8 ก.ค. 2020 เวลา 10:02 • ความงาม
หลายๆคนเลือกซื้อครีมกันแดดโดยดูเพียงแค่ค่า SPF กับ PA เท่านั้น จริงๆแล้วยังมีรายละเอียดอื่นที่เราต้องพิจารณาด้วยค่ะ
Cr. everydayhealth
ก่อนอื่น เราควรรู้สภาพผิวของเราก่อนว่าเป็นผิวประเภทไหน ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย
เมื่อรู้สภาพผิวของตัวเองแล้ว เราก็ค่อยมาดูว่าครีมกันแดดตัวไหนที่เหมาะกับสภาพผิวของเราบ้าง โดยครีมกันแดดเหล่านี้มักจะระบุไว้ชัดเจนบนฉลากและแตกต่างกันในลักษณะของเนื้อครีม เช่น เนื้อครีม เนื้อเจล เนื้อโลชั่น เป็นต้น ซึ่งวิธีการทาก็จะแตกต่างกันไปด้วย
หลังจากนั้นเราค่อยมาดูคุณสมบัติในการป้องกันแสงแดดค่ะ
ครีมกันแดดที่ดีนั้น ควรปกป้องผิวได้ทั้ง UVA UVB และ Visible Light ซึ่งในบางรุ่น บางยี่ห้อ สามารถป้องกัน Infrared (IR) ได้อีกด้วยค่ะ
หากเราดูรายละเอียดที่เขียนบนฉลาก เราก็จะเจอคำเหล่านี้ ซึ่งบอกได้ว่าครีมที่เรากำลังดูนั้น ป้องกันอะไรได้บ้าง
Cr. amazon
“Broad Spectrum” คือ คำที่บอกว่าครีมกันแดดชนิดนั้นสามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB
“SPF” คือ ค่าการป้องรังสี UVB ซึ่งยิ่งมีเลข SPF สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งกันรังสีได้มากขึ้นเท่านั้น เช่น
SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93%
SPF 30 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 97%
SPF 50 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 98%
SPF 50+ สามารถป้องกันรังสี UVB ได้มากกว่า 98%
“PA” คือ ค่าการป้องกันรังสี UVA ซึ่งยิ่งมีเครื่องหมายบวก + มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกันรังสีได้มากขึ้นเท่านั้น เช่น
PA+ สามารถป้องกันรังสี UVA
PA++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้สูงกว่า PA+
โดยปัจจุบันค่าสูงสุดอยู่ที่ PA++++
สำหรับ Visible Light เช่น แสงจากหลอดไฟ จอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ นั้น ยังไม่มีหน่วยวัดค่าการป้องกันแสงประเภทนี้ค่ะ
ซึ่งครีมกันแดดไหนก็ตามที่สามารถป้องกันแสงชนิดนี้ได้ จะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า Visible Light Sunscreen ค่ะ
Cr. eucerin
นอกจากนี้หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่าแสงสีฟ้า (HEVIS Light) อยู่บ่อยๆ ซึ่งแสงสีฟ้าก็เป็นส่วนของ Visible Light แต่เป็น High Energy Visible Light ดังนั้นก็ให้ดูที่เขียนว่า HEVL หรือ Visible Light Sunscreen ค่ะ
สำหรับ Infrared (IR) นั้น จะมีการเขียนอย่างชัดเจนว่า Infrared หรือ IR บนฉลากเช่นกันค่ะ
หากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ว่ายน้ำ หรือไปทะเลเล่นน้ำ ก็ควรพิจารณาค่าการกันน้ำ หรือที่เรียกว่า Water Resistant ซึ่งหมายถึงเวลาในการกันแดด แม้ว่าจะอยู่ในน้ำหรือมีเหงื่อออก โดยทั่วไปจะมีการกำกับเวลาไว้ เช่น
Water Resistant (40 Minutes) กันแดดได้นาน 40 นาที ในขณะเปียกน้ำหรือเหงื่อ
Water Resistant (80 Minutes) กันแดดได้นาน 80 นาที ในขณะเปียกน้ำหรือเหงื่อ
Very Water Resistant กันแดดได้นาน 80 นาที ในขณะเปียกน้ำหรือเหงื่อ
4h Water Resistant กันแดดได้นาน 4 ชั่วโมง ในขณะเปียกน้ำหรือเหงื่อ
นอกเหนือการเลือกครีมกันแดดที่ดีแล้ว เราต้องมีวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องด้วย จึงจะทำให้ครีมกันแดดปกป้องผิวเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมอจะพูดถึงในบทความต่อไปค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
#DrKangsadan #PewStory #หมอกังสดาล #เรื่องผิวผิว
โฆษณา