3 ก.ค. 2020 เวลา 01:30 • ประวัติศาสตร์
ครอบครัวเยอรมันผู้เป็นเจ้าของ Krispy Kreme กับความลับดำมืดที่ปิดและเลี่ยงจะพูดถึงมาเป็นเวลานาน
“Krispy Kreme” คงเป็นแบรนด์โดนัทแบรนด์โปรดของใครหลายคน และหลายคนน่าจะซื้อทานเป็นประจำ
แต่ครอบครัวเจ้าของแบรนด์นี้ก็มีความลับที่น่าตกใจและเพิ่งจะได้รับการเปิดเผย
ครอบครัว “Reimann” ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Krispy Kreme, Panera Bread, Jimmy Choo, Pret A Manger ไม่เพียงแต่เป็นผู้สนับสนุน Adolf Hitler แต่ยังเคยใช้แรงงานคนงานเยี่ยงทาส และยังมีการล่วงละเมิดทางเพศคนงานอีกด้วย
ครอบครัว Reimann ได้รับการจัดอันดับให้เป็นครอบครัวที่รวยเป็นอันดับสองของเยอรมนี โดยครอบครัวนี้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท JAB Holding บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจหลายอย่าง และทางครอบครัวก็ได้ออกมายอมรับถึงความลับดำมืดนี้ด้วยตนเอง
ในยุค 30 และ 40 “Albert Reimann Sr.” และ “Albert Reimann Jr.” สองพ่อลูกผู้บริหารบริษัทในช่วงที่นาซีเรืองอำนาจ ทั้งคู่เป็นผู้ต่อต้านชาวยิวและยังสนับสนุนการใช้แรงงานทาส
เหล่าคนงานในบริษัทของสองพ่อลูกถูกใช้งานอย่างหนัก ไม่เพียงแค่ที่โรงงาน แต่เหล่าคนงานในคฤหาสน์ของสองพ่อลูกก็ยังถูกกระทำต่างๆ เช่น คนงานหญิงชาวยุโรปตะวันออกจะถูกบังคับให้แก้ผ้า ยืนต่อหน้าผู้คน หากไม่ทำ ก็จะถูกล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนั้น คนงานคนอื่นๆ ยังมักถูกทำร้ายร่างกายและถูกกดค่าแรง
ภายหลังสงคราม ทั้งสองพ่อลูกพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงสิ่งชั่วช้าที่ตนได้กระทำลงไป หากแต่ว่าบรรดาลูกหลานในยุค 2000 ต่างยอมรับความจริงและต้องการให้ความจริงเปิดเผย
เมื่อลูกหลานของสองพ่อลูก Reimann ทราบความจริงว่าพ่อและปู่ของตนเป็นอย่างไร ทายาทตระกูล Reimann ก็รู้สึกละอาย ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่พวกตนทำก็ตาม และได้ขอให้นักประวัติศาสตร์ทำการบันทึกประวัติของครอบครัวตนในส่วนนี้ไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ครอบครัว Reimann ยังได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลเป็นจำนวนมาก
สำหรับครอบครัว Reimann นั้น ร่ำรวยขึ้นมาจากบริษัทเคมีภัณฑ์ ก่อนจะนำเงินไปลงทุนในบริษัท JAB Holding ซึ่งบริษัทนี้ก็ได้ลงทุนในแบรนด์อาหารและขนมอย่าง Krispy Kreme, Pret A Manger รวมทั้ง Peet’s Coffee & Tea
สำหรับทรัพย์สินของครอบครัว Reimann นั้น มีการประเมินว่ามีไม่ต่ำกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 570,000 ล้านบาท)
ถึงแม้ผู้นำตระกูล Reimann จะไม่ใช่คนดี แต่ต้องยอมรับว่าลูกหลานของเขานั้นมีคุณธรรมใช้ได้ทีเดียว ถึงแม้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จะไม่ใช่สิ่งที่ตนก่อเลยก็ตาม
โฆษณา