20 ก.ค. 2020 เวลา 00:00
เบื้องหลังอันอื้อฉาวและหักหลังกันของบริษัทที่มีชื่อว่า Twitter โดย ทิวัตถ์ ชุติภัทร์
หลายคนคงทราบกันดีว่าทุกวันนี้ Twitter มีผลกับโลกมากน้อยแค่ไหน และมันเป็นที่แรกๆที่ข่าวถูกเปิดเผยออกมา มากกว่า 83% ของผู้นำทั่วโลกใช้ Twitter ในการประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ ทุกวันนี้ Twitter มีพนักงานทั้งหมด 3,900 คนและมียอดขายมากกว่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 มีผู้ใช้งานสมัครไปแล้วกว่า 1.3 พันล้านคน และผู้ใช้งานรายเดือนถึง 330 ล้านคน ปัจจุบันอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอย่างบารัค โอบาม่ามีผู้ติดตามเยอะที่สุดใน Twitter ที่ 117.6 ล้านคน รองลงมาคือ จัสติน บีเบอร์ และ เคธี่ เพอร์รี่ มีคนทวิตประมาณ 6,000 ทวีตใน 1 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทโซเชี่ยลมีเดีย บริษัทนึงที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่เบื้องหลังของ Twitter ก็น่าหดหู่ไม่เหมือนกับที่กล่าวมาในข้างต้นแต่อย่างใด
ถ้าเราไปเปิด Twitter แล้วเสิร์ชหาบุคคลบุคคลนึงในนั้นที่มีชื่อว่า Noah Glass (โนอาห์ กลาส) เราจะเจอ Bio ของเขาที่เขียนไว้ว่า “I Started This” หรือผมเป็นคนสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา ทุกคนอาจจะคิดว่าแอพ Twitter นี้ถูกสร้างมาจาก 2 คนคือ Evan Williams (เอแว่น วิลเลี่ยมส์) กับ Jack Dorsey (แจ็ค ดอร์ซี่ย์) แต่จริงๆแล้วโนอาห์มีส่วนสำคัญในการสร้าง Twitter ขึ้นมา ตอนช่วงแรกประมาณปี 2000 ณ เมืองซานฟรานซิสโก โนอาห์ได้สร้างสิ่งนึงขึ้นมาที่สามารถให้คนโทรไปหาหมายเลขๆนึงแล้วจะสามารถเปลี่ยนข้อความของคุณกลายเป็นไฟล์ mp3 ได้ แล้วจะไปอยู่ในอินเตอร์เน็ทในภายหลัง ตอนนั้นคือช่วงแรกๆของอินเตอร์เน็ทช่วงที่ msn hi5 และ myspace ยังดังอยู่ โนอาห์เอาธุรกิจนี้ที่เขาได้คิดค้นไปเป็นบริษัทที่มีชื่อว่า ODEO (โอดีโอ) ซึ่ง 1 ในผู้ลงทุนในบริษัทช่วงแรกๆคืออดีตพนักงานของ Google เพื่อน และ เป็นแม้กระทั่งเพื่อนบ้านของเขา นั่นก็คือ เอแว่น วิลเลี่ยมส์ เอแว่นพึ่งขายบริษัทของเขาไปให้กับ Google นั่นก็คือบริษัทเขียนบล็อกออนไลน์ที่มีชื่อว่า Blogger เขาก็เลยมีเงินเหลือมากมาย
Twitter ของ Noah Glass
หลังจากนั้น ODEO นอกจากเปลี่ยนข้อความเป็น mp3 แล้วก็ยังทำช่องทางในการฟังพอดแคสต์ด้วย หลังจากนั้นบริษัทก็เริ่มมีออฟฟิศเป็นของตัวเอง แล้วก็จ้างพนักงานมาทำงานกันมากมาย ซึ่ง 1 ในนั้นก็เป็นนักดีไซน์เว็บไซต์ และเป็นคนเรียนไม่จบมหาลัยชื่อว่า แจ็ค ดอร์ซี่ย์ เขาตอนนั้นอายุ 29 เป็นคนขี้อายและตอนเด็กๆเขาก็มีปัญหาพูดติดอ่าง เขากำลังอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กในเมืองซาน ฟรานซิสโก และเขาพึ่งโดนปฏิเสธในการทำงานที่ร้านขายรองเท้าไป ช่วงปี 2000 กว่าๆนั้นเอง สก่อนหน้าที่โลกนี้จะมีสมาร์ทโฟน iPod เป็นสิ่งที่ฮิตที่สุดแล้ว และในปี 2005 บริษัท Apple ได้ออกตัวพอดแคสต์ให้ทุกคนสามารถฟังได้ฟรีใน iPod ของพวกเขา ODEO ก็เลยตกที่นั่งลำบากทันที เพราะว่าอยู่ดีๆ Apple บริษัทที่ใหญ่กว่าพวกเขามหาศาลก็มาแข่งกับพวกเขาทันที แต่อีกอย่างนึงคือ พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าการทำพอดแคสต์จะมีบทบาทมากขนาดนี้
