10 ก.ค. 2020 เวลา 10:00 • ประวัติศาสตร์
เครือญาติแห่งแมนจู ! ทำความรู้จักกับ 'ชาวนาไน' กับความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายที่น่าทึ่ง
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ชาวนาไน คือหนึ่งในชาติพันธุ์ทังกูซิค (Tungusic People) และถือว่าเป็นเครือญาติของชาวแมนจู ที่เคยพิชิตแผ่นดินจีนมาแล้วเมื่อในอดีต ชาวนาไนที่อาศัยอยู่แถบเอเชียตะวันออก (บริเวณชายแดนจีน-รัสเซีย) พวกเขาอาศัยอยู่แถบที่ราบลุ่มแม่น้ำอามูร์ ที่มีความยาวเป็นอันดับสิบของโลก ดินแดนแถบที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอเมซอนแห่งตะวันออกไกลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยชาวนาไนได้อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้มาเป็นเวลานาน พวกเขาดำรงชีพด้วยการทำประมง โดยในช่วงฤดูร้อนพวกเขาจะทำปลาสดกินกัน โดยเฉพาะปลาสเตอร์เจียนที่เป็นสิ่งที่ชาวนาไนชื่นชอบเป็นพิเศษ พอใกล้ถึงช่วงหน้าหนาว ชาวนาไนก็จะนำปลามาตากแห้งเพื่อกักเก็บไว้เป็นเสบียงไว้กินในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้พวกเขายังทำการเกษตรเพื่อการเลี้ยงชีพอีกด้วย
ชาวนาไนมีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เหมือนชนเผ่าทังกูซิค พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ประกอบด้วยกระโปรงและเสื้อ รัดด้วยเข็มขัดหนังพร้อมจี้โลหะรูปกรวย สวมหมวกที่ทำมาจากหนังสัตว์เช่นหมี หมาป่า หรือสุนัขจิ้งจอก และประดับด้วยเศษกระจกจีนในบางครั้ง
WIKIPEDIA PD
ชาวนาไนส่วนใหญ่นับถือผีสางเทวดา พวกเขาให้ความเคารพต่อหมีและเสือ พวกเขาเชื่อว่าหมอผีมีอำนาจวิเศษที่สามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายด้วยการสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า ซึ่งเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมานานนับศตวรรษ ชาวนาไนยังมีความเชื่ออีกว่าทุกสิ่งในโลกล้วนมีจิตวิญญาณของตนเอง เมื่อสิ่งเหล่านั้นตายหรือสูญสลายไป ดวงวิญญาณก็จะล่องลอยเป็นอิสระ
ชาวนาไนมีความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณและชีวิตหลังความตายเป็นมาก พวกเขาเชื่อว่าคนที่ชั่วร้าย เมื่อตายไปก็จะกลายเป็นดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายและทำร้ายญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องนำหมอผีมาขับไล่ดวงวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ให้ออกไป โดยในพิธีกรรมงานศพของชาวนาไน ก็จะมีการทำเครื่องรางหรือที่พักอาศัยจำลองที่ทำมาจากผ้าที่ถูกเรียกว่าลาชาโก (Lachako) ดวงวิญญาณของผู้ตายจะสิงสถิตอยู่ในลาชาโกเป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่ถูกย้ายไปอยู่ในตุ๊กตาไม้ที่ถูกเรียกว่าปันโย (Panyo)
WIKIPEDIA PD
ระหว่างนี้ญาติพี่น้องผู้ตายจะดูแลตุ๊กตาปันโยเป็นอย่างดี ราวกับว่ามันคือตัวแทนของผู้ตายสมัยที่ยังมีชีวิต ก่อนนำไปสู่พิธีกรรมขั้นตอนสุดท้ายที่ถูกเรียกว่า คาซา ตาวอรี (Kasa Tavori) เพื่อส่งดวงวิญญาณไปยังโลกหลังความตาย และในช่วงนี้หมอผีจะมีหน้าที่ตัวกลางในการสื่อสารกับดวงวิญญาณของผู้ตายและญาติเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลากันชั่วนิรันดร์เพราะว่าญาติพี่น้องของผู้ตายจะไม่สามารถพูดถึงผู้ตายและไปเยี่ยมที่หลุมฝังศพของผู้ตายได้อีกต่อไป โดยหมอผีจะต้องนำศพของผู้ตายไปฝังที่สุสานก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ไม่เช่นนั้นหมอผีจะต้องมีอันเป็นไป
WIKIPEDIA PD
ยังมีความเชื่อแปลก ๆ ของชาวนาไนเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายอีกหนึ่งอย่าง ก็คือเด็กทารกที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ชาวนาไนเชื่อว่าเด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่าหนึ่งปี เมื่อตายไป ดวงวิญญาณจะกลายเป็นนกและโบยบินสู่โลกกว้าง เมื่อมีทารกเสียชีวิต ศพจะไม่ถูกฝัง แต่จะถูกห่อด้วยกระดาษที่ทำจากเปลือกไม้เบิร์ชและวางไว้ใต้ต้นไม้ที่ไหนสักแห่งในป่าลึก เพื่อให้ดวงวิญญาณของเด็กทารกที่เสียชีวิตมีอิสระที่โบยบินเข้าไปอยู่ในครรภ์ของสตรีคนใดก็ตามที่พวกเขาอยากมาเกิดเป็นลูก ดังนั้นชาวนาไนจึงใช้ถ่านหินวาดกำไลข้อมือของทารกที่เสียชีวิต หากมีเด็กเกิดใหม่มีเครื่องหมายกำไลคล้ายกับเด็กที่เสียชีวิตไป ก็จะได้ทราบว่าเป็นเด็กทารกที่ตายไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่นั่นเอง
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา