รถกระป๋องตราเพชร : ไอเทมสุดฮิตของเด็กไทยเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
หากหมุนเข็มนาฬิกากลับเมื่อประมาณเกือบ 20 ปี "รถกระป๋อง"คือของเล่นสุดฮิตของเด็กไทยยุคนั้น
รถกระป๋องตราเพชร เข้ามายึดหัวหาด และกินส่วนแบ่งทางตลาด จากเจ้าของพื้นที่เดิมอย่าง "รถทามิย่า" (Tamiya) สัญชาติญี่ปุ่น ด้วยฟังก์ชั่นที่ คนเล่น สามารถบังคับรถแข่งได้ด้วยตัวเอง ต่างจาก รถทามิย่า ที่ทำแบบนั้นไม่ได้
Main Stand ขอพาผู้อ่านไปเปิดลิ้นชักความทรงจำเกี่ยวกับ รถกระป๋องตราเพชร หนึ่งในไอเทมของมันต้องมี ที่ยุคหนึ่งทำเอาเด็กไทยต้องเก็บเงินค่าขนม อดออม เพื่อซื้อ รถบังคับยี่ห้อ มาไว้ในครอบครอง
ต้นกำเนิดตราเพชร
แม้จะมีชื่อเรียกติดปากคนไทยว่า "รถกระป๋องตราเพชร" แต่ชื่อจริงๆ ของรถยี่ห้อนี้คือ Auldey ผลิตโดย บ. อัลฟ่ากรุ๊ป (Alpha Group Co., Ltd.) ประเทศจีน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1993
หลังจาก อัลฟ่ากรุ๊ป ดำเนินกิจการไปได้สักประมาณ 7 ปี บริษัทก็ได้เพิ่มไลน์การผลิต ด้วยการผลิตรถบังคับวิทยุ ขึ้นมาวางจำหน่ายในปี 2000
ลักษณะบรรจุภัณฑ์ จะเป็นกระป๋องที่มีรถอยู่ในด้านใน บริเวณตรงฝาเปิด-ปิดกล่อง เมื่อถอดออก จะกลายเป็น รีโมทบังคับ ด้วยลักษณะของดีไซน์บรรจุภัณฑ์ที่แปลกตา คนไทย จึงเรียกรถประเภทนี้ว่า "รถกระป๋อง”
Photo : @princefrogyy
เพียงปีเดียวหลังเปิดตัวรถบังคับวิทยุยี่ห้อ Auldey ในจีน "หจก.ตรีสวัสดิ์" มองเห็นโอกาสในการเติบโต บวกกับกระแสความนิยมต่อรถทามิย่า ของเด็กไทยในเวลานั้น
จึงได้นำเข้า Auldey วางจำหน่ายในไทย พร้อมทั้งเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงเป็นผู้เดียว จนถึงปัจจุบัน
และสิ่งที่ทำให้ คนไทยเรียก รถบังคับวิทยุยี่ห้อ Auldey ว่า "รถกระป๋องตราเพชร" ก็มาจากโลโก้สินค้า ที่แทบจะถอดแบบมาจากแบรนด์ Tamiya เป๊ะ ทั้งเรื่องสี ที่ใช้โทนน้ำเงิน - แดง แบ่งสี่เหลี่ยมสองช่อง ข้างล่างเป็นตัวหนังสือยี่ห้อแบรนด์
จุดแตกต่างของ Tamiya กับ Auldey มีเพียงแค่ฟอนท์ชื่อยี่ห้อ กับ สัญลักษณ์เท่านั้น Tamiya ใช้รูปดาวในโลโก้ ส่วน Auldey ใช้รูปเพชร นั่นจึงกลายเป็นที่มาคนไทยเรียก รถบังคับวิทยุยี่ห้อนี้ว่า "รถกระป๋องตราเพชร”
ยุคเฟื่องฟู
สำหรับเด็กไทยในยุคนั้น การ์ตูนอนิเมะทางทีวี มีอิทธิพลอย่างมากต่อการซื้อของเล่น ถ้าช่วงนั้นการ์ตูนฉายเรื่องอะไร ก็มีโอกาสสูงที่สินค้าที่อยู่ในเรื่องนั้น จะขายดี จนเป็นกระแส เช่น ลูกข่างเบย์เบลด
หรืออย่าง รถทามิยา ที่ได้รับอานิสงส์ มาจากความนิยมของ การ์ตูนเรื่อง นักซิ่งสายฟ้า ที่โดนใจเด็กไทยยุค 90's