หน้าเว็บไซต์ของ ODEO
โดยเหตุดังกล่าว เอแว่น ซึ่งตอนนี้เป็น CEO ของ ODEO ด้วยได้มองเห็นว่าถ้าทำพอดแคสต์ต่อไปคงไปไม่รอดแน่ๆ เลยกะจะปิดบริษัทลง แต่โนอาห์คิดว่าลองให้พนักงานในบริษัทหาไอเดียใหม่ๆในการทำธุรกิจต่อไปดีไหม เอแว่นเห็นด้วยเลยตัดสินใจว่าให้พนักงานทุกคนหาแนวทางใหม่ๆในการเดินหน้าต่อของ ODEO พนักงานตอนเช้าเลยจะแยกตัวออกเป็นกลุ่มๆกันแล้วหาโปรเจคที่สามารถทำให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากทำงานเสร็จพนักงานส่วนใหญ่ก็จะไปเที่ยวกันต่อ แล้วเขาก็จะพูดคุยกันในเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งช่วงนั้นเองที่โนอาห์และแจ็คเริ่มสนิทกันมากขึ้น จนเป็นเพื่อนสนิทกัน ช่วงทำงานที่พนักงานแต่หละคนช่วยกันหาไอเดีย โนอาห์มองไปที่แจ็คแล้วมองว่าแจ็คเป็นคนสำคัญของบริษัท แจ็คมีความคิดเรื่องของการทำ Status (สตาตัส) หรือ ฟีด ซึ่งช่วงปี 2005 ถึง 2008 เป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะ Facebook ไม่เพียงแต่แค่ที่ Facebook แต่ Foursquare กับ Bourbon (ซึ่งตอนหลังก็คือ Instagram) ก็ใช้สแตตัสเป็นอย่างมาก
(จากซ้ายไปขวา) : เอแว่น วิลเลี่ยมส์, โนอาห์ กลาส, และ บิซ สโตน (อีก 1 ผู้ก่อตั้ง)
หลังจากนั้นมีอยู่คืนนึงประมาณตีสอง แจ็คนั่งอยู่บนรถของโนอาห์ แจ็คเล่าให้โนอาห์ฟังว่าเขาอยากจะออกไปจากพวกงานเทคโนโลยีที่เขาทำอยู่ เพื่อไปเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ แต่โนอาห์ให้กำลังใจเขาแล้วขอให้แจ็คเล่าเรื่องไอเดียของสแตตัสให้เขาฟังหน่อย พอแจ็คเล่าให้โนอาห์ โนอาห์ก็ได้ไอเดียก่อนบอกกับแจ็คว่า เรารู้แล้วว่าจะเอาพวกนี้มาเป็นธุรกิจได้อย่างไร มันเริ่มปะติดปะต่อกันเป็นร่างแล้ว พอช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 โนอาห์และแจ็คเลยพรีเซนต์ไอเดียนี้ให้กับทั้งบริษัท ว่ามันเป็นไอเดียที่ถ้าคุณส่งข้อความไปที่หมายเลข 40404 แล้วหลังจากนั้นข้อความนี้จะถูกส่งต่อไปให้เพื่อนทุกคนของคุณให้ได้ทราบกัน แล้วคุณก็ยังสามารถเพิ่มเพื่อนได้ด้วยในข้อความนั้น หลังจากนั้นเขาเลยตั้งชื่อกันว่า twitter โนอาห์จะเป็นคนดูแลโปรเจคนี้ ส่วนแจ็คจะเป็นคนเขียนโค๊ดเอง ซึ่งสมัยนั้นเองเทคโนโลยีมันยังไม่สามารถที่จะให้มีแอพโซเชี่ยล มีเดีย ในมือถือได้ทันที ดังนั้น twitter อันนี้คือสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดแล้ว
ช่วงแรกๆของ Twitter
