Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากจะเขียน(ก็เขียน)
•
ติดตาม
2 ก.ค. 2020 เวลา 12:04 • ความคิดเห็น
ทำไมคุณครูไทย มักเป็นศัตรูกับเด็ก Part III
สวัสดีครับชาว Blockdit ทุกท่าน จากสองบทความที่ผ่านมาเกี่ยวกับคุณครู ว่าทำไมคุณครูบางคนเป็นศัตรูกับเด็ก บทความแรกผู้เขียนได้ยกตัวอย่างคุณครูที่มีทัศนคติกับเด็กไม่ดี และบทวิเคราะห์ถึงสาเหตุในพาร์ทที่สอง ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง ทำอย่างไรจึงจะเป็นครูที่เด็กเคารพนับถือ
การเป็นครูนั้นไม่ง่าย เพราะเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว ยิ่งเด็กยิ่งบริสุทธิ์ สิ่งที่เราจะป้อนเข้าไปในตัวเด็กคือสิ่งที่เด็กจะเป็นในภายภาคหน้า เพราะฉะนั้น คุณครูจึงควรระมัดระวังการกระทำและคำพูดที่จะส่งผลกระทบต่อทัศนคติเด็กครับ
1.ต้องเข้าใจว่าเด็กที่ไม่เข้าใจไม่ใช่เด็กโง่ แท้จริงแล้วมนุษย์เรามีคำนิยามของคำว่าโง่อยู่ครับ แต่ไม่ใช่ในกรณีของเด็กที่ไม่เข้าใจในเนื้อหาการเรียน การไม่เข้าใจไม่ใช่ความโง่ แต่มันคือความไม่เข้าใจจริงๆ เด็กบางคนสามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีคนสอน(อัจฉริยะ) เด็กบางคนเข้าใจได้จากการสอนเพียงครั้งเดียว เด็กบางคนอาจต้องใช้การสอนมากกว่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ครูควรทำคือ “ทำหน้าที่ของตัวเอง”ครับ นั่นคือการสอน สอนไปจนกว่าเด็กจะเข้าใจ อย่าคิดว่าเด็กไม่เข้าใจก็ช่างมัน วิธีการสอนมีหลากหลายครับปรับเปลี่ยนกันไป ทั้งการพูด การลงมือทำ การประกบตัวต่อตัว หากวิธีใดที่ใช้แล้วได้ผลก็ใช้ไปครับ หากปลายทางคือการที่เด็กเข้าใจในเนื้อหาที่เราสอน
ที่มารูปภาพ : https://mgronline.com/qol/detail/9590000031644
2.หยุดการคาดหวังจากเด็กว่าเด็กห้องนี้เรียนดี ห้องนี้เรียนด้อย และเลิกแบ่งแยกชนชั้น หลายๆโรงเรียนมักเชิดชูเด็กที่เรียนจบสายวิทย์-คณิตมาก และเมื่อเด็กสายนี้เรียนจบไปเข้ามหาวิทยาลัยในคณะแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ ก็มักจะได้ขึ้นป้ายไวนิลหน้าโรงเรียน กลับกันนักเรียนที่จบสายอื่นมักไม่ได้รับความเอาใจใส่มากเท่านี้ หากมีการแบ่งแยกชนชั้นตั้งแต่วัยเด็ก โตขึ้นมาเด็กพวกนี้จะอยู่ในสังคมที่มีความเชื่อว่าคนเราไม่มีคุณค่าเท่ากันครับ
ที่มารูปภาพ : เพจกูนี่แหละเด็กเอ๋อ