จนต้องหาซื้อรถทามิยา มาประกอบ ฝึกหัดโมดิฟาย ปรับแต่ง เปลี่ยนมอเตอร์ นำเอาไปแข่งกับเพื่อนๆ เกิดเป็นทัวร์นาเมนต์ต่างๆ มากมาย เช่นเดียวกับทาง Auldey ในยุคก่อตั้งบริษัท ที่ได้ผลิตรถ Mini 4WD เลียนแบบ ออกมาเกาะกระแสด้วย
Photo : Pikachu Toys
ในกรณีของ รถกระป๋องตราเพชร พวกเขาไม่มีการ์ตูนที่เข้ามาเบิกร่องก่อน เหมือนรถทามิยา แต่ใช้เรื่องของฟังก์ชั่นที่มีมากกว่า และประสบการณ์หาไม่ได้ใน รถทามิยา
รถทามิยา เป็นรถ Mini 4WD ที่แรงและเร็วก็จริง แต่ผู้ซื้อไม่สามารถบังคับมันให้ไปในทิศทางไหนได้ ต้องใช้รางในการเล่น ตรงข้ามกับ รถกระป๋องตราเพชร ที่สามารถใช้รีโมทบังคับให้ รถไปข้างหน้า เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ได้ตามต้องการ
นั่นจึงทำให้กระแสความนิยมต่อ รถแข่งขนาดจิ๋วในไทย เปลี่ยนฝั่งมาอยู่ทาง รถกระป๋องตราเพชร เพราะเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของรถได้ แถมรถกระป๋องก็ยังสามารถนำปรับแต่งได้เหมือนกับ รถทามิยา คนจึงหันมาเล่นรถกระป๋อง เกิดเป็นรายการแข่งขันเพียบ
Photo : Flash & Dash S Thai
ประกอบกับทาง หจก.ตรีสวัสดิ์ ผู้นำเข้ารถกระป๋อง Auldey รายเดียวในไทย ก็จัดการโปรโมตผ่านการยิงโฆษณาคั่นรายการการ์ตูน ยิ่งทำให้เด็กๆ ได้คุ้นเคยกับ รถกระป๋องตราเพชร มากขึ้น แม้ชื่อของรถแต่ละคันอาจจะไม่คุ้นหูอยู่บ้าง จากปัญหาด้านลิขสิทธิ์ก็ตาม
กระแสความนิยมของ รถกระป๋อง ในช่วงนั้น ทำเอาราคาของสินค้าพุ่งสูงขึ้นจากหลักร้อย ไปหลักพันบาทต่อคัน เลยทีเดียว
รถกระป๋องในวันนี้
เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีขาขึ้น ก็ต้องมีขาลง หลังจากเป็นกระแสอยู่ได้สักประมาณ 1-2 ปี รถกระป๋องตราเพชร ก็เริ่มค่อยๆ ลดความนิยมลงมา จากของเล่นที่พบกันแทบทุกที่ เหลือเพียงกลุ่มคนเล่นที่จำนวนจำกัด
Photo : Flash & Dash S Thai
แม้ว่าในปี 2009 จะมีความพยายามบูมกระแสอีกครั้ง ผ่านสร้างการ์ตูนอนิเมะเรื่อง Flash Dash Drift สายฟ้า (มีฉายในไทย) แบบที่การ์ตูนเรื่อง นักซิ่งสายฟ้า เคยทำให้ รถทามิยา ดังระเบิดในเมืองไทย แต่กระแสความนิยมก็ไม่เคยกลับไปเทียบเท่ากับเมื่อช่วงปี 2001-2002 อีกเลย
และปัจจัยดังกล่าวนี้เอง ทำเอาราคาของรถบังคับวิทยุตราเพชร ที่เคยพุ่งไปแตะคันละ 1,000 บาทขึ้นไป ก็ตกลงมา เหลือคันละประมาณ 200 บาท ในช่วงหนึ่ง
"รถกระป๋อง ช่วงก่อนปีที่แล้ว กลุ่มคนเล่นนั้นมีจำนวนน้อยมาก เขาก็นัดแข่งกันตามปั๊มน้ำมัน, หลังถนนบ้าง แต่พอมีคนเอาเรื่องรถกระป๋อง มาตั้งกลุ่มพูดคุยกัน, โพสต์ลงบน Facebook ก็ทำให้เริ่มดึงดูดเข้ามาได้เยอะ จนช่วงก่อนเกิด COVID-19 ตอนนั้น คนเล่นรถกระป๋อง มีจำนวนเยอะขึ้นมาก เรียกว่าเหนือจรดใต้ มีกลุ่มคนเล่นแทบทุกจังหวัด”
