10 ก.ค. 2020 เวลา 22:28 • ท่องเที่ยว
....อินเดีย....
อินเดีย Ep 1. เลห์ ดาลัก Leh dalakh .. Haven on earth
ขึ้นชื่อว่าประเทศอินเดียไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะไปเที่ยว แต่พอน้องที่รู้จักไปเลห์ ดาลัก และให้ดูรูปถ่ายเท่านั้นแหล่ะ ตัดสินใจเลยว่า ชั้นต้องไปให้ได้ ให้ตายเถอะโรบิ้น
หลังจากนั้นก็เริ่มต้นจากหาตั๋วเครื่องบิน ที่ราคาถูกที่สุด และนำไปเสนอเพื่อนๆดู พร้อมให้ดูทั้งภาพประกอบที่น้องไปเที่ยวมา เพื่อหาเหยื่อในการเดินทาง ตอนแรกบอกว่าไปอินเดีย มีคนแต่คนปฏิเสธไม่อยากไป พอให้ดูรูปแล้ว ได้เหยื่อมาทั้งหมด 4 คน รวมทั้งตัวเรา ประกอบไปด้วย เรา เราชื่อเบนซ์ 55 ลืมบอกเลย พี่ติ๊กพี่ที่ทำงาน พร้อมลูกชาย คือน้องต๊ะ อายุ 10 ขวบ และป้าแจง ป้าที่ทำงาน อายุ 57 ปี ทริปเราเลยประกอบไปด้วย เด็ก พี่ และป้า ความสนุกมีจึงเกิดขึ้น
พวกทั้งหมดได้จองตั๋วของสายการบิน air india ซึ่งทั้งหมดไปกลับ 4 ไฟล์ ตกคนล่ะ 11,000 บาท พวกเราไปเดือนพค.กัน ไปกัน 6 วัน 5 คืนจากนั้นก็ทำวีซ่า โดยทำแบบ e visa อินเดีย แบบออนไลน์กัน โดยเราดูตัวอย่างการเขียนในพันทิป ราคาจะถูกกว่าไปทำที่สถานฑูต หลังยื่น e visa ออนไลน์ไป จากนั้น 3 วัน ก็ได้เลยค่ะ ..เป็นอีเมล์ที่ส่งตอบกลับมาค่ะ หลังจากก็ print e visa ติดตัวไว้เลยค่ะ...
เมื่อทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางกัน (เราจองไกด์ที่อินเดียเรียบร้อยแล้ว ไกด์จะเป็นคนหาที่พักให้ ซึ่งสถานทีที่เที่ยว เราได้คุยตกลงกับไกด์เรียบร้อยแล้วพร้อมราคาก่อนออกเดินทาง) เราจองไฟล์ได้เวลา 20.30 น. ทุกคนมาถึงสนามบินกัน เวลา 18.00น. ก็ได้เวลาไปเช็คอินกัน พวกเรายืนรอกันนานมากกว่าจะเช็คอินเสร็จ เดินไปถึง gate เวลา 19.45 น. ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องพอดี เลยอดกินข้าวกันเพราะพวกเราเพิ่งลงเวรกันตอน 16.00 น. air india ที่นั่งสบายมาก บริการดี มีอาหารให้ทานเยอะมาก ขอบอกเลยว่าอาหารอินเดียอร่อยมาก หลังจากนั้นต่างคนต่างหลับกัน
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงประเทศอินเดีย เวลาที่นี่ช้ากว่าประเทศไทย 1 ชม. เราถึงที่นี่ 00.30 น. จากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋า แต่เราเป็นคนที่ขี้ลืมกระเป๋า เลยเอาหมีไปห้อยกระเป๋าไว้ พอถึงที่รอรับกระเป๋า น้องต๊ะก็เรียกน้าเบนซ์นั่นมันหมีน้านะ ใช่จ้า แต่มันอยู่ในมือเด็กน้อยซะแล้ว และแล้วหมีก็จากชั้นไป 555 จากนั้นพวกเรา 4 คน ก็เดินไปด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าเห็นพวกเรา แล้วเรียกเสียงชัดมาก พวกยูมาจากเมืองไทยใช่ไหม มาทางนี้เลย พวกเราเดินไปอย่างรวดเร็วและใช้เวลาอันน้อยนิดในการตรวจ จากที่อ่านในพันทิปมา จะใช้เวลานานมากและตรวจละเอียด พวกเรางงเลย จากนั้นพวกเราก็รอต่อไฟล์ไป เลห์ ดาลัก กันต่อ ซึ่งไฟล์ออก 6.30 น. ใช่แล้วค่ะ พวกเรานอนกันตรงพื้นที่สนามบินกันเลยค่ะ คนนอนรอกันเยอะมาก
และแล้วพวกก็ขึ้นเครื่องพร้อมออกเดินทางไปสู่เมืองเลห์ ดาลัก ด้วยความที่มาครั้งแรก และอยากดูวิว แต่เราดันได้นั่งตรงทางเดินพอดี ลุงซึ่งเป็นคนอินเดียเห็นเราชะเง้อ เลยถามว่า มาครั้งแรกไหม อยากนั่งตรงหน้าต่างไหม วิวสวยดีนะ ใจตอบไปเลยว่าอยากค่ะ และขอบคุณลุง มากๆๆค่ะ อิอิ ได้ดูวิวสมใจอยากล่ะ อยากจะบอกว่าวิวสวยมาก ภูเขาสูงเสียดฟ้าก็เพิ่งเลยเห็นครั้งแรกในชีวิตก็ครั้งนี้แหล่ะ
