9 ก.ค. 2020 เวลา 12:30
เรื่อง “หวย..หวย” กับชาวสยาม
การพนันมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว แต่หวยเกิดขึ้นครั้งแรกในสยามสมัยรัชกาลที่ 3 ช่วงแรกนิยมเล่นกันเฉพาะในหมู่ชาวจีนอพยพเท่านั้น
ภาพชาวสยามเล่นพนัน : หนังสือฉายาลักษณ์สยาม
คำว่า "ฮั่วฮวย Huā huì 花會" ภาษาจีน แปลว่า "ชุมนุมดอกไม้" และพูดเพี๊ยนมาเป็นหวยไปในที่สุด
ในช่วงนั้นฝิ่นเข้ามารุกรานประเทศสยาม ผู้คนติดฝิ่นกันอย่างหนัก ภาวะสงครามฝิ่นระหว่างจีนกับอังกฤษ ผลกระทบนั้นจึงมาสู่สยาม
ผลกระทบของสงครามทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น เคราะห์ซ้ำทั้งภัยน้ำหลากและเกิดฝนแล้งสลับกัน ข้าวของขาดตลาดและมีราคาแพงขึ้นจนประชาชนต้องอดออมเก็บเงินลดการใช้จ่ายอย่างหนัก
ผู้เสพฝิ่นแพร่หลายอย่างหนัก
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบถึงผลกระทบของพิษฝิ่น ที่ผู้คนติดกันอย่างหนัก จึงโปรดให้เอาฝิ่นมาเผาทำลายไปเสียมาก และประกาศบังคับใช้กฎหมายลงโทษ อย่างไรแล้วก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงได้
จนกระทั่งมีเจ้าสัวชาวจีนคนหนึ่งในตำแหน่งนายอากรสุรา นามว่า"จีนหง"
จีนหงเป็นนายอากรที่ร่ำรวยและมีความถนัดทางด้านการค้าเป็นอย่างมาก จึงได้นำความกราบทูล และเสนอวิธีแก้ไขปัญหาด้วยการออกหวยให้ประชาชนเล่นเหมือนที่เมืองจีน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรึกษากับบรรดาพ่อค้าชาวจีนมากหน้าหลายจนเห็นพ้อง จึงโปรดให้จีนหงออกหวยขึ้นครั้งแรก เมื่อเดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ. 2375
จีนหงได้รับสัมปทานเป็นนายอากรหวย และได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนบาลเบิกบุรีรัตน์" หรือคนทั่วไปมักจะเรียกว่า “ขุนบาล” (เจ้ามือหวย)
เจ้าสัวจีนหงจึงควบตำแหน่งทั้งนายอากรสุราและนายอากรหวย
ในสมัยนั้นสยามใช้ระบบให้เอกชนขับเคลื่อนเข้าสัมปทานในธุรกิจต่างๆ และตกลงทำสัญญามีหน้าที่เก็บภาษีอากร ลดภาระการดูแลโดยตรงจากส่วนกลาง โดยมอบอำนาจการบริหารการค้าให้กับผู้สัมปทาน และรัฐก็ได้รับอากรจากหวยจำนวนไม่น้อย
การเล่นฮั่วฮวยที่แปลว่า "ชุมนุมดอกไม้" หรือหวยแต่เดิมของชาวจีนนั้น จะใช้วิธีเขียนตัวหวยเป็นรูปดอกไม้แล้วทาย บ้างก็แกะสลักเป็นรูปดอกไม้ชนิดต่างๆ บนใบหวย และพัฒนามาเป็นทายแผ่นป้ายรูปบุคคลสำคัญของจีน
1
ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นทายแผ่นป้ายอักษรจีน
แต่ไปๆมาๆ คอหวยสยามกลับงง จึงพัฒนามาใช้วิธีออกหวยเป็นแบบอักษรไทยแทน
เขียนออกหวยมี 34 ตัว ตัดอักษรทิ้ง 8 ตัว คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ ใช้วิธีเขียนอักษรไทยลงในแผ่นป้ายดังเดิม จนเป็นที่มาของ "หวย ก. ข."
แต่เพื่อให้ง่ายต่อชาวสยาม ขุนบาลจึงเปลี่ยนจากอักษรจีนมาใช้อักษรไทยแทน ตามด้วยชื่อคนจีนโบราณที่เขียนด้วยตัวอักษรไทย เช่น ก.สามหวย ข. ง่วยโป๊ เป็นต้น
ซึ่งอยู่บนป้ายจำนวน 34 ป้าย และต่อมาได้เพิ่มชื่อขึ้นอีก 2 ชื่อ รวมเป็นตัวหวย 36 ป้าย
หวย ก.ข.
