29 มิ.ย. 2020 เวลา 12:55 • สุขภาพ
‘เครียด' ภาวะจากการ Work ไร้บาลานซ์
ถ้าคุณ... มีพฤติกรรม
‘หอบงานกลับไปทำที่บ้านเป็นประจำ’
‘ใช้เวลาเสาร์อาทิตย์มานั่งลุยงานที่คั่งค้าง’
‘อยู่ออฟฟิศจนดึกดื่น เพื่อสะสางงานเกือบทุกวัน’
ถ้ามี! คุณอาจกำลังมีปัญหากับการจัดสรรและจัดความสมดุลของชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวที่เริ่มจะผิดเพี้ยน
จริงอยู่... การให้ความสำคัญกับงานและมีความรับผิดชอบในหน้าที่เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามากเกินพอดี จนเริ่มกระทบกับชีวิตส่วนตัวและความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง รวมถึงทำให้สุขภาพร่างกายแย่ลง อาจจะต้องเป็นเรื่องที่คุณต้องทบทวนและจัดการสร้างความสมดุลให้เรื่องหน้าที่การงานสามารถเดินขนานไปพร้อมๆ กับชีวิตส่วนตัวและสุขภาพได้อย่างลงตัว ไม่เช่นนั้นในไม่ช้าคุณอาจจะต้องเผชิญกับความเครียด สะสมจนกลายเป็นความเครียดเรื้อรังในที่สุด
จัดสรรเวลาให้เป็น
ในหนึ่งวันทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถจัดสมดุลชีวิตได้ดีกว่า หากคุณมีสมดุลชีวิตที่ดีคุณจะมีความสุขกับการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น แต่การจัดเวลาของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน อาจลองใช้สูตร 8:8:8 ของโรเบิร์ต โอเว่น นักเศรษฐศาสตร์ และนักปฏิรูปทางสังคมชาวอังกฤษ ที่ว่าด้วยการแบ่งเวลาการทำงานให้เป็น 8 ชั่วโมง ให้เวลาพัก 8 ชั่วโมง และเวลาพักผ่อนนอนหลับอีก 8 ชั่วโมง
จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็น
เหล่ามนุษย์เงินเดือนเข้าใจกันอยู่แล้วว่าในแต่ละวันมีงานมากมายเพียงใดที่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าหากขาดการจัดระบบและลำดับความสำคัญที่ดี ท้ายที่สุดอาจพบว่าชีวิตส่วนตัวก็วุ่นวายและหน้าที่การทำงานก็ยุ่งเหยิงเรียกว่าไม่มีอะไรสักอย่างที่สามารถจัดการได้
การจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะต้องรับผิดชอบในแต่ละวัน จึงต้องรู้ว่าอะไรควรทำก่อนเป็นอันดับแรก อะไรสำคัญที่สุด งานอะไรเร่งด่วน งานอะไรที่สามารถให้คนอื่นทำได้ หรืองานอะไรสามารถทำในอันดับต่อมาได้ ซึ่งถ้าสามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้แล้ว ก็จะสามารถช่วยลดความวิตกกังวลได้ และที่สำคัญ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของงานทั้งหมดที่มี
รู้จักขอความช่วยเหลือ และรู้จักปฏิเสธ
เมื่อจัดลำดับความสำคัญของงานเรียบร้อยเเล้ว แต่รู้สึกว่ามีงานอีกหลายอย่างยังคั่งค้าง และไม่สอดคล้องกับเวลาที่มี ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ขอความช่วยเหลือหรือขอคำปรึกษาจากเพื่อนร่วมงานว่าควรทำอย่างไร จะช่วยคุณลดความกดดันลงและเห็นทางออกของปัญหานั้น
อีกทางหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตการทำงานของคุณไม่วุ่นวายจนเกินไปคือ ‘การรู้จักปฏิเสธ’ หากงานที่ได้รับมอบหมาย นอกเหนือความรับผิดชอบมากเกินไป หรือเป็นงานที่ทำแล้วจะกระทบต่อส่วนอื่นๆ คุณอาจให้คำแนะนำเท่าที่คุณสามารถทำได้หรือแนะนำบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนั้นๆ เพื่อให้เขาได้รับคำแนะนำที่ตรงจุดกว่า อย่างไรก็ตามควรปฏิเสธอย่างสุภาพและบอกเหตุผลอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา
เมื่อถึงเวลาพักต้องพักให้เต็มที่
“Work hard- play hard” ทำงานให้สุดและไปหยุดที่การพักผ่อน และให้รางวัลกับชีวิต...เมื่อเต็มที่กับงานแล้วก็ต้องพักให้เต็มที่ด้วย หลายคนคงเคยเอางานกลับไปทำที่บ้าน จนทำให้เสียเวลาส่วนตัวหรือไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเท่าที่ควร จะดีกว่าไหมหากเต็มที่กับงานในที่ทำงาน แล้วพับงานเหล่านั้นใส่ลิ้นชักไว้ ก่อนจะกลับมาเติมพลังที่บ้านอย่างไร้กังวล แล้วมาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ไปกับการพักสมองและร่างกาย หรืออาจจะให้รางวัลกับชีวิตด้วยกิจกรรมโปรด เช่น การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี การออกไปปาร์ตี้ ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยปลดปล่อยอารมณ์และความเครียดผ่านสิ่งที่ชื่นชอบและหลงใหล
แลตนเองเป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ใช่แค่สี่ข้อด้านบนที่กล่าวมาจะสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานให้มีประสิทธิภาพเท่านั้นแต่การดูแลตนเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งก็เป็นวิธีที่สามารถทำให้ผ่อนคลายและจัดสมดุลของชีวิตให้ดีอีกทางหนึ่ง เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คุณคลายความเครียดให้น้อยลงได้
นอกจากนี้การทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ คือวิธีที่สามารถทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดในการ Work ไร้บาลานซ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะอาหารที่ดีจะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายและสมอง เนื่องจากเมื่อเผชิญกับความเครียด ร่างกายจะดึงสารอาหารชนิดต่างๆ ออกมาเผาผลาญ รวมถึงวิตามินบีที่ใช้ในการสร้างสัญญาณสื่อประสาททั่วร่างกาย และใช้ในการบำรุงสมอง หากร่างกายได้รับวิตามินบีในปริมาณที่เพียงพอ จะสามารถช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวลได้
ทั้งหมดนี้คือ 5 วิธีที่จะสร้าง Work life Balance ที่เราอยากให้คุณนำไปปรับใช้นับตั้งแต่เดี๋ยวนี้ รับรองว่าเรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพจะเดินไปพร้อมกันได้อย่างกลมกลืนแน่นอน….ด้วยความห่วงใยจาก Nat-B_MEGA We care
ขอบคุณข้อมูลจาก :
โฆษณา