2 ก.ค. 2020 เวลา 01:42 • การศึกษา
หลายคนเชื่อว่าการเราจะมีความสุขได้ จะต้องประสบความสำเร็จก่อน จึงทุ่มเททำงานอย่างหนักจนลืมแสวงหาความสุขระหว่างทาง แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่ เราสามารถแสวงหาความสุขในขณะที่กำลังก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จได้
2
วิธีสร้างความสำเร็จและความสุขไปพร้อมๆ กัน
“ไม่โฟกัสที่เงินเพียงอย่างเดียว”
จริงอยู่ว่าเงินสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของ เพื่อยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของเราได้ แต่ว่าทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อย ที่มุ่งไปยังเรื่องของเงินเพียงอย่างเดียว จนอาจจะลืมไปว่า ยังมีมุมอื่นๆ ของชีวิตที่สร้างความสุขได้ โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจเงินทำให้เขาพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไป
เพราะฉะนั้น เราจึงควรทำงานและสร้างความสุขในชีวิตไปพร้อมกัน คือ ทำงานเพื่อให้ได้เงินมา แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีความสำเร็จอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงินอยู่ด้วย เช่น
“การเป็นผู้ให้” บางคนเลือกที่จะให้ความรู้แก่คนรอบข้าง บางคนเลือกที่จะเขียนหนังสือดีๆ ขึ้นมาสักเล่มเพื่อแบ่งปัน ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองรู้ ส่งต่อไปยังผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นเงินทอง แต่เป็นความภาคภูมิใจและความสุขใจ เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้จิตใจชุ่มชื่นเบิกบานได้โดยที่ไม่ข้องเกี่ยวกับเงินทอง
วิธีการแสวงหาความสุขมีมากมาย เราไม่ควรผูกเงื่อนไขความสุขไว้กับสิ่งภายนอกตัว เพราะสิ่งเหล่านั้นเราควบคุมได้ยาก แต่ให้สร้างความสุขจากการฝึกใจของเราเอง ใจที่เป็นผู้ให้ มีเมตตากรุณาต่อผู้คนรอบตัว มีนํ้าใจ มองโลกในแง่ดี มองคนในแง่บวก
รู้จักฝึกใจให้สงบ รู้จักพอใจกับสิ่งที่ตัวมีตัวเป็น เป็นต้น
“พัฒนาเพิ่มพูนทักษะให้ตนเอง”
คนที่มีทักษะมากกว่าผู้อื่น ย่อมมีโอกาสแสวงหาความสำเร็จได้ง่าย เพราะฉะนั้น ศาสตร์ความรู้ต่างๆ เมื่อเราศึกษาเรียนรู้แล้วนำมาผสมผสานกัน จะทำให้เราทำงานได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ความรู้ทักษะต่างๆ ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้ และยังเพิ่มความมั่นใจให้กับคนรอบข้างอีกด้วย ทำให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิต เกิดความสุข เกิดจุดดีมีจุดแข็งหรือจุดเด่นในชีวิต
เพราะฉะนั้น เราจึงหยุดเฉยอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องพัฒนาตนเองด้วยการเพิ่มพูนความรู้และศักยภาพในตนเองให้มากขึ้นเสมอ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่โลกกำลังเปลี่ยนเป็นยุค 4.0 เข้าไปสู่ระบบ Internet of Things (IoT) ถ้าเรามีความรู้ในสิ่งเหล่านี้ ก็จะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ได้เข้าไปมีส่วนในการตลาดแนวใหม่ เข้าถึงผู้บริโภคแนวใหม่ ที่สื่อแบบเก่าๆ ใช้ ไม่ได้อีกต่อไป
ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะที่เป็นประโยชน์ต่องาน ยิ่งเรามีทักษะที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทำให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ มีชีวิตที่สะดวกขึ้น ทำงานง่ายขึ้นมากเท่าไร ก็จะมีคนมาใช้สิ่งที่เราสร้างสรรค์มากขึ้นเท่านั้น และนั่นจะนำความสำเร็จมาสู่ตัวเรา
“พัฒนาความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ”
บางคนจดจ่ออยู่แต่ความสำเร็จของตน จนบางทีเผลอไปลดสัมพันธภาพกับผู้อื่น ทำให้ชีวิตโดดเดี่ยว ขาดความสุข เนื่องจากสัมพันธภาพที่ไม่ดีทั้งกับครอบครัวและผู้ร่วมงาน บางครั้งก็อาจสร้างศัตรูคู่แข่งในการทำงาน ที่เกิดจากการแข่งขันกันเพื่อความสำเร็จ
หากเรามุ่งมั่นกับความสำเร็จมากเกินไป จนละเลยผู้คนรอบตัว เราประสบความสำเร็จแล้วกลับหาคนที่จะมาใส่ใจตัวเรา มาร่วมยินดีกับเราด้วยแทบไม่ได้ ชีวิตคงจะโดดเดี่ยวไม่มีความสุข ความสำเร็จที่ได้มาก็ไม่มีความหมายเท่าที่ควร
