29 มิ.ย. 2020 เวลา 08:50 • ธุรกิจ
ทบทวน Dow Theory หรือทฤษฎีดาว
สิ่งที่นักลงทุนสาย Run trend/ Trend follower/ Hybrid investor ต้องศึกษา
“การรู้ทฤษฏีดาวนี้จะทำให้นักลงทุนรู้ว่าตอนนี้เราน่าจะอยู่ที่แนวโน้มไหน เพื่อจะได้เตรียมตัววางแผนรับมือกับตลาดได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”
Charles Henry Dow
เรามาทบทวน Dow theory กันก่อนครับ
Dow theory มีองค์ประกอบสำคัญ 6 ข้อ คือ
1. ราคาได้สะท้อนทุกอย่างไว้หมดแล้ว (The Averages Discount everything)
Dow เชื่อว่าการที่ราคาหุ้นมีราคาเท่านี้ เกิดจากการที่ราคารับรู้ข่าสารต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าววงในหรือวงนอก รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์มั่นใจหรือกลัวก็ตาม ต่างได้ถูกสะท้อนออกมาเป็นราคา ณ ขณะนั้นเรียบร้อยแล้ว
2. ราคาเคลื่อนไหวอย่างเป็นแนวโน้ม (The market has Three Trends Uptrend, Downtrend and Sideway)
เมื่อมองในภาพใหญ่แล้ว Dow เชื่อว่าราคาเคลื่อนไหวไปเป็นอย่างมีแนวโน้ม โดยมี 2 แนวโน้ม คือ Bull market (ตลาดขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง) และ Bear market (ตลาดขาลงอย่างแข็งแกร่ง) อีกทั้งในทฤษฎีของ Dow นั้นแบ่งแนวโน้มออกเป็น 3 ประเภท คือ
แสดงแนวโน้มหลักหรือ primary trend
แนวโน้มรองหรือ secondary trend
2.1 Primary trend หรือแนวโน้มใหญ่ - มักใช้ระยะเวลาเป็นปี
2.2 Secondary trend หรือแนวโน้มรอง - เป็นช่วงการพักตัวของแนวโน้มใหญ่ มักมีระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ถึง 2-3 เดือน
2.3 Minor trend หรือ แนวโน้มย่อย - การเคลื่อนไหวของแนวโน้มย่อยนั้นจะไม่ส่งผลอะไรต่อภาพใหญ่ เป็นเพียง noise ของตลาด มักใช้เวลาเป็นวันถึงสัปดาห์
3. ราคาต้องยืนยันซึ่งกันและกัน (The Averages must confirm each other)
Dow มองว่าถ้าภาพรวมของเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นจริง ภาพใหญ่ต้องขึ้นไม่ใช่ขึ้นเฉพาะบางอุตสาหกรรม เช่น ถ้า industrial index ขึ้น transport index ก็ควรจะขึ้นเหมือนกัน
4. ปริมาณวอลุ่มยืนยันทิศทางราคา (Volume must confirm the trend)
เมื่ออยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น ในช่วงการขึ้นนั้นปริมาณวอลุ่มควรเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงพักตัววอลุ่มควรหดตัว และในทางตรงกันข้ามเมื่ออยู่ในช่วงแนวโน้มขาลง เมื่อราคาปรับตัวลง วอลุ่มควรเพิ่มขึ้นและหดตัวในช่วงรีบาวด์
แสดงราคาและปริมาณการซื้อขาย
5. แนวโน้มหลักประกอบด้วยสามระยะ (Major Trend Has Three Phases)
1. Accumulation สะสมหุ้น
2. Public Participation ฝูงชนเริ่มแห่กันเข้ามาตลาด
3. Distribution เป็น wave ของการขายทำกำไร จะเป็นคลื่นสุดท้ายของการเก็งกำไร
แสดง Three phases of primary trend
6. แนวโน้มจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้ม
(A trend is assumed to be in effect until it gives definite signals that it has reversed)
เชื่อว่าแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะเกิดสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม โดยปกติการแบ่งแนวโน้มของทฤษฎี Dow นั้นจะดูจากการทำ High และ Low ของราคา โดยถ้าราคาขึ้นทำ Higher high (ทำ High ใหม่) และทำ Lower High (ทำ Low สูงขึ้น) แสดงถึงทิศทางของขาขึ้น (Bull market)
1
แต่ถ้าราคาทำ Higher Low (ทำ High ต่ำลง) และทำ Lower Low (ทำ Low ต่ำลง) แสดงถึงทิศทางของแนวโน้มขาลง (Bear market)
เมื่อเข้าใจทฤษฎีดาวและ Wyckoff cycle ของหุ้นแล้ว ในบทต่อไปจะเริ่มเนื้อหาการเตือนภัยการเล่นหุ้นขาลงครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญเพราะพอร์ตเราจะเสียหายหนักและพอร์ตไม่เติบโตถ้าเราลงทุนในหุ้นขาลงครับ
สามารถอ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับกลยุทธ์ Run trend ได้ที่นี่ครับ
โฆษณา