"ริน นครสวรรค์" เซียนรถกระป๋องชื่อดัง ที่รับแต่งรถเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ให้สัมภาษณ์ผ่าน Main Stand โดยชี้ว่าปัจจัยที่ส่งเสริมให้ รถกระป๋องตราเพชร ข้ามเวลากลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จากที่เคยตกกระแสไปแล้ว เพราะผู้คนส่วนใหญ่ได้รับรู้ ข้อมูล ข่าวสาร และรวบรวมสังคมคนเล่น ผ่านทางโชเซียลมีเดีย
กลุ่มคนที่เล่นกระป๋องในปัจจุบัน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากเป็น คนอายุจะประมาณ 30 ขึ้นไป ที่มีความผูกพันและคุ้นเคยกับ รถกระป๋องเป็นอย่างดี
บางคนในวัยเด็กเคยลงแข่งขันรถกระป๋อง ก็อยากกลับมาหาบรรยากาศเก่าๆ บางคนตอนเป็นเด็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีเงินซื้อรถกระป๋องคันเป็นพัน พอเวลาผ่านไป 20 ปี เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน มีเงิน ก็อยากเติมเต็มความฝันตรงนี้
Photo : Auldeythailand
สำหรับราคาของรถกระป๋องตราเพชร ในท้องตลาด ปัจจุบัน ถ้าเป็นแบบเดิมๆ ไม่ได้แต่งรถอยู่ที่คันละ 300-400 บาท ถ้าเอาไปปรับแต่งเล่นสนุกสนาน ก็อาจจะเพิ่มเงินไปอีกหน่อยอยู่ที่ 700-800 บาทต่อคัน แต่ถ้าเป็นรถสำหรับแข่งขัน ค่าใช้จ่ายจะตกอยู่ที่คันละ 3000 บาทขึ้นไป
ที่น่าสนใจคือ คนที่ทำอาชีพช่างโมดิฟายรถกระป๋อง ส่วนใหญ่เป็น ช่างซ่อมมอเตอร์ไซด์ เพราะมีทักษะความเชี่ยวชาญในเรื่องการไล่ระบบ
"การแข่งขันก็จะมีหลายแบบ แต่ถ้าหลัก ๆ จะมีแข่งทางตรง และ GT (แข่งในสนาม) ช่วงหลังที่เริ่มกลับมาฮิต แข่งครั้งหนึ่งลากยาวตั้งแต่เช้ายันสองทุ่ม เพราะว่ารถกระป๋องมีหลายรุ่น บางคนอาจมีติดเดิมพันบ้างเป็นสีสัน แต่หลักๆ ทุกคนมาเล่น มาแข่ง มาดู เพราะความชอบในรถกระป๋อง อยากมาเจอสังคม ผู้คนที่มีความชอบเหมือนกัน”
"ส่วนเรื่องรถที่ใช้แข่งขัน เขาจะบังคับใช้รถกระป๋องตราเพชร โดยยึดแผงเดิม รีโมทเดิม ส่วนตัวรถ ส่วนอื่นๆ จะไปตัดแต่งอย่างไร ก็อยู่ที่นักแข่งแต่ละคนเลย เพราะว่าทาง ตรีสวัสดิ์ เขาก็ยังสนับสนุนการแข่งขันอยู่บ้าง เวลาขอถ้วยไป เขาก็ส่งมาให้ตลอด" ริน นครสวรรค์ เผย
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า รถกระป๋อง ไอเทมสุดฮิตในความทรงจำของเด็กไทย จะมีอายุยืนยาวมากว่า 20 ปี และปัจจุบันก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังคงหลงใหลในความเร็วและแรงที่บังคับเองได้ ของรถบังคับวิทยุยี่ห้อ Auldey ที่คนไทยเรียกติดปากว่า "รถกระป๋องตราเพชร"
บทความโดย อลงกต เดือนคล้อย
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