แต่เขาก็มีคู่แข่งอีกเหมือนกัน นั้นก็คือเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า dodgeball.com แต่สิ่งที่ Twitter สามารถทำได้มากกว่าคือ สามารถโพสในเว็บไซต์และดูข้อความในเว็บไซต์ได้ด้วย หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ที่พวกเขาพรีเซนต์ไป เอแว่นก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นในโปรเจคนี้เท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามก็ให้อิสระโนอาห์ในการดูแลได้ เว็บไซต์ Twitter เปิดตัวในเว็บไซต์ ODEO ในเดือนมีนาคม ปี 2006 พอช่วงกรกฎาคม Twitter ได้มีการพูดถึงในเว็บไซต์สตาร์ทอัพที่มีชื่อว่า techcrunch ปรากฏว่าหลังจากที่ Twitter เปิดตัวไป คนส่วนใหญ่ที่ใช้คือพนักงานในบริษัท ODEO เองซึ่งค่าใช้จ่าย SMS สูงถึงแสนกว่าเหรียญ มันเหมือนกับว่า Twitter คือของเล่นของพนักงาน ODEO มากกว่าจะเป็นอะไรที่สามารถหาเงินได้
Website dodgeball.com คู่แข่งของ Twitter
หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเล็กในเมืองซาน ฟรานซิสโก และก็เลยมีคนใช้ Twitter เล่าเรื่องของแผ่นดินไหวครั้งนั้นกันอย่างมากมาย พนักงานเลยเอะใจแล้วเห็นว่า Twitter มีโอกาสและประโยชน์ในเรื่องของข้อมูล “ข่าวสาร” ซึ่งสามารถทำได้ทันทีทั้งในระดับประเทศและส่วนบุคคล พอสิ้นสุดปี 2006 Twitter มีผู้ใช้งานอยู่ประมาณ 1,000 คน กลับมาที่บริษัท ODEO ตอนนี้บริษัทถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือคนที่ทำงานให้กับ Twitter และ คนที่รักษาบริษัท ODEO ไว้ ในปี 2006 ที่การประชุมบอร์ดผู้บริหารของ ODEO โนอาห์ พรีเซนต์ให้กับบอร์ดฟังเรื่องราวของ Twitter แต่บอร์ดไม่สนใจ และ ไม่รู้ว่าบริษัทนี้จะทำไปทำไม และในเดือนกันยายน เอแว่นได้เขียนอีเมลล์ถึงบอร์ดผู้บริหารของ ODEO ทั้งหมดบอกว่า เขารู้สึกแย่ที่บริษัทนี้ไปไม่ถึงไหน เขาเลยเสนอว่าให้ผู้ถือหุ้นขายหุ้นคืนให้เขาทั้งหมดแล้วเดี๋ยวเขาจะรับไว้เอง พวกเขาตอบรับข้อเสนอ ให้ขาย ODEO กลับมาที่เขา แต่นั่นก็หมายถึงว่ารวมถึง Twitter ด้วย ซึ่งมูลค่าที่พวกเขาขายคืนให้กับ เอแว่น ในตอนนั้น คือประมาณ 5 ล้านเหรียญ ซึ่งอีก 5 ปีถัดมามูลค่าของเงินก้อนนี้เพิ่มขึ้นขั้นต่ำ 1,000%
เอแว่น วิลเลี่ยมส์
คำถามคือ เอแว่น รู้หรือเปล่าว่า Twitter จะโด่งดังและมีมูลค่ามหาศาลได้ขนาดนี้ ปรากฏว่าในอีเมลล์ของเอแว่นที่ส่งให้ผู้บริหารมีเบาะแสอยู่ เขาพูดว่า อย่างกับที่พวกคุณทราบกันดี เกี่ยวกับ Twitter คือหนึ่งในสิ่งที่มูลค่าใน ODEO แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่ามีอะไรที่พอเป็นไปได้กับ Twitter หลังจาก 2 เดือนที่เปิดตัวออกมา Twitter มีผู้ใช้งานต่ำกว่า 5,000 คน ผมจะยังลงทุนใน Twitter ต่อไป แต่มันก็ยังยากที่จะตอบโจทย์การลงทุนของ ODEO เพราะที่สำคัญทั้ง ODEO และ Twitter เป็นคนละตลาดกัน ในมุมนึงเขาอาจจะมองว่า Twitter เป็นอะไรที่เสียเวลา และเขาก็รู้สึกผิดกับมัน หรืออีกมุมนึงคือ เอแว่น โฉบฉวยโอกาสจากผู้ถือหุ้นหรือเปล่า เพราะว่าตอนที่พนักงานของ ODEO ใช้ Twitter กันอย่างหนักจนค่าใช้จ่ายในการส่ง SMS พุ่งสูงถึง 100,000 เหรียญ เขาก็ต้องเห็นความเป็นไปได้ของ Twitter สิ สำนักข่าว Business Insider ได้ไปสอบถามผู้ถือหุ้นหลายๆคนที่เคยถือหุ้น ODEO บางคนโอเคกับเรื่องนี้ บางคนสิ้นหวัง และบางคนรู้สึกว่าเอแว่นเอาเปรียบพวกเขา เป็นไปได้ไหมที่เอแว่นจะบอกกับผู้ลงทุนว่า Twitter ไม่ได้มีค่าอะไรมากหรอก ทั้งๆที่เขานั่งอยู่บนเหมืองทองแล้ว
