4 ก.ค. 2020 เวลา 14:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เตือนการเล่นหุ้นขาลง ตอนที่ 5
เมื่อท้าทายลงทุนกับหุ้นวัฏจักร เข้าผิดรอบอาจพอร์ตพังได้
ครั้งนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นวัฏจักรครับ
หุ้นวัฏจักร คือ หุ้นของบริษัทที่มีผลกำไร ผลประกอบการ และราคาหุ้น ขึ้นลงตามแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจนั่นเองครับ ช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ หุ้นแบบนี้จะรุ่งเรืองมากๆ (จนอาจทำให้นักลงทุนบางท่านเผลอคิดไปว่ามันจะดีอย่างนั้นตลอดไป) แต่ในทางกลับกัน ในช่วงที่เศรษฐกิจมันย่ำแย่ หุ้นวัฏจักรก็ร่อแร่ และมักจะตกต่ำสุดๆ เช่นกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า “วัฏจักร” นั่นแหละครับ
1
สามารถแบ่งหุ้นวัฏจักรออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ
1. หุ้นสินค้าสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ตัวอย่างเช่น น้ำมัน ปิโตรเคมี แร่เหล็ก แร่สังกะสี ถ่านหิน เรือ เป็นต้นครับ หุ้นแบบนี้จะมีวัฏจักร ขึ้นลง ตามอุปสงค์ อย่างการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และอุปทาน คือ จำนวนของผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรม เช่น การเพิ่มของจำนวนโรงกลั่นในธุรกิจปิโตรเคมี การเพิ่มขึ้นของจำนวนเรือในธุรกิจขนส่งทางทะเล เป็นต้น
2. หุ้นสินค้าหรือบริการที่มีความต้องการผันผวนตามสภาพเศรษกิจ ตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ้มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รถยนต์ อิเลคทรอนิกส์ รวมไปถึง หุ้นธนาคาร บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ด้วยครับ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชะลอการซื้อได้ และแต่ล่ะเจ้าไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ทำให้ช่วงตกต่ำที่ผู้ผลิตมีเยอะ แต่ผู้ต้องการสินค้ามีน้อย(ชะลอการซื้อ) ทำให้มีการตัดราคากันได้ง่ายๆ
โดยหุ้นวัฏจักรนี้ จะไม่สามารถกำหนดราคาซื้อ-ขายเองได้ แต่จะถูกกลไกตลาดโลกเป็นผู้กำหนดราคาเหล่านี้ ซึ่งราคาเหล่านี้จะได้มาจากอุปสงค์ อุปทานที่เกิดขึ้น
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ในช่วงวิกฤติโควิต 19 นี้ จะพบว่ามีการปิดประเทศงดการเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงในประเทศก็มีงานลดการเดินทางในประเทศด้วย ยิ่งช่วงที่มีการ work from home จะพบว่าการเดินทางนั้นน้อยลงมากๆ
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันน้อยลง เมื่อหลายๆประเทศมีการใช้น้ำมันน้อยลงมากๆ จะเกิดอุปสงค์ที่น้อย แต่อุปทานยังมีมากอยู่ ก็ทำให้น้ำมันมีมูลค่าลดลง ราคาน้ำมันจึงลดลงเพราะไม่มีคนต้องการมากนัก ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้นานๆจะทำให้เกิดการขาดทุนในประเทศที่ผลิตน้ำมันขึ้นได้ เหมือนเตรียมของมาขายเยอะแต่ไม่มีลูกค้ามาซื้อมากพอ จึงต้องลดราคา
4
เหตุนี้เองจึงเป็นตัวอย่างได้ว่า น้ำมันเป็นหุ้นวัฏจักรที่ขึ้นกับกลไกการกำหนดราคาของตลาดโลก ทำให้นักลงทุนที่ไม่ชำนาญหรือดูรอบการขึ้นลงของหุ้นวัฏจักรได้ไม่ดีพอ จะทำให้เผลอลงทุนผิดช่วง ซึ่งถ้าเป็นช่วงขาลงขึ้นมา ก็เท่ากับเรากำลังขาดทุนหนักมากขึ้นนั่นเอง
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเกิดเราคาดการณ์ถูกขึ้นมา เช่น คาดการณ์ว่าต่อไปจะมีการใช้น้ำมันมากขึ้น เกิดอุปสงค์จำนวนมาก ในขณะที่อุปทานไม่พอกับความต้องการ ก็จะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นมานั่นเอง ซึ่งถ้าเราเข้าไปลงทุนช่วงนี้ก็จะสร้างผลกำไรมหาศาลได้ เพราะรอบการขึ้นของหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างแรงและนานเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือนักลงทุนสาย Run trend ควรจะหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนี้ เพราะว่าด้วยพื้นฐานของบริษัทแล้ว เราคาดการณ์รายได้และกำไรได้ค่อนข้างยาก มีความผันผวนไปพร้อมๆตลาดโลก ไม่สามารถคาดการณ์ได้ดีเท่าบริษัทอื่นๆที่เห็นการขายของหรือบริการอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่หุ้นที่เราเลือกมา Run trend ตั้งแต่ต้น
นักลงทุนมือใหม่ควรหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด จนกว่าจะเข้าใจกลไกของหุ้นกลุ่มนี้อย่างถ่องแท้ นอกจากนี้งบการเงินของหุ้นวัฏจักรจะอ่านและทำความเข้าใจยาก มีความผันผวน ปีนี้กำไร ปีหน้าติดลบ สลับไปสลับมา เป็นต้น
และความหายนะจะเกิดขึ้นเมื่อเราเผลอลงทุนในช่วงที่หุ้นกลุ่มนี้กำลังเป็นขาลงนั่นเอง ซึ่งถ้าเราไหวตัวไม่ทัน ตัดขาดทุนไม่เป็น พอร์ตหุ้นเราก็จะขาดทุนมากและกว่าที่มันจะมีราคากลับขึ้นมา บางครั้งก็ใช้เวลานานมากทีเดียว
ตัวอย่างลักษณะกราฟหุ้นวัฏจักร จะเห็นว่ามีบางช่วงก็ขึ้นจนกำไร บางช่วงก็ลงจนใจหาย สลับไปสลับมาแบบนี้
2
ภาพที่ 1 หุ้นกลุ่มปิโตร
ภาพที่ 2 หุ้นกลุ่มโรงกลั่น
ภาพที่ 3 หุ้นกลุ่มปูนและปิโตร
สามารถอ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับกลยุทธ์ Run trend ได้ที่นี่ครับ
โฆษณา