3.เลิกป้อนการบ้านเยอะๆ โดยคิดว่ามันจะทำให้เด็กฉลาดขึ้น การบ้านเยอะไม่ช่วยอะไร กลับช่วยสนับสนุนความคิดที่ว่าหากทำการบ้านเสร็จจะได้รับคะแนน จะไม่ถูกลงโทษ โดยไม่สนว่าการลอกการบ้านคือสิ่งที่ผิด(ในสังคมผู้ใหญ่อาจะเรียกได้ว่าทุจริต) ในวันหนึ่งนักเรียนเรียนเฉลี่ยแล้วขั้นต่ำ 5 วิชา หากคุณครูให้การบ้านเด็กคนละบทรวมเป็น 5 บท เด็กเลิกเรียนมาอาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงในการทำการบ้าน แทนที่จะได้ใช้เวลานั้นกับครอบครัว ทำสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์ ช่วยงานบ้านพ่อแม่ ได้วิ่งเล่นสนุกสนานตามวัยกับเพื่อนๆ กลับต้องมาใช้เวลาส่วนมากไปกับการบ้าน แต่ทั้งนี้ผู้เขียนไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการให้การบ้าน แต่การให้การบ้านควรอยู่ในหลักความเป็นจริงว่าควรให้ปริมาณการบ้านเท่าใด และเด็กเข้าใจจริงไหม หากตรวจการบ้านแล้วพบว่าเด็กไม่เข้าใจต้องรีบแก้ไข
ที่มารูปภาพ : https://www.scholarship.in.th/ผลวิจัยชี้เด็กไทยเรียน/
4.การสอนควรกลับเข้าบทการเรียนที่เคยผ่านมาแล้วบ่อยๆ จากคำพูดครูหลายๆคนที่ชอบพูดว่าเพิ่งสอนไปครั้งที่แล้วทำไมไม่เข้าใจ กลับกันนะครับ ลองคิดย้อนดู หากคุณครูได้รับฟังประโยคหลายๆประโยคต่อวัน แต่ละวันประโยคไม่เหมือนกัน ผ่านไป 1 สัปดาห์จะจำประโยคพวกนั้นได้ทั้งหมดไหม อยากให้คุณครูทุกท่านเข้าใจว่าที่ตนเองคิดว่ามันง่าย ไม่มีอะไรยาก นั่นเป็นว่าคุณคือครู คุณเรียนสิ่งๆนี้มาหลายปี คุณต้องใช้มันในชีวิตประจำวัน แต่เด็กเพิ่งมาเรียนรู้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ อย่าเพิ่งคิดว่าเด็กจะจำได้ทั้งหมด
ที่มารูปภาพ : https://th.pngtree.com/so/สอนหนังสือ
5.เรียนมาก พักหน่อย ในแต่ละคาบเรียน 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมงนั้น เด็กเหนื่อยครับ ลองคิดดดูครับ ครูเหนื่อยเด็กก็เหนื่อย และเด็กนั้นยังเป็นวัยที่มีความสนใจสิ่งอื่นมากกว่าการเรียน สมาธิของเด็กจะทนอยู่กับการเรียนได้ไม่นานครับ หากเป็นไปได้ ลองเล่าสถานการณ์หรือเปรียบให้เห็นภาพ ยกตัวอย่างสอดไส้ไปกับการเรียนจะดีกว่าที่จะยัดเนื้อหาทั้งหมมดครับ
6.หากจะทำโทษเด็ก สามารถทำได้ แต่อยากให้ทำโทษให้ถูกวิธี ความรุนแรงไม่ได้แก้ไขปัญหาได้เสมอไป อยากให้คุณครูรู้ไว้ว่า เด็กไม่ได้อยากไปโรงเรียนเพราะกลัวการถูกตี หรือกลัวความรุนแรง หากโรงเรียนน่าอยู่ ห้องเรียนน่าเรียน คุณครูน่ารัก และเด็กเข้าใจแบบฝึกหัด เด็กจะอยากไปโรงเรียนและอยากทำการบ้านครับ
ที่มารูปภาพ : http://www.thaibook.co.th/4-ขั้นตอนต้องรู้-ก่อนทำโ/
7.ให้โอกาสคน คุณครูที่ดีควรให้โอกาสเด็กครับ เด็กและวัยรุ่นนั้นเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวตอของชีวิต เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ ความคิดได้ของเด็กอาจจะยังไม่มี คุณครูคือผู้ที่มีหน้าที่สอนสิ่งพวกนั้นให้กับเด็ก
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย