Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Around We Grow
•
ติดตาม
8 ก.ค. 2020 เวลา 06:39 • ความคิดเห็น
จากช้าง ถึง ลิง
วันนี้อยากแสดงมุมมองในเรื่องที่ร้อนมากๆ คือเรื่องการใช้ลิงเก็บมะพร้าว
ส่วนตัวแล้วอยากให้แยกเรื่องนี้เป็น 2 ประเด็น ส่วนแรกคือที่ประเทศอังกฤษ(และอาจจะมีชาติอื่นๆตามมา) ประกาศยกเลิกการนำเข้ามะพร้าวจากไทยเพราะได้มาจากการทรมานสัตว์ ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่? ตรงนี้น่าจะเห็นไปทางเดียวกันว่าเป็นข้ออ้างในการกีดกันทางการค้าเสียมากกว่า เพราะสัดส่วนของสวนมะพร้าวที่ใช้ลิงเก็บนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณมะพร้าวที่ส่งออก จนอาจกล่าวได้ว่า ถ้ามัวแต่ใช้ลิงเก็บน่าจะไม่ทันกิน
ส่วนที่ว่าฝรั่งเองก็มีกิจกรรมทรมานสัตว์มาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนั้นก็อยากให้ตัดออกไป เพราะจะเถียงกันไม่จบไม่สิ้น เอาเป็นว่าใครทำก็ผิดทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจำเป็นแค่ไหน
อะไรที่ทำกันมาปกติหลายชั่วคน พอคนจากต่างถิ่นไม่เห็นด้วย ท้องถิ่นเดิมก็มีการต่อต้านหวงแหนวิถีชีวิตดั้งเดิมของตัวเองเป็นธรรมดา มีให้เห็นได้ทั่วโลก ทั้งการล่าวาฬ ขี่ม้า ขี่อูฐ สู้วัว ฟัวกราส์ เสื้อขนสัตว์ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนถูกสังคมตั้งคำถามมาแล้วทั้งนั้น และหลายครั้งจบลงด้วยการออกกฎหมายห้ามนำเข้า หรือจำหน่าย เช่น การห้ามนำเข้าหรือขายฟัวกราส์และผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ในบางประเทศ หรือหากเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนบางกลุ่ม เช่นการล่าวาฬ ล่าสัตว์ การสู้วัวที่รวมศิลปะหลายอย่างของชาติเขาไว้ด้วยกัน ก็จะมีการออกใบอนุญาต การกำหนดโควต้า การตั้งกำแพงกฎเกณฑ์ต่างๆให้การกระทำเหล่านี้ทำได้ยากขึ้น ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่จำกัดไว้แค่คนบางกลุ่มเท่านั้น
ล่าสุดแคนาดาก็ออกกฎหมายไม่ให้มีการเลี้ยงโลมาหรือวาฬในสวนน้ำ ส่วนการล่าวาฬ เมื่อถูกจำกัด ชาวประมงที่เคยล่าวาฬก็หันมาออกเรือชมวาฬเพื่อการท่องเที่ยวแทน
แต่อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจและต้องถกเถียงกันอีกไม่น้อย คือการฝึกลิงให้เก็บมะพร้าวนั้นเป็นการทรมานสัตว์หรือไม่?
เรื่องนี้ต้องเปิดใจมองเสียหน่อย เพราะส่วนตัวเคยไปดูโรงเรียนฝึกลิงเก็บมะพร้าวมาบ้าง ที่มองว่าน่าเอ็นดูนั่นก็ส่วนหนึ่ง ที่ตั้งคำถามจนตอนนี้ยังไม่มีคำตอบก็ส่วนหนึ่ง ได้เห็นลิงที่ยังไม่เชื่องถูกล่ามไว้เดินงุ่นง่านพยายามจะออกจากที่ล่ามแต่ไปไหนไม่พ้น จนมันยอมไปเอง นึกถึงฉากในเรื่อง Happy Feet ที่เพนกวินถูกขังอยู่ในตู้ นานไปก็เริ่มหลอนและลืมจนเสียสติไปแทน
ข้อแรกคือลิงนั้นไปได้มายังไง ถ้าเพาะเลี้ยงกันก็ไม่น่าจะผิดอะไร แต่ถ้าไปฆ่าแม่เอาลูกหรือไปจับมาจากธรรมชาติ แบบนั้นสมควรมั้ย? ลิงเลี้ยงต้องขึ้นทะเบียนฝังไมโคชิปส์รึเปล่า ไม่อย่างนั้นจะให้คนมาดักลิงป่าไปฝึกได้หรือ? ตอนถามครูฝึกเขาบอกว่าคนเอามาให้ฝึก (แปลว่าผู้ฝึกไม่รับรู้ว่าลิงนั้นมายังไง)
ข้อสองคือความเป็นอยู่ จริงอยู่หลายคนรักลิงเหมือนลูก แต่พ่อแม่แต่ละคนเลี้ยงลูกไม่เท่ากันแน่ๆ บางคนเฆี่ยนลูกจนได้แผลถ้าลูกดื้อ บางคนบังคับลูกเรียนหนังสือจนเครียด เพราะฉะนั้นมันต้องมีหลักเกณฑ์หรือกฎข้อบังคับบางอย่างด้วย ไม่ใช่บอกว่ารักแล้วจบกันไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก คุ้มครองแรงงาน คุ้มครองสัตว์ เพราะแค่รักก็จบ แบบนี้ก็ได้เหรอ?
เอาเป็นว่าใครเคยเห็นลิงกับเจ้าของรักกันแฮปปี้ ก็คงมองว่าไม่มีการทรมานใดๆ เป็นแค่การฝึกธรรมดา แต่ก็มีคนที่เคยเห็นลิงถูกทรมานจริงๆ ทั้งที่ถูกผูกไว้จนเป็นแผลที่คอ ที่เครียดทำร้ายตัวเองเพราะโดนผูกไว้ตลอดเวลา ที่สุ่มเสี่ยงจะตกรถตายเพราะโดนผูกไว้ท้ายรถกระบะ จะว่าเราดัดจริตโลกสวยก็ได้ เพราะเราเห็นว่ามีวิธีอื่นที่อันตรายน้อยกว่านี้ ทำไมไม่ทำ
ข้อสามคือลิงปลดระวางแล้วไปไหน ตรงนี้เคยถามครูฝึกแล้วพูดตรงกันว่าลิงมีความเป็นสัตว์ป่าสูงมาก ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงเหมือนหมา จะเชื่องเฉพาะแต่กับเจ้าของ แต่หากไม่ได้อยู่กับเจ้าของนานก็ลืม ถ้าไม่ใช่คนที่คุ้นเคยก็จะกัด ยิ่งโตก็จะยิ่งดุ คำถามคือจะมีกี่คนที่เลี้ยงต่อเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นสมาชิกตัวหนึ่งในครอบครัว หรือถูกล่ามขังกรงไปเรื่อยๆตลอดชีวิตที่เหลือเพราะหมดประโยชน์แล้ว?
บางคนเปรียบเทียบกรณีนี้กับช้าง ที่ถูกต่างประเทศต่อต้านมากเหมือนกัน พร้อมยกกรณีที่ฝรั่งนำพิธี “ผ่าจ้าน” ของทางเหนือมาโจมตีว่าโหดร้ายมาด้วย ว่าเป็นความเข้าใจผิดและไม่ยอมรับวัฒนธรรมที่แตกต่าง
ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะแนวคิดของการผ่าจ้านนั้นคือการแยกแม่ช้างกับลูกช้างออกจากกัน ตรงนี้ก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่มีความจำเป็นเลยเพราะสมัยนี้ช้างมีไว้เพื่อการท่องเที่ยวอย่างเดียว ไม่ใช่เพื่อใช้งานอย่างในอดีต
ช้างกับลิงก็คล้ายกับคน ตรงที่ฉลาดกว่าสัตว์อื่น และเป็นสัตว์สังคม คำถามว่าสัตว์เหล่านี้เกิดความเครียดมั้ย อายุสั้นลงรึเปล่าที่ถูกใช้งาน คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้มาตอบ
ในกรณีของช้างนั้น ปัจจุบันมีการตื่นตัวให้ท่องเที่ยวกันในรูปแบบใหม่ คือไม่ขี่บนกูบ ไม่ดูโชว์ ไม่ใช้ขอสับช้าง นับว่าเป็นปรับตัวที่ดีทั้ง 3 ฝ่าย เจ้าของช้างมีรายได้ นักท่องเที่ยวได้สัมผัสช้าง และช้างเองไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องแยกจากแม่ก่อนวัยอันควร โดยนักท่องเที่ยวต้องจ่ายแพงกว่าการเที่ยวแบบเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ยอมจ่าย เพื่อรณรงค์ให้เจ้าของช้างหันมาเลี้ยงช้างแบบปล่อยอิสระแบบนี้มากขึ้น
พอโลกมันเปลี่ยนแปลงไปก็ย่อมต้องปรับตัวตาม สิ่งใดดีต่อโลกต่อเพื่อนร่วมโลกมากกว่าถ้าพอจะปรับตัวกันได้ก็ควรทำ
การจะสรุปว่าอะไรที่ทำมาเป็นร้อยปีแล้วก็ควรทำต่อไป เห็นทีนายจ้างต้องจับลูกจ้างโบยเสียห้าสิบที ถ้าลูกจ้างทำผิด เพราะก็ทำกันมาเป็นร้อยปีแล้วเหมือนกัน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย