สวัสดีค่ะ วันนี้จะขอพูดนอกประเด็นจากปกตินิดนึงนะคะ เพราะวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง "นม" กัน
เนื่องจากตอนนี้ลูกของคนเขียนนั้นมีอายุครบ 1 ขวบพอดี จึงได้มีการเปลี่ยนนมให้ลูกจากนมผงมาเป็นนมกล่อง และมีแม่ ๆ หลายคนได้ถามกันเข้ามาเยอะพอสมควรเลยว่า จะเปลี่ยนนมแบบไหนดีให้ลูกดี และนมแต่ละแบบแตกต่างกันยังไง? ประโยชน์และสารอาหารที่ได้นั้นมีอะไรบ้าง? วันนี้เราก็จะมาอธิบายคลายทุกข้อสงสัยให้ทุกคนได้ฟังกันนะคะ
เลือกนมยังไงให้เหมาะกับลูกวัย 1 ขวบขึ้นไป
1. นมผง (milk powder)
เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำนม (dairy product) ที่ได้จากน้ำนมดิบ (raw milk) ที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อ และระเหยน้ำออกด้วยกรรมวิธีการทำแห้ง (dehydration) และเพิ่มสารปรุงแต่งเพิ่อเพิ่มคุณค่าให้กับนมผงเช่น DHA (โอเมก้า 3) ARA เลซิทิน รวมไปถึงสารสกัดจากพืชผักผลไม้ โดยนมผงจะมีการแบ่งออกเป็นสูตร 1 - 4 ตามแต่ละช่วงวัยของลูกน้อง ดังนั้น เวลาเลือกซื้อนมผงสามารถดูข้างกล่องที่ระบุไว้ได้เลยค่ะ ว่านมแต่ละสูตรนั้นเหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงวัยใด ซึ่งนมผงนั้น คือ "นมดัดแปลง" คุณค่าทางสารอาหารและแคลเซียมที่ได้นั้นคงจะเทียบไม่ได้กับนมโคแท้ ถึงแม้จะเติมสารปรุงแต่งเพิ่มลงไปก็ตาม เพราะเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปสารอาหารหลัก ๆ ที่ได้จะมาจากข้าว และกินนมเพื่อรับแคลเซียมเสริมค่ะ
นมผง
2. นมพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurization Milk)
เป็นนมสด 100% ที่ผ่านความร้อนต่ำเป็นเวลานาน (LTLT : Low Temperature – Long Time) โดยใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 62.8 - 65.6 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที โดยความร้อนที่ใช้ "สามารถทำลาย" จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคในคน (Pathogens) ทำให้นมปลอดภัยในการบริโภค แต่ความร้อนที่ใช้ "ไม่สามารถทำลาย" จุลินทรีย์ที่ทำให้นมเสีย (บางครั้งนมที่เราดื่มอาจจะเสียหรือมีรสเปรี้ยวได้ถ้าหากมีการเก็บรักษาที่ไม่ดีและนานจนเกินไป เพราะจุลินทรีย์ตัวนี้ยังอยู่) ดังนั้น นมประเภทนี้จึงมีระยะเวลาการเก็บที่ค่อนข้างสั้น ประมาณ 3 - 7 วัน และต้องเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสด้วย เพื่อป้องกันนมเสีย
นมสด
3. นมสด UHT (Utrahigh – Temperature Milk)
เป็นนมสด 100% ที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อโรคที่อุณหภูมิ 135 – 150 องศาเซลเซียส ในระยะ เวลา 2 – 4 วินาที เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นโทษต่อร่างกายและจุลินทรีย์ที่ทำให้นมเสีย และการใช้เวลาในการฆ่าเชื้อที่สั้นช่วยลดการเปลี่ยนสีของนมได้ โดยนมชนิดนี้มักบรรจุในกล่อง "กระดาษลามิเนตแข็ง" จึงสามารถเก็บได้นานประมาณ 5 -6 เดือนในอุณหภูมิห้อง
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อาจจะมีหลายๆคนที่คิดว่า แล้วนม UHT กับ นมพาสเจอร์ไรส์ ต่างกันยังไงละเนี่ย ดังนั้น เราจะมาสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้เข้ากันใจกันมากขึ้นค่ะ
- ในแง่ของ "รสชาติและคุณค่า"
ก็ต้องยกให้ "นมพาสเจอร์ไรซ์" เพราะผ่านความร้อนที่ต่ำกว่า ดังนั้นคุณค่าต่างๆ ก็ยังคงอยู่หายไปไม่มากนัก รวมทั้งเชื้อโรค เชื้อจุลินทรีย์ บางอย่างด้วย ทำให้ รสชาติไม่แตกต่างไปจากนมสดเท่าไหร่ ยังคงมีรสชาติที่ "หวานมัน"
- ในแง่ของ "การเก็บรักษา"
นมพาสเจอร์ไรซ์นั้นมีเวลาในการเก็บค่อนข้างสั้น (3 - 7 วัน) และยังต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำด้วย การเก็บรักษาจึง "ยุ่งยากกว่า" นมกล่อง UHT แต่ข้อเสียของนม UHT ก็คือ รสชาติความอร่อยและคุณค่าของนมอาจจะลดลงมานิดนึง แต่สามารถเก็บได้นานและสะดวกมากขึ้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นนมแบบไหนก็มีประโยชน์แก่ลูกน้อยทั้งนั้น เพราะอย่าลืมว่าเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปสารอาหารหลัก ๆ ที่ได้จะมาจากข้าวและนมเป็นแค่ตัวเสริมแคลเซียมให้ลูกน้อย ดังนั้น การจัดเตรียมอาหารให้ครบ 5 หมู่ จึงเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของเด็กวัยนี้มากที่สุด และที่สำคัญ 'ของดี' ไม่เป็นจำเป็นต้องแพงเสมอไปค่ะ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