หลักการเล่น เจ้ามือจะเลือกแผ่นป้ายชื่อ 1 แผ่นใส่ในกระบอกปิดฝามิดชิดแล้วแขวนไว้บนหลังคาโรงหวย ส่วนคนเล่นจะทายว่าชื่อในกระบอกที่ถูกเลือกนี้ เป็นชื่อของใคร ถ้าทายถูกเจ้ามือจะต้องจ่าย 30 ต่อ 1
การออกหวยในช่วงแรกของสยามจะออกทุกวัน วันละครั้งในตอนเช้าและประกาศในช่วงดึก ด้วยความถี่ของการออกหวยรวมทั้งรางวัลที่จะได้รับทั้งล่อตาล่อใจ และมีผู้ที่ถูกรางวัลกันจนเป็นที่น่าอิจฉา จนหวยได้รับความนิยมไปในที่สุด
ต่อมาจึงมีผู้ต้องการทำโรงหวยกันมากขึ้น โดยผู้ขอตั้งโรงหวยขึ้นอีกแห่ง คือ พระศรีวิโรจน์ โรงหวยนี้ตั้งอยู่ย่านบางลำภูออกหวยช่วงค่ำ ๆ ในครั้งนั้นจึงมีโรงหวยสองโรง ออกหวยทั้งเช้าและค่ำ เล่นกันได้วันละสองเวลา
จนต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีผู้ขอสัมปทานอากรหวย ขอจัดตั้งขึ้นที่ถนนเพชรบุรีและถนนศรีอยุธยา แต่ทั้งสองแห่งใหม่นั้นก็ออกหวยให้เล่นได้ไม่นาน พระองค์จึงโปรดให้เลิกหวยทั้งสองแห่งเสีย เนื่องจากทรงเห็นว่าราษฎรยากจนลงกว่าเดิม
ภาพสี่กั๊กเสาชิงช้า : หนังสือย่านการค้า”ตะวันตก”แห่งแรกของกรุงเทพฯ
เรื่องหวยนี้ได้มีผู้บันทึกบรรยากาศโรงรับหวย ในยุครัชสมัยรัชกาลที่ 5-6 โดยขุนวิจิตรมาตรา ได้บรรยายบรรยากาศในยุคนั้นว่า
“...เลี้ยวถนนบำรุงเมือง ผ่านเสาชิงช้ามาสี่กั๊ก เลี้ยวเข้าถนนตะนาวกลับบ้าน มาตามทางดูเงียบเหงาเหมือนเมืองร้างไม่มีผู้คนเลย นอกจากจะมีร้านเจ๊กเขียนหวยอยู่สักสี่ห้าร้าน เช่นที่ประตูผี ตลาดเสาชิงช้า สี่กั๊กเสาชิงช้า และถนนบ้านตะนาวตรงข้ามฟากถนนแพร่งนรา...ร้านเขียนหวยลางร้านมีคนยืนแทงหวยอยู่คนสองคน ลางร้านก็ไม่มีเลย มีแต่เจ๊กนั่งเขียนโพยอยู่คนเดียว...”
บันทึกชิ้นนี้ได้บรรยายให้เห็นถึงโรงหวยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และชาวจีนมักเป็นเจ้าของในส่วนนี้
การประกาศหวยในยุคนั้นจะใช้วิธีให้คนเดินบอกป่าวประกาศในช่วงสองยาม กลางค่ำคืนที่สงัด ผู้คนทั่วไปมักเรียกว่า “คนเดินบอกหวย”
คนเดินบอกหวยจะรับโพยจากเจ้ามือและเริ่มออกป่าวประกาศราวสองยาม
คนเดินบอกหวยจะตะโกนบอกผลหวยไปตามทางเรื่อยๆ การประกาศหวย ก.ข. จะดังกังวาน แทรกความเงียบ ผู้ที่เล่นหวยก็จะคอยเงี่ยหูฟัง ส่วนผู้ที่ไม่เล่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รำคาญแต่อย่างใด
พระอนุวัฒน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) ยี่กอฮงขุนบาลหวยคนสุดท้ายของไทย
ในกาลต่อมานายอากรบ่อนเบี้ย ผู้คุมการออกหวย ก.ข. ก็ได้เปลี่ยนมาเรื่อย จนกระทั่งถึงพระอนุวัฒน์ราชนิยมเป็นนายอากรหวย ก.ข. คนสุดท้าย ก่อนจะยกเลิกไปในช่วงรัชกาลที่ 6 พ.ศ.2458 ด้วยสาเหตุคนสยามติดการพนันและการผุดขึ้นของเจ้ามือหวยเถื่อนเกินรัฐบาลจะควบคุมไหว
คาสิโนสยาม
พระอนุวัฒน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) ผู้จัดตั้งมูลนิธิป่อเต
พระอนุวัฒน์ราชนิยม(ยี่กอฮง)นายอากรหวยคนสุดท้ายที่กล่าวถึง คือผู้อุทิศสมบัติเพื่อสาธารณประโยชน์ และบริจาคทรัพย์สินไว้อย่างมากมาย มูลนิธิที่ยี่กอฮงได้เคยจัดตั้งและยังคงดำเนินมาถึงปัจจุบัน นั่นคือ “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” จากการรวมตัวกันของเหล่าเจ้าสัวพ่อค้าจีนในสมัยนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
การประกาศผลสลากกินแบ่งรัฐบาลในอดีต
อย่างไรก็ตามหวยได้ถูกพัฒนาต่อมาเป็นลำดับ จนเป็นลอตเตอรี่รัฐบาลสยามอย่างเป็นทางการนำรายได้เข้าประเทศ ครั้งแรกใน พ.ศ.2476 โดยการพิมพ์ออกจำหน่าย 1 ล้านฉบับ ราคาฉบับละ 1 บาท ทำแค่ปีละเพียงสี่งวดเท่านั้น และเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกจริงจังทุกเดือน ใน พ.ศ.2482 และพัฒนามาเรื่อยๆ จนเป็นรัฐวิสาหกิจของกระทรวงการคลังขึ้นใน ปี พ.ศ.2517
❤️กดไลค์ กดแชร์ ติดตามเป็นกำลังใจ❤️
🙏ขอบพระคุณครับ🙏
อ้างอิง:
- หนังสือย่านการค้า”ตะวันตก”แห่งแรกของกรุงเทพฯ โดย ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย
โฆษณา