกที่นำโดยตระกูลโทคุกาวา กำลังเตรียมพร้อมที่จะบุกปราสาทอุเอดะของตระกูลซานาดะเพื่อตัดสินชัยชนะขั้นเด็ดขาด ในตอนนั้นกองทัพของมาซายูกิและยูคิมูระลูกชายคนรองกำลังเคลื่อนทัพกลับไปตั้งหลักที่ปราสาท แต่ปรากฏว่าโคมัตสึฮิเมะที่สวมชุดเกราะซามูไรได้เข้ามาขวางทางเอาไว้เสียก่อนเพื่อขอเจรจาด้วย
ในตอนนั้นมาซายูกิผู้มีศักดิ์เป็นพ่อตาของโคมัตสึฮิเมะส่งจดหมายตอบกลับมาที่เธอว่า ‘ข้าอยากเห็นหน้าลูกหลานของข้า’ โคมัตสึฮิเมะจึงตอบกลับไปว่า ‘ท่านและข้าล้วนเป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้งของสงครามครั้งนี้ แต่ท่านก็คือพ่อตาของข้า ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านกลับเข้าไปในปราสาทได้’
กองทัพของสองพ่อลูกซานาดะจึงถอนทัพไปตั้งหลักที่วัดโชโคคุจิแทน ภายหลังโคมัตสึฮิเมะได้พาลูก ๆ ของเธอมาเยี่ยมมาซายูกิและยูคิมูระ ที่มีศักดิ์เป็นปู่และน้า ซึ่งนับได้ว่านี่คือการกระทำที่น่ายกย่องของโคมัตสึฮิเมะ ที่แม้จะอยู่คนละฝักฝ่าย แต่ก็ยึดถือคุณธรรมและสายสัมพันธ์ของญาติพี่น้องเป็นสำคัญ
WIKIPEDIA PD
หลังจากสงครามเซกิงาฮาราสิ้นสุดลง โคมัตสึฮิเมะได้ช่วยเจรจากับอิเอยาสึให้ละเว้นโทษตายมาซายูกิและยูคิมูระ ส่วนโนบุยูคิก็ใช้ตำแหน่งของตัวเองเป็นประกัน อิเอยาสึเมื่อได้เห็นความกล้าหาญของทั้งคู่ก็ละเว้นโทษตายให้มาซายูกิและยูคิมูระ ภายหลังทั้งคู่ได้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาโคยะ โดยโคมัตสึฮิเมะคอยทำหน้าที่ส่งเสบียงอาหารไปช่วยพ่อตาและน้องเขยของเธออีกด้วย
โคมัตสึฮิเมะ ได้รับการยกย่องว่าเป็นภรรยาและแม่ที่ดีให้โนบุยูคิตลอดมา ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในเดือนมีนาคม ค.ศ.1620 ด้วยวัยเพียง 47 ปี
และคนที่ต้องเศร้าโศกเสียใจมากที่สุด เห็นจะไม่พ้นโนบุยูคิผู้เป็นสามี ที่เคยลั่นวาจาด้วยความอาลัยรักว่า ‘ดวงประทีปในบ้านข้าดับสิ้นแล้ว’ หลุมฝังศพของเธอตั้งอยู่ที่วัดโฮเซนจิ ในกรุงโตเกียว ส่วนข้าวของเครื่องใช้และเกี้ยวของเธอ ถูกเก็บไว้จัดแสดงในปราสาทอุเอดะ ซึ่งดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นหลังได้เข้าไปเยี่ยมชม
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA CC KAMAKURA
โฆษณา