เรามาถึงสนามบินเมืองเลห์ ดาลัก เรียบร้อยแล้ว ...ไกด์ก็มารอรับพวกเราอยู่ อยากจะบอกว่าอากาศหนาวมากๆๆ อากาศบางเบาเหมือนหายใจไม่อิ่ม และพวกเราก็มาเจอคนไทยที่นี่ พี่เค้าบอกว่ามาถึงเมื่อวานล่ะ แต่ลืมกระเป๋าที่สนามบิน พวกเราได้แต่เอายิ้มกัน สนามบินที่นี่เล็กมากๆ ค่ะ และนี่สภาพคือสภาพของแต่ล่ะคนเมื่อลงเครื่องกัน ไกด์ได้พาพวกเราไปสู่ที่พักค่ะ ไกด์แนะนำว่าให้นอนพักอย่างน้อย 24 ชม. เพื่อปรับสภาพร่างกาย เพราะที่นี่ความกดอากาศและออกซิเจนเบาบาง เสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง High alitude sickness หรือ Acute mountain sickness จะให้เกิดอาการหายใจเหนื่อย ปวดศีรษะ เพราะที่นี่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3500 ฟุต แต่พวกเรามีเวลาจำกัด จึงพักแค่ 6 ชม. และรอไกด์มารับไปเที่ยวต่อช่วงเย็น แต่พวกเตรียวตัวกัน โดยการกินยา diamox มาจากเมืองไทยเพื่อปรับสภาพร่างกาย และเตรียมยา dexa มาเผื่อ ในกรณีที่มีอาการหนัก จากนั้นก็เดินทางไปสู่พักกัน เผื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย
บรรยากาศรอบๆสนามบินค่ะ
เวลา 16.00 น. ไกด์ได้รับพวกเราไปเที่ยวที่แรกที่เราไปกันคือ Shanti stupa & Leh place เป็นสถานที่เก่าแก่ของเมืองเลห์ บรรยากาศดี วิว สวย ทางขึ้นเป็นบันไดเล็ก ทางชัน สูงมากและมีที่ให้ชมเยอะมาก ซึ่งใช้เวลาเดิมชมกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งก่อนเดินทางมาที่นี่ เราได้แจ้งทุกคนล่ะ ให้บริหารขากันมาอย่าง เวลาเดินจะได้ไม่เหนื่อย เพราะกลัวจะปรับตัวสภาพอากศไม่ได้ จะทำให้เหนื่อย หายใจลำบาก ปวดหัว โดยเฉพาะพี่ติ๊ก บอกว่าสบายมากแกไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นเดินทำงาน ขึ้นเวรทุกวันเหมือนแกนั่นแหล่ะ ซึ่งตอนนั้นเป็นห่วงป้าแจงที่สุดเพราะเพิ่งผ่าตัดมดลูกมาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ก่อนจะเดินทางมาเที่ยวประเทศอินเดีย พอถึงเวลาจริงทุกคนชิลมาก ทั้งเรา ป้าแจง น้องต๊ะ แต่หันเจอเจอพี่ติ๊ก พวกแกไปเถอะ พี่รอตรงนี้ ไม่ไหว 55 และหายใจเหนื่อยนิดนึง หอบ เพราะยังปรับตัวไม่ทัน ทุกคนก็เดินเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน และสุดท้ายก็มารับพี่ติ๊กที่ทางขึ้น เพื่อกลับขึ้นรถ
หลังจากนั้นไกด์ ก็พาพวกเรากลับที่พัก แต่พวกเราได้สอบถามของของโรงแรมพบว่า local market อยู่ไม่ไกลจากที่พัก เดินไปประมาณ 2 กิโลก็ถึง หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เวลาเดินไปกันค่ะ ที่นี่ผู้คนน่ารักเป็นเอง มีความเป็นสุภาพบุรุษ มากๆ เมืองน่ารัก ของกินอร่อย
หลังจากเดิมชมเมือง และทานข้าวกันเรียบร้อย ก็ได้เวลากลับที่พักกันค่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวเตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อ มาลุ้นกันต่อนะคะ ว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวที่ไหนกัน ลืมบอกค่ะที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีไวไฟ ตัดขาดจากโลกภายนอกเลย
ปล.. รูปภาพทุกรูป ถ่ายจากโทรศัพท์ oppo ค่ะ กล้องที่เอาไปของ sony nikon olympus cannon น็อคทุกตัวค่ะ พอเจออากาศติดลบ สรุปทริปนี้ oppo ชนะค่ะ
โฆษณา