1 ก.ค. 2020 เวลา 20:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ปิดกองทุน!!! ใครได้ใครเสีย...
เหตุการณ์ สมมุติ
นาย A เป็นเจ้าของโรงแรม 3 โรง สมมุติว่าซื้อมาแห่งละ 500 ล้าน 3 แห่งต้นทุน 1,500 ล้าน สมมุติว่ามีกำไรแห่งละ 60 ล้านต่อปี 3 แห่งกำไรต่อปีอยู่ที่ 180 ล้านบาท
แล้วเขาก็วางแผนจะขายโรงแรมเข้ากองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาเอง
โดยกองทุนที่ตั้งขึ้น ขายหน่วยลงทุนละ 10 บาท จำนวน 300 ล้านหน่วย ได้เงินมา 3,000 ล้าน ไปซื้อโรงแรม 3 แห่งจากนาย A
แล้วนาย A ถือหน่วยลงทุน 51% คิดเป็นมูลค่า 1,530 ลบ.
นาย A จะได้รับเงินสดมา 3,000 ลบ. แล้วจ่ายค่าหน่วยลงทุน (51%)1,530 ล้าน เท่ากับนาย A จะได้เงิน สด 1,470 ลบ.
สิ่งที่นาย A ได้คือ ยังเป็นเจ้าของโรงแรมผ่านกองทุน 51 เปอร์เซ็นต์และได้เงินสดเข้ากระเป๋า 1,470 ล้านบาท
ต่อมาเกิดเหตุการณ์โควิด รายได้ของโรงแรม ลดลง 70% เท่ากับว่า กองทุนที่มีโรงแรมในมือ 3 แห่ง จากเดิมเคยมีกำไร 180 ล้านบาท ลดลงเหลือกำไรเพียง 54 ลบ.
นาย A อาศัยจังหวะนี้ เสนอขายโรงแรม แล้วปิดกองทุน ซึ่งตามหลักจะต้องมีการประเมินมูลค่าโรงแรม ก็ใช้วิธีการประเมินมูลค่าจากรายได้ ด้วยเกณฑ์เดิมคือกองทุนควรมี Net income ที่ 6% แต่กำไรที่เป็น amount อยู่ที่ 54 ลบ. ดังนั้นมูลค่าโรงแรม จึงลดลงเหลือเพียง 900 ลบ.
แล้วนาย A ก็เสนอตัวเองเช่าซื้อที่ราคา 1,500 ล้านบาท และแน่นอนเมื่อโหวตเสียงในที่ประชุม ย่อมต้องชนะเพราะมีการล็อบบี้ เสียงโหวตบางส่วนเพิ่มเติมเอาไว้แล้ว และเมื่อกองทุนได้เงิน1,500 ลบ. นั่นแปลว่าหน่วยลงทุนจะเหลือราคาหน่วยละ 5 บาท เพราะกองทุนมีหน่วยลงทุนทั้งหมด 300 ล้านหน่วย
เมื่อกองทุนได้เงิน 1,500 ล้านก็ต้องเอามาแจกจ่ายผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งใน A ถือหน่วยลงทุนอยู่ 51% หรือคิดเป็นจำนวน 153 ล้านหน่วย
มันจะทำให้นาย Aได้เงินอีก 765 ล้านบาท จากกองทุน
เท่ากับนาย A จ่ายเงินจริง ในการซื้อโรงแรม 3 แห่ง (1,500 ลบ. หัก 765 ลบ.) 735 ลบ เท่านั้น
จบดีล สรุป
1.นาย A ได้เงิน 1,470 ลบ. จากการขายโรงแรมเข้ากองทุน และได้หน่วยลงทุน 51%
2.ซื้อคืน ได้โรงแรมกลับคืนมาทั้ง 3 โรง ด้วยการจ่ายเงินจริงซื้อคืน 735 ลบ.
3. กลับคืนสู่สถานะเดิมเป็นเจ้าของโรงแรมทั้งสามแห่งแบบ 100% ได้กำไร (1,470 ลบ -735 ลบ.) 735 ลบ.
4. ด้านผู้ถือหุ้นรายย่อย 49% หรือจำนวนหน่วยรวม 147 ล้านหน่วย จะได้เงิน จากการปิดกองทุนขายโรงแรมจำนวน 735 ล้านบาทมาแบ่งกัน หรือคิดเป็นหน่วยลงทุนละ 5 บาทเท่ากับรายย่อยที่จองซื้อกองทุนนี้หลังจากถือหน่วยกองทุนไประยะหนึ่ง จะขาดทุน 50% แบบ งง งง และทำอะไร A ไม่ได้เลย
เหตุการณ์ปิดกองทุน ลักษณะนี้ แล้วผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นคนซื้อทรัพย์สินจากกองทุนคืน ไม่ได้เกิดขึ้นจากนาย A เหตุการณ์นี้เพียงที่เดียวครั้งเดียว แต่ก่อนหน้าก็เคยมีนิยายแบบนี้หลายครั้งแล้ว
ซึ่งทุกครั้งรายย่อยที่ไปซื้อหน่วยลงทุนของ'กองทุนที่ไร้จรรยาบรรณ' ตั้งใจมา'โกงรายย่อย'ก็จะขาดทุนเละเทะแบบโดนมัดมือชก
กองทุนดีๆมีจรรยาบรรณมีเป็นร้อยแต่กองทุนน้ำเน่าแบบนี้ ก็มีให้เจอบ่อยๆ
นิยายเรื่องนี้ไม่ได้สอนให้กลัวกองทุน แต่สอนให้ระวังให้มากขึ้น ให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน พิจารณาถึง'เจ้าของผู้ถือหุ้นใหญ่สุดที่เป็นเจ้าของเดิม' ให้ถี่ถ้วน
โฆษณา