เอแว่น วิลเลี่ยมส์
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่มีพนักงานคนนึงที่ขอไม่เอ่ยชื่อไปให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เอแว่นมองเห็นว่า Twitter มีความน่าสนใจอยู่ และมีความเป็นไปได้ เขาเลยขอซื้อหุ้นคืนจากทุกๆคน เพื่อที่เขาจะได้ครอบครองไว้คนเดียว หลังจากนั้นไม่นาน เอแว่น กับ โนอาห์ เริ่มมีปัญหากันมากขึ้น โนอาห์ซึ่งตอนนั้นเริ่มเป็นคนดูแลดีไซน์ Twitter ทั้งหมดอยากที่จะดูแลต่อไป แล้วเขาก็อยากเอา Twitter ออกมาจากใต้ ODEO แล้วขึ้นมาเป็น CEO เองเลย และเขาก็ได้เขียนเอกสารไปเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ปัญหาคือถ้าเอแว่นจะขึ้นมาเป็น CEO เอง เขาสามารถทำได้เมื่อไหร่ก็ได้ โนอาห์เริ่มกังวลเลยเอาไปเล่าให้ทางแจ็ค ดอร์ซี่ย์ ฟัง แจ็คปลอบโนอาห์แล้วบอกว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง ต่อมามีวันนึง เอแว่นได้ชวนโนอาห์ไปเดินเล่น แล้วนี่เองที่ความกังวลของโนอาห์ได้เกิดขึ้นจริง เอแว่นไล่เขาออกจากบริษัท ซึ่งจริงๆแล้ว แจ็ค ดอรซี่ย์ คนที่โนอาห์สนิทด้วยและถือเขาเป็นเหมือนเพื่อน คือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดและอยากไล่โนอาห์ออกไป
แจ็ค ดอร์ซี่ย์ และ เอแว่น วิลเลี่ยมส์
แจ็คพึ่งได้ไปเจอกับทางเอแว่นก่อนหน้านี้แล้วขู่เขาว่า เขาจะลาออกจากบริษัทนี้ ถ้าเขาไม่ไล่โนอาห์ออกไป เหตุผลที่ทำไมถึงแจ็คอยากให้โนอาห์ออกไปไม่เคยถูกเปิดเผย หลังจากที่โนอาห์ถูกไล่ออก ในคืนนั้นโนอาห์กับแจ็คก็ไปดื่มกันปกติที่บาร์ โนอาห์ดื่มไปได้สักพักก่อนจะบอกกับแจ็คว่าเขาถูกเอแว่นไล่ออก แจ็คทำตัวซื่อๆและไปโทษเอแว่น หลังจากดื่มกันเสร็จโนอาห์สวมกอดกับแจ็คก่อนที่จะเดินกลับบ้านไปอย่างเศร้าสร้อย แจ็คหลังจากนั้นไม่นานกลายเป็น CEO ของ Twitter และเอแว่นไปเป็นประธานบริษัท
เอแว่น วิลเลี่ยมส์ และ บิซ สโตน
จากปากของพนักงานหลายๆคนและนักลงทุนบางส่วนพูดว่า Twitter อาจไม่ถูกสร้างได้ถ้าไม่มีโนอาห์ กลาส ทุกคนตกใจกับการตัดสินใจไล่โนอาห์ออก โนอาห์ให้สัมภาษณ์ว่า เขาเหมือนโดนหักหลังจากเพื่อนของเขา บริษัทของเขา และคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจรอบๆเขา และสิ่งที่เขาได้พยายามสร้างขึ้นมา เขารู้สึกช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยขอเก็บตัวเงียบๆและพยายามทำอะไรด้วยตัวคนเดียวแทน เอแว่นก็ได้ขึ้นไปมีชื่อในการสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา ส่วนชื่อของโนอาห์ได้เลือนหายไปจาก Twitter หลังจากนั้นไม่นานในปี 2007 ได้มีงานจัดงานที่ชื่อว่า South by Southwest Interactive Conference มีเมืองออสติน รัฐเท็กซัส Twitter ได้เอาจอทีวีขนาด 60 