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของฮาร์วาร์ด (Harvard) ที่ใช้เวลายาวนานถึง 75 ปี เพื่อศึกษาดูว่าอะไรทำให้คนเรามีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งเรื่อง สุขภาพ การงาน และชีวิตส่วนตัว โดยแบ่งการติดตามผลออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือเด็กนักเรียนฮาร์วาร์ดที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีการศึกษาดี มีฐานะครอบครัวดี กับกลุ่มที่สองเป็นคนที่ทำงานในเรือเดินทะเล ย้ายที่อยู่อาศัยไปเรื่อยๆ ไม่มีหลักแหล่ง มีฐานะทางการเงินและการศึกษาด้อยกว่ากลุ่มแรกมาก
การวิจัยนี้ใช้เวลายาวนานถึง 75 ปี โดยติดตามชีวิตเด็กทั้งสองกลุ่มจนกระทั่งพวกเขามีอายุมาก ได้บทสรุปคือ คนที่มีชีวิตดีมีสุขภาพดี มีจิตใจดีและมีชีวิตที่สงบสุข มีลักษณะตรงกันอย่างหนึ่ง คือ มีความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างที่ดี โดยแสดงให้เห็นว่าความสุขในชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับฐานะทางเศรษฐกิจ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือปัจจัยอื่น แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องเดียว คือ สัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลรอบข้าง
1
รู้อย่างนี้แล้ว เราควรหันกลับไปพัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนใกล้ตัวในครอบครัวของเรา เพราะพวกเขามีผลต่อความสุขของเรามากที่สุด
“ค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการออกเดินทาง”
เพราะการออกเดินทางเป็นการพาตนเองออกจากกิจวัตรเดิมๆ ที่เราทำอยู่ ทำให้ความเครียดลดลงตั้งแต่เราก้าวเท้าออกจากบ้านเลยทีเดียว
การออกเดินทางท่องเที่ยวนั้น ช่วยเพิ่มพูนสิ่งแปลกใหม่ให้แก่ชีวิต ทำให้เราได้พบปะผู้คนใหม่ๆ ได้พบเห็นสถานที่ใหม่ๆ และเจอกับสิ่งต่างๆ มากมายที่แตกต่างออกไป ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆได้เปิดหูเปิดตา เปิดโลกทัศน์ แล้วสามารถนำไอเดียใหม่ๆ กลับมา
ต่อยอดในการทำงานได้อีกด้วย ทำให้เรามีทั้งความสุขและประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อกลับมาแล้วเราก็จะมีพลังงานมากขึ้นโดยอัตโนมัติ เรียกว่าได้ทั้งกำลังใจและกำลังสติปัญญา
นอกเหนือจากข้อที่กล่าวมาแล้ว ยังมีวิธีการที่จะทำให้เราทั้งสุขและสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก นั่นคือการได้รับความสุขจากการส่งต่อความสุขให้ผู้อื่น เริ่มต้นจากเราต้องมีความสุขก่อน เราจึงสามารถส่งต่อความสุขนั้นไปให้ผู้อื่นได้ ซึ่งจะเป็นการการันตีได้ว่า “ตนเองต้องมีความสุข” ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นคนที่ให้ความสุขแก่คนรอบข้างได้อย่างไร
วิธีการส่งต่อความสุขทำได้หลายทาง เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ในที่ต่างๆ ไปเป็นวิทยากรให้ความรู้ จัดกิจกรรม หรือช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส เป็นจิตอาสาพัฒนาสังคม หรือการให้คำแนะนำ การให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน รุ่นน้อง ในที่ทำงานสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นการส่งต่อความสุขทั้งสิ้น
การที่เราส่งต่อความสุขด้วยการให้ จะทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกมีคุณค่าในตนเองว่าเราได้สร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น ยิ่งพอได้เห็นผู้รับมีความสุข ส่งรอยยิ้ม ส่งความสุขกลับมาให้เรา เราจะรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมภายในใจของเราเอง
“รู้จักการบริหารอารมณ์”
ถ้าเราใช้สติปัญญาควบคุมอารมณ์ของตนเอง สามารถควบคุมการแสดงออกของ
ตนเองได้ ในขณะเดียวกันก็พยายามเข้าใจในพฤติกรรมของผู้อื่นทำให้สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างมีความสุข เพราะว่าเราไม่แสดงออกทางอารมณ์ที่เป็นไปในทางตำหนิผู้อื่น ในขณะเดียวกัน ถ้าผู้อื่นแสดงปฏิกิริยาทางอารมณ์ออกมา เราก็จะทำความเข้าใจได้นั่นเอง
สุขหรือทุกข์ ความจริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ เป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับความคิดภายในใจเราต่างหาก ว่าเราจะตีความหรือรู้สึกกับสถานการณ์นั้นๆ อย่างไร แม้เงินตราและความสำเร็จจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จะทำให้เรามีความสุขเสมอไป เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตคนเรานั้น อยู่ที่ความสงบจิตสงบใจ เรียกว่า “สุขใจ” มากกว่า ถ้าเราสามารถทำใจให้เป็นสุขได้แล้วความสำเร็จก็จะตามมาได้ โดยง่าย
เจริญพร
โฆษณา