นิ้วไปตั้งในงาน 2 จุดเพื่อโชว์ใครทวีตอะไรบ้างในงาน คนในงานจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในงานผ่าน Twitter ซึ่งคนที่มาพูดในงานต่างๆก็จะพูดถึงความเจ๋งของ Twitter จนได้ยินไปทั่วอเมริกา ในช่วงที่มีงานคนใช้ Twitter ทวีตหากันเพิ่มจาก 20,000 ทวีตต่อวันจนไปถึง 60,000 ทวีตต่อวันเลยทีเดียว พนักงานของ Twitter ได้รับรางวัลในงานนั้นด้วยในฐานะ Web Awards Price แต่โนอาห์ กลาส ที่นั่งอยู่ในโซนคนดูและเป็นคนสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาและถ่ายคลิปจากมือถือของตัวเอง ไม่ได้ขึ้นไปบนเวที
Twitter ในงาน South by Southwest
หลังจากนั้น Twitter กลายเป็นแพลตฟอร์มที่คนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างบนโลก ตอนวันที่ 15 มกราคม 2009 ได้มีเครื่องบินของสายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ตกที่แม่น้ำฮัดสัน มีคนเห็นแล้วโพสรูปลงไปใน Twitter ก่อนสำนักข่าวต่างๆจะมารายงานซะอีก หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2013 Twitter ได้เปิด IPO ที่ 26 เหรียญต่อหุ้น และปิดวันด้วยมูลค่า 44 เหรียญต่อหุ้น ในเดือนตุลาคมปี 2012 Twitter ได้เข้าไปซื้อ Vine แอพที่เอาไว้ส่งวีดีโอเข้าไปข้างในและส่งได้ครั้งหละ 8 วินาที จนแยกตัวเป็นอีกบริษัทนึงตอนเดือนมกราคม ปี 2013 แต่ก็ตัดสินใจปิดตัวลงตอนปี 2016 ทำให้มีช่องว่างให้กับ TikTok เอามาแย่งตลาดในส่วนนี้ หลังจากนั้นในปี 2017 Twitter ได้รายงานผลกำไรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดบริษัทมา
ตอนเปิดตัว IPO ของ Twitter
ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา แจ็ค ดอร์ซี่ย์ ได้ช่วยบริจาคเงินในการช่วยเหลือถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนั่นประมาณ 28% ของเงินของเขาทั้งหมด และมากกว่าอันดับ 2 อย่างบิล เกตส์ และ ภรรยาของเขาถึง 4 เท่า นอกจากนั้นเองเขายังประกาศให้พนักงานทุกคนของเขาสามารถทำงานจากที่บ้านตัวเองได้ หลังจากนี้และตลอดไป โดยที่ยังได้รายได้เท่าเดิมอยู่ด้วย และล่าสุดเมื่อประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาโจมตี Twitter อย่างหนักหน่วง เขาเองก็เป็นคนที่ออกมาปกป้อง Twitter ด้วยตัวเอง จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นจะเกิดจากน้ำมือของแจ็ค ดอร์ซี่ย์ ตัวผมเองตอนรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรกก็ค่อนข้างตกใจและไม่คิดว่าคนอย่างแจ็ค ดอร์ซี่ย์จะทำ เพราะว่าเขาเป็น CEO คนรุ่นใหม่ที่น่าชื่นชม มีจริยธรรมและธรรมมาภิบาลสูงมาก แต่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เมื่อมีเม็ดเงินมาเกี่ยวข้อง
แจ็ค ดอร์ซี่ย์บริจาคเงินถึง 1,000 ล้านเหรียญ
ขอบคุณภาพจาก Digital Organics, Twitter, Techcrunch, Fast Company, Kevin Bondelli, Business Insider, USA Today, Britannica, Wall Street Journal, The Independent, Statista.com
โฆษณา